ตอนที่ 107 : ความลับของโลกวิเศษ
ตอนที่ 107 : ความลับของโลกวิเศษ
หลินลั่วที่เพิ่งจะอาบน้ำนั่งพักอยู่ที่โซฟา
ที่โต๊ะกาแฟตรงหน้าเขา มันมีรางวัลสำหรับแชมป์ในการสอบเข้ามหา’ลัยวางเอาไว้ โลกวิเศษ !
“โลกวิเศษคืออะไร ? มันคือสิ่งมีชีวิต ?”
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดกล่องออก มันมี ‘ของ’ โปร่งใส่เหมือนกับเยลลี่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา
“มัน....คือโลกวิเศษจริง ๆ เหรอ ? ไม่ใช่เยลลี่แน่นะ ?”
โลกวิเศษตรงหน้าเขาคล้ายกับมอนสเตอร์ในโลกนี้ !
มองได้ไม่นาน ค่าสเตตัสของมันก็ปรากฏขึ้นในสายตาของหลินลั่ว
[ ชื่อ – โลกวิเศษ
เผ่า – สิ่งมีชีวิตมโนภาพ
คุณสมบัติ – กฎโลกที่ผสมกัน
สถานะ - บาดเจ็บหนัก
คำอธิบาย – ของสิ่งนี้คือสิ่งมีชีวิตประหลาดที่กำเนิดขึ้นหลังจากที่กฎของสองโลกรึมากกว่านั้นหลอมรวมกัน มันมีโลกขนาดเล็กในตัวที่เติบโตได้อย่างอิสระผ่านช่องว่างของมิติเวลา ]
“โลกวิเศษ ?”
“สิ่งมีชีวิตมโนภาพ ?”
“กฎโลกที่ผสมกัน ?”
“มันคืออะไร ?” หลินลั่วสับสน “ยังมีเรื่องช่องว่างมิติกับเวลาอีก หมายความว่ายังไง ?”
“หือ ?” ด้านหลังหูเขามีหัวเล็ก ๆ ยื่นออกมา
เสี่ยวฉิง
เธอเหมือนจะกระโดดลงจากตัวหลินลั่วและมองไปที่โลกวิเศษในกล่อง
เธอลองยื่นมือไปแตะดู
“ระวัง ฉันไม่รู้ว่ามัน....คืออะไร”
‘สไลม์’ ในกล่องเริ่มขยับ
มันยกตัวขึ้นราวกับกำลังมองมาที่เขา
“มัน....มีชีวิต ?”
“ก๊อก ก๊อก... ”
อยู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น หลินลั่วนึกถึงคำพูดของกั้วโฉวยี่เมื่อตอนบ่ายจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู
“รองนายก เชิญเข้ามาสิ”
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือกั้วโฉวยี่
กั้วโฉวยี่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “นายอยู่คนเดียวงั้นเหรอ ? มัน...หือ ?”
เขามองไปที่ของบนโต๊ะก่อนจะยิ้มออกมา
“ถ้าคนในตระกูลอื่นรู้ว่านายโยนโลกวิเศษไว้แบบนี้ ไม่รู้เลยว่าจะมีกี่คนที่ตกใจกับเรื่องนี้....แล้วเจ้าตัวเล็กนี่ล่ะ มันคืออะไร ?”
“หึ...” เสี่ยวฉิงเหมือนจะไม่พอใจเพราะกั้วโฉวยี่เรียกเขาว่า ‘มัน’ เธอยกมือขึ้นเท้าสะเอวรอฟังคำขอโทษ
“หึหึ เหมือนว่าฉันทำตัวน่ารำคาญสินะ....” กั้วโฉวยี่ดึงมือกลับมาล้วงเอาของบางอย่างขนาดเท่ากับเมล็ดแตงโมออกมาส่งให้กับเสี่ยวฉิง
“เจ้าตัวน้อย ถือว่าเป็นคำขอโทษของฉันก็แล้วกัน”
เสี่ยวฉิงเอียงหัวมองไปที่ ‘เมล็ดแตงโม’ ตรงหน้า เธอลองไปดมกลิ่นดูก่อนจะรีบหยิบมันไปกิน
หลินลั่วพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอาย “เธอเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน เลยยังไม่รู้จักมารยาทเท่าไหร่ อย่าถือสาเลย”
กั้วโฉวยี่แสดงสายตาแปลกใจออกมา สายตาเขาแฝงไปด้วยความเหลือเชื่อ เขาพูดขึ้น “ไม่เลย ฉันไม่ถือสาหรอก เด็กจะซนก็เป็นเรื่องธรรมดา !”
เขาไปนั่งที่โซฟาและละสายตาจากเสี่ยวฉิงมาที่หลินลั่ว “หลินลั่ว ฉันอยากชวนเธอเข้าร่วม ในฐานะผู้พิทักษ์....”
หลินลั่วพูดขึ้น “คุณกั้ว ผมบอกไปชัดเจนแล้ว ผมไม่ต้องการที่จะ...”
กั้วโฉวยี่ขัดขึ้นมา “หลินลั่ว ฉันอยากชวนนายมาเป็นผู้สนับสนุนของกลุ่มผู้พิทักษ์”
“ผู้สนับสนุน ?”
“ถูกต้อง” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “ฉันรู้ว่าผู้ปลุกพลังหลายคนน่ะให้ความสำคัญกับอิสระและไม่อยากผูกมัดกับใคร ฉันเองก็ไม่อยากจะบังคับนายเหมือนกัน”
“มันเลยมีตำแหน่งผู้สนับสนุนขึ้นมา”
“ผู้สนับสนุนที่ว่าคือตำแหน่งที่มอบให้กับผู้พิทักษ์ที่มีพรสวรรค์พิเศษ โดยผิวเผินแล้วเป็นผู้พิทักษ์ก็จริง ทว่าก็ยังถือว่าเป็นคนนอก”
“นายไม่ต้องทำงานให้เรา นายไม่ต้องเปิดเผยตัวเอง ในเวลาเดียวกันผู้สนับสนุนจะได้รับผลประโยชน์จากเราทุกเดือน”
หลินลั่วคิ้วขมวดและพูดขึ้น “แล้วตำแหน่งนี้จำเป็นต้องทำอะไร ?”
เขาไม่เชื่อว่าตำแหน่งผู้สนับสนุนจะได้มาฟรี ๆ
กั้วโฉวยี่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ผู้สนับสนุนก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ”
“เมื่อมีปัญหาที่เราจัดการไม่ได้ ทางกลุ่มผู้พิทักษ์ก็จะขอให้ผู้สนับสนุนช่วย ทุกครั้งที่ช่วยจัดการกับปัญหา เราก็จะมีรางวัลตอบแทนให้ ทว่านายจะปฏิเสธภารกิจนั้น ๆ ก็ได้ !”
“ไม่มีข้อผูกมัด !”
“นายว่ายังไง ? ฉันยื่นข้อเสนอให้นายจากใจจริง”
หลินลั่วครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “คุณกั้ว ผมอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องเป็นผม ?”
กั้วโฉวยี่พูดขึ้นมา “ทำไมต้องเป็นนาย....งั้นฉันจะพูดตรง ๆ ก็แล้วกัน ฉันให้ค่ากับพรสวรรค์ และหวังว่านายจะช่วยเหลือกลุ่มของเราได้ ตราบใดที่นายตกลง ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับกลุ่มผู้พิทักษ์ก็จะถือว่าเป็นการร่วมมือกัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเจ้านายกับลูกน้อง !”
“โลกนี้กว้างใหญ่ นายจะไปที่ไหนก็ได้ตามใจต้องการ นายไม่ได้ผูกมัดกับเรา ในทางกลับกันแล้ว นายสามารถใช้ตัวตนของผู้สนับสนุนเพื่อสั่งการผู้พิทักษ์ได้ !”
หลินลั่วมองไปที่กั้วโฉวยี่และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “งั้นก็ได้ ! ผมตกลง !”
“ดีเลย !” กั้วโฉวยี่พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “หลินลั่ว นี่เหรียญของนาย !”
ตอนที่พูดนั้นเขาก็เอาเหรียญปริซึมสีทองออกมา
“ด้วยเหรียญนี่ นายสามารถสั่งการผู้พิทักษ์ระดับทองลงไปในเมืองปิ้นไห่ได้ทั้งหมด ผู้พิทักษ์ของเมืองอื่นอาจจะฟังคำสั่งนายรึอาจจะไม่ฟังก็ได้”
หลินลั่วรับเหรียญมาและโยนมันเก็บเข้าไปในช่องเก็บของ
“และ....” กั้วโฉวยี่เอาเข็มกลัดกลม ๆ ออกมาส่งให้กับหลินลั่ว
“นี่คือตราจำศีลของนายสำหรับค่าจ้าง 1 ปี”
“ตราจำศีล ? มันคืออะไร ?” หลินลั่วมองไปที่ตรานี้ด้วยสีหน้าแปลก ๆ และพูดขึ้น
ตรานี่มีขนาดเท่ากับฝาขวด ผิวของมันมีภาพลมและหิมะสลักเอาไว้
“นายถือว่ามันเป็นมิติที่ไว้เก็บสัตว์เลี้ยง เพื่อที่มันจะได้จำศีลอยู่ด้านใน”
“มิติของสัตว์เลี้ยง...” หลินลั่วอึ้ง เขาคิดถึงเห่ยหลงขึ้นมาทันที
ผู้พิทักษ์ยอมทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อที่จะดึงเขาเข้าเป็นพวก แต่หากเทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว กั้วโฉวยี่นั้นดูใจกว้างกว่าเยอะ
ถ้าก่อนหน้านี้เอาตรานี่มาเสนอเขา เขาอาจจะลังเลอยู่บ้าง
แต่ครั้งนี้มาพร้อมข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ให้เขา รวมถึงให้ตราจำศีลกับเขาด้วย มันเข้าทางเขาทั้งหมด !
เขายิ้มออกมา “ผมจะใช้มันอย่างดีเลย !”
กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมา “หลินลั่ว นายอยากรู้มั้ยว่าโลกวิเศษคืออะไร ?”
หลินลั่วพูดขึ้น “หวังว่าคุณกั้วจะชี้แนะผมได้”
หลายตระกูลใหญ่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงโลกวิเศษมา มันต้องมีความลับที่เขายังไม่รู้อยู่แน่
กั้วโฉวยี่เอนตัวไปพิงโซฟาและพูดขึ้น “นายคงเห็นค่าสเตตัสของมันไปแล้ว นายรู้ว่ามันเกิดขึ้นหลังจากที่กฎของสองโลกรวมตัวกัน กฎที่แตกต่างกัน มันมีโลกขนาดเล็กอยู่ด้านใน !”
“อันที่จริงบทบาทของมันคือสมบัติที่ทำให้ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคก้าวขึ้นไประดับตำนานได้ ! มันคือสิ่งที่ผู้ปลุกพลังระดับตำนานต้องใช้ในการก้าวขึ้นไประดับเทพ”
“ของที่ต้องมีสำหรับการก้าวขึ้นไประดับเทพ ?” หลินลั่วลืมหายใจ เขาเดาว่าบทบาทของโลกวิเศษนั้นมีความหมาย ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับผู้ปลุกพลังระดับเทพ ?
ผู้ปลุกพลังระดับเทพ !
นี่คือคนที่อยู่จุดสูงสุดของโลก จุดสูงสุดของมนุษย์ !
นี่คือผู้นำของเหล่ามนุษย์ในการต้านทานพวกที่มาจากโลกอื่น
ถ้าเทียบกันแล้ว มันแทบจะเท่ากับ....พระเจ้าของโลกนี้ก็ว่าได้ !
“ถูกต้อง” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “นายยังอยู่ห่างจากระดับเทพ ทว่านายจำเป็นต้องรู้เรื่องทั่วไปที่มีแต่พวกผู้ปลุกพลังระดับสูงเท่านั้นที่จะรู้”
“ถ้าผู้ปลุกพลังต้องการก้าวขึ้นไประดับอีปิค พวกเขาต้องเข้าใจพลังของกฎ ถ้านายต้องการก้าวไประดับตำนาน งั้นนายก็ต้องเปิด ‘จักรวาล’ ในร่างกายตัวเอง !”
“จักรวาลภายใน ?”
กั้วโฉวยี่พูดขึ้นต่อ “สิ่งที่เรียกว่าจักรวาลภายในคือพลังของกฎที่ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคเชี่ยวชาญ มันคือโลกขนาดเล็กที่สร้างขึ้นด้วยพลังกฎ ด้วยพลังนี้ พวกเขาก็สามารถอาศัยพลังกฎในการสร้างพลังในรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นมาได้”
“มันยากที่ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคทั่วไปจะสร้างจักรวาลภายในขึ้นมาได้ ตอนนี้ผู้อาวุโสหลายตระกูลในเมืองปิ้นไห่ต่างก็ติดอยู่ที่ส่วนนี้ !”
“โลกวิเศษคือสมบัติที่จะช่วยให้ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคเปิดจักรวาลภายในขึ้นมาได้ !”
“ดังนั้นเมื่อโลกวิเศษปรากฏขึ้นมา ผู้ปลุกพลังระดับอีปิคจำนวนมากก็จะเข้ามาแย่งชิงมัน !”
“โลกวิเศษนี้ถูกชิงมาจากมอนสเตอร์ใต้ทะเลลึกโดยผู้อาวุโสกว่าสิบคนของเมืองปิ้นไห่ !”
“น่าเสียดายที่โลกวิเศษนี้ได้รับความเสียหายจากการต่อสู้ มันไม่เหลือพลังแม้แต่น้อย มีผู้ปลุกพลังระดับอีปิคหลายคนที่อยากได้มัน ทว่าพวกเขาก็ถูกคัดค้าน มันเป็นเหตุผลที่ทำให้โลกวิเศษถูกนำมาใช้เป็นของรางวัลในการสอบเข้ามหา’ลัย !”
“ถ้าลูกหลานของพวกเขาได้แชมป์ในการสอบเข้ามหา’ลัย ตระกูลของเด็กคนนั่นก็จะได้โลกวิเศษไป !”
“ฉันไม่รู้เลยว่าพวกนั้นจะโกรธกันแค่ไหน ฮ่าฮ่า...”
“เข้าใจแล้ว...” หลินลั่วมองเข้าไปในตาอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น “แล้วคุณส่งใครไป ?”
กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมาและพยักหน้าให้กับหลินลั่ว “นายนี่หัวเร็วจริง ๆ ช่างเถอะ ฉันจะบอกความจริงกับนายก็แล้วกัน หยางเฉินหลี่ เขามีสกิลที่พิเศษ เขาถูกรับเข้าเป็นผู้พิทักษ์ตั้งแต่ช่วงแรก”
“กลับเป็นเขานี่เอง...” หลินลั่วจำชายหนุ่มในชุดเขียวที่ถือหนังสือติดตัวตลอดได้
ไม่คิดเลยว่าหยางเฉินหลี่จะเป็นผู้พิทักษ์ !
น่าเสียดายที่หยางเฉินหลี่ตกรอบเร็วเกินไป !
“ใช่สิ คุณกั้ว ผมมีคำถามสุดท้าย !” หลินลั่วพูดขึ้น “ช่องว่างมิติเวลาคืออะไร ?”