ตอนที่ 102 สิบอันดับสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในเจียงโจว
เกมที่เพิ่งปล่อยภารกิจท้าทายใหม่ออกมาเหมือนเป็นภารกิจธรรมดา
[พรุ่งนี้ไปร่วมพิธีเปิดบริษัทของ เฉิน หงปั๋ว และเข้าร่วมพิธีตัดริบบิ้น]
ภารกิจนี้ เย่เฉิน ไม่ได้ประหลาดใจอะไร เพราะเมื่อคืนเขาได้ให้สัญญากับพ่อของ เฉิน หงปั๋ว, เฉิน จินจง ว่าเขาจะไปเข้าร่วมอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำให้ เย่เฉิน ตะลึงจริงๆ คือรางวัลของภารกิจนี้
[รางวัลภารกิจ : ครอบครอง หุ้น 15% ของบริษัท ต้าเซี่ย เรียล เอสเตท กรุ๊ป(Daxia Real Estate Group) และกลายเป็นรองประธานฝ่ายแรกของบริษัท ต้าเซี่ย เรียล เอสเตท กรุ๊ป]
รางวัลนี้ช่างมหาศาลมาก
คุณต้องรู้ก่อนว่า บริษัท ต้าเซี่ย เรียล เอสเตท กรุ๊ป เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเจียงโจว ด้วยทรัพย์สินโดยรวมสูงถึงสองแสนล้านหยวน!
ครอบครอง หุ้น 15% ของบริษัท ต้าเซี่ย เรียล เอสเตท กรุ๊ปนั่นก็เท่ากับประมาณ 30,000 ล้านหยวน!
นี่คือรางวัลสูงสุดที่ เย่เฉิน เคยได้รับจากเกม [ด้วยเงินเดือนแค่สามพัน ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้]
และเป็นรางวัลที่มหาศาลที่สุดที่ เย่เฉิน เคยพบเจอ
เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น มูลค่าทรัพย์สินของ เย่เฉิน จะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจนี้ไม่มีความยากใดๆ มันเหมือนเป็นการส่งมอบเงิน 30,000 ล้านหยวนให้กับเขาแบบฟรีๆ เลย
นี่คือเงิน 30,000 ล้านหยวน ซึ่งปกติคนธรรมดาไม่มีทางฝันถึงจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ ..ด้วยซ้ำ
พรุ่งนี้ เย่เฉิน จะต้องไปเข้าร่วมพิธีเปิดบริษัทของ เฉิน หงปั๋ว ตามกำหนดแน่นอน
การที่จะได้รับเงินมหาศาลถึง 30,000 ล้านหยวนทำให้ เย่เฉิน อารมณ์ดี พร้อมกับมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“พี่เย่ รถ Rolls-Royce Phantom Tranquility Edition นี้หล่อเท่มากๆ”
“การซื้อรถหรูเป็นกอง ไม่มีใครเทียบได้กับ พี่เย่ ที่ยอดเยี่ยมของเรา”
สาวๆ หลายคนล้อมรอบ เย่เฉิน ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ชายหนุ่มที่ร่ำรวย และเป็นกันเองแบบนี้ ..ใครจะไม่ชอบ?
“เอ่อ.. บอสเย่ ผมมีเรื่องต้องไปทำ ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ในขณะนี้ ตงชาง ที่เคยโอ้อวดเปลี่ยนเป็นนอบน้อมอย่างยิ่ง
แม้แต่ชื่อเขายังเรียก เย่เฉิน ว่า ‘บอสเย่(叶老板)’ ด้วยความเคารพ
ตงชาง ในตอนนี้ไม่อาจทนอยู่ได้อีกต่อไป
ทั้งคฤหาสน์หลังใหญ่ และการซื้อรถหรูเป็นกอง
ถ้าเขาเคยเจอคนรวยขนาดนี้มาก่อน เขาคงจะต้องรีบเข้าไปประจบทันที
แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้า เย่เฉิน และกลับถูก เย่เฉิน ทำให้ดูไร้ค่า(ไม่มีอะไรให้เทียบได้เลย)
เมื่อมองไปที่คฤหาสน์ และรถหรูของ เย่เฉิน ตงชาง แทบจะอยากหายตัวไปจากตรงนี้ทันที
“เอ่อ.. ฉันจะไปกับพี่เขย เจอกันใหม่นะทุกคน”
เจียง อวิ๋นหยุน โบกมือให้กับเพื่อนๆ อย่างไม่สบายใจ
หลังจากพูดอย่างนั้น เจียง อวิ๋นหยุน และตงชาง ก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วด้วยความสิ้นหวัง
ในคฤหาสน์ตอนนี้ก็เหลือแค่ เย่เฉิน, ซู หลิงเอ๋อร์ และเพื่อนๆ ผู้หญิงของเธออีกหลายคน
“ทุกคนเข้ามาดื่มน้ำข้างในก่อนเถอะ”
เย่เฉิน พูดขึ้น
คนอื่นๆ ต่างตกตะลึงกับคฤหาสน์หลังใหญ่ และรถหรูจนลืมเป้าหมายของการมาที่นี่ไป
แต่ เย่เฉิน ไม่ลืม
หลังจากได้ยิน เย่เฉิน พูด สาวๆ ก็รู้สึกคอแห้ง และกระหายน้ำมาก
หลังจากที่พวกเธอเดินดูรอบๆ คฤหาสน์แล้ว พวกเธอก็กล่าวอำลา เย่เฉิน ไปอย่างไม่เต็มใจ
เย่เฉิน ตัดสินใจว่าจะนำรถ Rolls-Royce Phantom Tranquility Edition คันนี้ไปใช้
คฤหาสน์ของเขานี้มีซุปเปอร์คาร์หรูชั้นนำอยู่หลายคันแล้ว เช่น Bugatti Veyron และ Aston Martin
แต่ทั้งหมดสามารถนั่งได้แค่สองคนเท่านั้น
ส่วนรถหรูระดับธุรกิจที่เหมาะสมไม่มีเลย มีก็แค่รถ Bentley ที่ธรรมดาๆ พอใช้ได้เท่านั้น
ตอนนี้เขามีรถ Rolls-Royce Phantom Tranquility Edition นี้มาชดเชยช่องว่างนี้ได้..อย่างดี
เย่เฉิน หลังจากจอดรถหรูอีกสามคันในโรงรถแล้ว เขาก็ขับรถ Rolls-Royce Phantom Tranquility Edition ออกไปพร้อมกับ ซู หลิงเอ๋อร์
หลังจากส่ง ซู หลิงเอ๋อร์ กลับบ้าน เย่เฉิน ก็ตรงกลับไปที่คฤหาสน์ของเขาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่ายของวันถัดไป เย่เฉิน ออกจากบ้าน เตรียมไปร่วมพิธีเปิดบริษัทของ เฉิน หงปั๋ว
สำหรับวันนี้แน่นอนว่าเขาขับรถ Rolls-Royce Phantom Tranquility Edition คันใหม่ที่ว่า
เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับมันมา และยังรู้สึกสดใหม่กับรถคันนี้
เมื่อ เย่เฉิน มาถึงศูนย์กลางทางการเงิน เขาเห็นอาคารเทียนเหิงใหญ่โตที่อยู่ตรงหน้า และไม่มีความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับที่เคยไปเข้าร่วมงานเลี้ยงในอดีต
ต้องรู้ก่อนว่าทั้งอาคารเทียนเหิงนี้ ..เป็นทรัพย์สินของเขาเอง
พูดให้ชัดเจนคือ บริษัททางการเงินที่ดูสูงส่งในอาคารนี้เป็นเพียงผู้เช่าของเขาเท่านั้น
และเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของที่นี่
หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เย่เฉิน เดินเข้าไปในอาคารเทียนเหิง และตรงไปที่ชั้นสิบสอง
เมื่อเย่เฉินมาถึงชั้นสิบสอง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือพิธีเปิดบริษัทที่จัดอย่างใหญ่โต
ท้ายที่สุดแล้ว เนื่องจากพ่อของ เฉิน หงปั๋ว เป็นนักธุรกิจใหญ่ในเจียงโจวที่มีทรัพย์สินรวมกว่า 2 หมื่นล้านหยวน
เมื่อลูกชายเปิดบริษัท การจัดงานจะดูธรรมดาไปได้อย่างไร?
เฉิน หงปั๋ว เมื่อเห็น เย่เฉิน มาถึง เขาก็รีบเข้ามาทักทาย
“ไม่เจอกันเพียงไม่กี่วัน พี่เฉิน ดูหล่อขึ้นอีกแล้ว”
เฉิน หงปั๋ว พูดอย่างเป็นธรรมชาติมาก
ตอนนี้เขาเป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของ พี่เฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องประจบ พี่เฉิน ให้ดีๆ เป็นธรรมดา
“ยินดีด้วยนะ”
เย่เฉิน กล่าวแสดงความยินดี
“พี่เฉิน เกรงใจเกินไปแล้ว”
เฉิน หงปั๋ว อยู่พูดคุยกับ เย่เฉิน ครู่หนึ่ง แล้วจึงไปต้อนรับแขกคนอื่นๆ ต่อ
เพราะวันนี้มีแขกเข้ามาร่วมเยอะมาก
ทาง เฉิน จินจง กำลังสนทนากับเพื่อนๆ ของเขาหลายคน
เมื่อเห็น เย่เฉิน มาถึงแล้ว เฉิน จินจง ก็แยกตัวออกจากเพื่อนๆ แล้วมาทักทาย เย่เฉิน
“คุณเย่ ขอบคุณที่มา นี่ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ”
เฉิน จินจง พูดอย่างสุภาพมาก
“ไม่เป็นไรครับ”
เย่เฉิน พูดคุยกับ เฉิน จินจง อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหาที่นั่ง
หลังจากหาที่นั่งอยู่พักหนึ่ง ในที่สุด เย่เฉิน ก็เจอที่นั่งที่เหมาะสม
แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ไกลนัก เย่เฉิน ก็ตกใจ
ไม่คาดคิดเลยว่าพิธีเปิดบริษัทครั้งนี้ นอกจากพ่อลูกตระกูลเฉิน ยังมีคนที่เขารู้จักอยู่อีกด้วย
คนรู้จักนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือพี่สาวเพื่อนบ้านแสนสวยของ เย่เฉิน, โม่ เมิ่งเฟย
ในขณะนี้ โม่ เมิ่งเฟย ก็สังเกตเห็น เย่เฉิน เช่นกัน
เย่เฉิน เดินเข้าไปทักทาย
หลังจากนั่งลงแล้ว ทั้งสองก็พูดคุยกันเล็กน้อย เย่เฉิน จึงได้ทราบว่าพ่อของ โม่ เมิ่งเฟย ป่วย
วันนี้ โม่ เมิ่งเฟย จึงมาเพื่อแสดงความยินดีแทนพ่อของเธอ
ป่วยหรือ?
เย่เฉิน คิดว่าเขาควรหาเวลาสักวันไปเยี่ยม ลุงโม่
เย่เฉิน สนิทกับพ่อของ โม่ เมิ่งเฟย มาก เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยเลยก็ได้
ทางฝ่ายพ่อลูกตระกูลเฉินเองก็รู้จักกับ เย่เฉิน ผ่านการแนะนำของ ลุงโม่
ขณะที่ เย่เฉิน พูดคุยกับ โม่ เมิ่งเฟย แขกหลายคนก็เริ่มมาถึงทีละคน
หนึ่งในหมู่พวกเขานั้นมีชายหนุ่มวัย 28-29 ปีที่ดูเป็นที่สะดุดตามากที่สุด
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้ ไม่เพียงแต่ เฉิน หงปั๋ว จะเข้าไปทักทาย แม้แต่ เฉิน จินจง ก็เข้าไปพูดคุยด้วยสองสามคำ
“พี่มู่ พี่มาแล้ว”
เฉิน หงปั๋ว พูดอย่างสุภาพมาก
ชายหนุ่มวัย 28-29 ปีคนนี้ชื่อว่า หยาง เจี้ยนมู่
เฉิน หงปั๋ว รู้จัก หยาง เจี้ยนมู่ มาตั้งแต่เด็ก เพราะ หยาง เจี้ยนมู่ แก่กว่า เฉิน หงปั๋ว ไม่กี่ปี และพ่อของ หยาง เจี้ยนมู่ ก็เป็นเพื่อนกับ เฉิน จินจง เช่นกัน
ดังนั้น เฉิน หงปั๋ว จึงเรียก หยาง เจี้ยนมู่ ว่า ‘พี่มู่’ เสมอ
ความแข็งแกร่งของครอบครัว หยาง เจี้ยนมู่ และครอบครัวของ เฉิน หงปั๋ว นั้นใกล้เคียงกัน
เนื่องจากพ่อของ หยาง เจี้ยนมู่ สุขภาพไม่ดี เขาจึงถอยไปอยู่เบื้องหลังในช่วงปีที่ผ่านมา และให้ลูกชายของเขา หยาง เจี้ยนมู่ เข้ารับช่วงต่อกิจการแทน
เฉิน จินจง ตอนนี้ที่เข้าไปทักทายก็แค่พูดคุย และสอบถามเรื่องสุขภาพพ่อของ หยาง เจี้ยนมู่
“หงปั๋ว ยินดีด้วยนะ”
หยาง เจี้ยนมู่ พูด
“พี่มู่ เกรงใจเกินไปแล้ว ต่อไปผมยังคงต้องหวังพึ่ง พี่มู่ อีกมาก”
เฉิน หงปั๋ว พูดไปอย่างสุภาพ
“อืม ถ้ามีปัญหาอะไรก็อย่าลังเลที่จะมาหาฉันได้ ในเจียงโจว ฉันยังพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง”
หยาง เจี้ยนมู่ พูดด้วยความมั่นใจ
ในบรรดาคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ หยาง เจี้ยนมู่ ถือเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุด และมีอนาคตไกล
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หยาง เจี้ยนมู่ ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน ‘สิบอันดับสุดยอดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในเจียงโจว’
ด้วยการสนับสนุนจากพ่อของเขา ทำให้ หยาง เจี้ยนมู่ ได้พัฒนานิสัยที่หยิ่งผยอง เขามีท่าทางมั่นใจ และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
หลังจากทักทายกับ เฉิน หงปั๋ว แล้ว หยาง เจี้ยนมู่ ก็หันมองไปสำรวจรอบๆ
เมื่อเขาเห็น เย่เฉิน เขาก็พลันแข็งทื่อไป…