ตอนที่แล้วตอนที่ 38: ดันเจี้ยนระดับนรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40: สังหารด้วยมือประคอง

ตอนที่ 39: เรื่องขำขัน


ตอนที่ 39: เรื่องขำขัน

“ลูกพี่ ทำไมคุณถึงหัวเราะล่ะ?”

ผู้เล่นจากสมาคมมังกรดำอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นมังกรท่องโลกกำลังหัวเราะอย่างมีความสุข

“ฮ่าฮ่า พอดีเห็นเรื่องขำขันเข้าน่ะ หนิวต้าลี่คนนั้นถึงกับอยากลงดันเจี้ยน” มังกรท่องโลกหัวเราะร่วนจนไม่อาจหุบปากได้

“ลงดันเจี้ยน? มันมีอะไรน่าขำเหรอ?”

ทุกคนยิ่งพากันสับสน

แม้ดันเจี้ยนปราสาทเงาจะค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นดันเจี้ยนที่ยอดฝีมือผ่านไม่ได้

กิลด์ขนาดใหญ่ส่วนมากอย่างสมาคมมังกรดำก็สามารถผ่านได้

ผู้เล่นจากสมาคมมังกรดำเคยเห็นพละกำลังของหวังยวนมาแล้ว ด้วยเลเวลดังกล่าว แม้ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะลงดันเจี้ยน แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในขอบเขตที่ผ่านได้ แล้วมันน่าขำตรงไหนกัน?

ลูกพี่โดนลาเตะเข้าที่หัวมาหรือไง? ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเคยถูกดักฆ่าที่จุดคืนชีพ?

“เขาอยากลงปราสาทเงาระดับนรก” มังกรท่องโลกอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “แถมยังมาถามฉันว่าอยากร่วมวงด้วยหรือเปล่า!!”

“ระดับนรก? บ้าอะไรเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! โธ่ถัง! หมอนี่บ้าไปแล้วหรือไง?”

“คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานหรือไง”

"เวลาอยู่ในดันเจี้ยนมันไม่มีที่ให้หลบซ่อนหรอกนะ!!"

เมื่อได้ยินคำพูดของมังกรท่องโลก ผู้เล่นจากสมาคมมังกรดำต่างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง

โดยเฉพาะมังกรหัวล้านกับอวิ๋นจงอีเฮ่อ เสียงหัวเราะของพวกเขาค่อนข้างดังเกินจริง

แม้มังกรหัวล้านจะถูกหวังยวนทรมาน แต่มังกรหัวล้านกับอวิ๋นจงอีเฮ่อยังไม่ค่อยหลาบจำเท่าไหร่นัก

เพราะในสายตาของพวกเขา เหตุผลที่สมาคมมังกรดำไม่สามารถทำอะไรหวังยวนได้เป็นเพราะเด็กคนนี้ซ่อนตัวได้แปลกประหลาดเกินไป ทำให้พวกตนไม่สามารถหาเขาพบได้ มันเป็นเรื่องน่ารังเกียจนักที่เอาแต่สั่งทหารโครงกระดูกบางส่วนให้เตร็ดเตร่รอบถนนเพื่อตามหาลูกพลับอ่อนแอโดดเดี่ยว

กิลด์ขนาดใหญ่ไม่อาจมาเสียเวลากับคนหนึ่งคนได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะประนีประนอมชั่วคราว

ในด้านของพละกำลังแท้จริง สมาคมมังกรดำที่มีคนจำนวนมากจะไม่สามารถเอาชนะผู้เล่นธรรมดาได้เชียวหรือ

ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหนิวต้าลี่อวดดีเกินไป หาได้ทราบว่าตัวเองเหลิงมากแค่ไหน การที่ถึงขั้นตะโกนว่าจะลงดันเจี้ยนระดับนรก มันไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกเหรอ?

ดันเจี้ยนไม่ใช่ถิ่นทุรกันดาร แผนที่ขนาดใหญ่แบบนั้นไม่เหมาะจะให้เขาทำการซ่อนตัวได้

ทันทีที่อยู่ในดันเจี้ยน ผู้เล่นก็จะถูกขังเอาไว้ในแผนที่ ไม่ว่าจะซ่อนตัวดียังไงก็ไม่สามารถหลบหนีออกจากแผนที่ดันเจี้ยนได้จนกว่าจะท้าทายล้มเหลวจนต้องออกจากดันเจี้ยน

กิลด์ย่อมทราบดีที่สุดว่าดันเจี้ยนปราสาทเงามีความยากมากแค่ไหน ถึงอย่างไรทุกคนก็เคยผ่านกันมาแล้ว

ระดับปกติไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นจะสามารถรับมือในช่วงนี้ได้โดยง่าย ส่วนระดับนรก... อย่าแม้แต่จะบังอาจคิด

แม้จำนวนสูงสุดของผู้เล่นในระดับนรกจะมากถึง 25 คน แต่กิลด์ขนาดใหญ่เคยลองระดับปกติมาแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความกล้าที่จะท้าทายอีก

คุณมันก็แค่ผู้เล่นทั่วไปแต่กล้ามาตะโกนว่าจะลงดันเจี้ยนระดับนรก แลลนี้คงอธิบายได้แค่ว่า "ประเมินความสามารถสูงเกินไป"

ดูท่าว่าหากไม่ตายสักสองสามครั้งก็คงคิดว่าตัวเองสามารถทำได้อีกเป็นแน่

“ลูกพี่ คุณตอบรับคำขอของเขาหรือเปล่า?” อวิ๋นจงอีเฮ่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“คุณคิดว่าฉันจะสนใจเขาเหรอ?” มังกรท่องโลกเอ่ยคำอย่างมีความสุข "เคารพทางเลือกของผู้อื่นและหัวเราะกับชีวิตของพวกเขา มารอดูเรื่องขำขันกันดีกว่า มันต้องตลกมากเป็นแน่"

"ฮ่าฮ่า!"

อวิ๋นจงอีเฮ่อหัวเราะแล้วเอ่ยคำ "กลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในเมืองพายุฟ้าคะนองคือพวกเราสมาคมมังกรดำ หากพวกเราไม่ตอบตกลงเขา เขาก็จะยิ่งกลายเป็นตัวตลกมากขึ้น"

“ฉันจะไม่ยอมหัวเราะกับเรื่องนี้เพียงคนเดียวแน่” มังกรท่องโลกเอ่ยคำ "เหล่าอวิ๋น เข้าเว็บบอร์ดแล้วตั้งกระทู้บอกว่าเขาอยากลงดันเจี้ยนระดับนรก ฉันอยากให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขาด้วยกัน"

ก่อนหน้านี้มังกรท่องโลกถูกหวังยวนทำให้อับอาย ทว่าในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสได้เห็นเรื่องขำขันแล้ว มีหรือจะพลาดโอกาสที่จะเอาคืนแบบนี้

อย่ามาล้อเล่นนะ หากทำให้ฉันอับอายได้ คุณก็ต้องถูกทำให้อับอายเหมือนกัน

“เอ่อ...มันจะไม่แย่เอาเหรอ?” อวิ๋นจงอีเฮ่อตกตะลึงขณะลังเล

“แย่ตรงไหน ขนาดเขายังทำให้พวกเราอับอายได้เลย” มังกรท่องโลกเอ่ยคำอย่างมุ่งร้าย "ฉันแค่อยากให้ทุกคนหัวเราะเยาะเขาเท่านั้น"

“ไม่สิ... ประเด็นอยู่ที่พวกเราคืนเพิ่งคืนดีกับเขา แล้วถ้าเขาตามมาเอาคืนขึ้นมาจะทำยังไง?” อวิ๋นจงอีเฮ่อยังคงหวาดกลัว

การไม่เชื่อฟังไม่ได้หมายความว่าไม่กลัว

ราชันนรกผู้มีชีวิตคนนี้มาและไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนโครงกระดูกที่อยู่ใต้อาณัติคล้ายกับผู้แสวงหาความตาย ใครเล่าจะไม่หวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนี้

หากสมาคมมังกรดำถูกดักรอที่จุดคืนชีพอีกครั้งขึ้นมา สมาคมมังกรดำก็จะไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้อีกในช่วงชีวิตที่เหลือ

“คุณนี่โง่เหลือเกิน! ไม่รู้จักอวตารหรือไง? ใช้บัญชีเด็กลงกระทู้ตามเว็บบอร์ดทั้งหลายสิ... ในเมื่อรู้วิธีเยินยอแล้ว คงไม่ต้องบอกนะว่าจะให้เยินยอแบบประชดประชันยังไง” มังกรท่องโลกยิ้มกว้าง

“เข้าใจ! เข้าใจ! ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้ว” อวิ๋นจงอีเฮ่อเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินเช่นนี้

เมืองพายุฟ้าคะนอง โรงเตี๊ยมฮันส์

หวังยวนนั่งอยู่ในตำแหน่งโดดเด่นที่สุด โดยมีสุ่ยหลิงหลงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ผู้เล่นห้าคนที่รูปลักษณ์แตกต่างกันนั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง

ทางฝั่งซ้ายของสุ่ยหลิงหลงคือนักบวชวัยกลางคนซึ่งมีอายุประมาณสี่สิบปี แม้สีหน้าจะจริงจัง แต่สายตากลับไม่ปกปิดความเหยียดหยันแต่อย่างใด

ทางฝั่งขวาคือวอริเออร์ผมแดงที่สวมชุดเกราะส่องแสงสีน้ำเงินเป็นประกายพร้อมกับพาดกระบี่สีน้ำเงินเงาวับเอาไว้บนหลัง อาวุธกับชุดเกราะระดับเงินแสดงให้เห็นถึงทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง แต่รอยยิ้มที่เขาแสดงออกมาให้ความรู้สึกใกล้ชิด

ถัดจากวอริเออร์คือเด็กผู้ชายอายุสิบสี่ถึงสิบห้าปี เด็กผู้ชายคนนี้ถือคันธนูขณะมองรอบข้างแล้วพึมพำ "โรงเตี๊ยมใหญ่ขนาดนี้แต่กลับไม่มีสตรีเลยสักคน ช่างเป็นความล้มเหลวอะไรอย่างนี้ หากฉันเปิดบาร์ในอนาคตละก็จะต้องหาสตรีมาร่วมงานด้วยแน่นอน”

จอมเวทที่อยู่ตรงข้ามกับนักธนูสวมเสื้อคลุมสีดำขณะก้มศีรษะเพื่อเล่นกับจอกสุราในมือ เมื่อเงยหน้าขึ้น หวังยวนก็แทบตกตะลึง โอ้พระเจ้า ช่างดูเป็นนามธรรมมากกว่าโครงกระดูกทั้งสามภายใต้คำสั่งของหวังยวนเสียอีก

คนสุดท้ายคือพาลาดินที่หล่อเหลายิ่ง ชุดดเกราะสะอาดสะอ้านและไร้ที่ติอย่างเหลือเชื่อ ผู้เล่นทั้งหลายในเกมจะเต็มไปด้วยฝุ่น แต่คนผู้นี้กลับมากด้วยเสน่ห์เย้ายวนจนหวังยวนอดสงสัยในวิธีการของเขาไม่ได้

“คนนี้คือผู้มีคุณธรรมย่อมชนะทุกสรรพสิ่ง เป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์เลเวล 17!” สุ่ยหลิงหลงชี้ไปที่นักบวช จากนั้นจึงชี้ไปที่หวังยวน “เขาคือหนิวต้าลี่”

“คุ้นอยู่คุ้นอยู่! เลื่องลือราวกับฟ้าผ่า!” ผู้มีคุณธรรมย่อมชนะทุกสรรพสิ่งโค้งมือไปทางหวังยวนแล้วแย้มยิ้มที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยันมากขึ้น

“รอยยิ้มของชายผู้นี้ร้ายกาจยิ่งกว่าพี่หนิวเสียอีก ต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน!” เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะบ่น

“คนนี้คือวีรชนเป็นหนึ่ง เป็นเวพ่อนวอริเออร์เลเวล 18” สุ่ยหลิงหลงชี้ไปที่วอริเออร์ผมแดงอีกครั้ง

“สวัสดีพี่หนิว! ได้ยินมาว่าคุณเป็นนักธุรกิจมืออาชีพเหมือนกันเหรอ?” วอริเออร์ผมแดงยิ้มแล้วเอ่ยคำ "หลังจากนี้พวกเราควรคบหากันเข้าไว้"

“เวรเอ๊ย กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหนึ่ง (หวูซวง) เหรอ?” ต้าไป๋เอ่ยคำอย่างเดือดดาล

“เด็กคนนี้เป็นลูกชายของพวกเรา รู้จักในชื่อยิงไปเรื่อยเปื่อย เป็นนักแม่นปืนเลเวล 18” สุ่ยหลิงหลงหันมาชำเลืองมองเด็กคนหนึ่ง

ส่วนคนอื่นต่างเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

"ฉันเป็นพ่อพวกคุณ! ฉันเป็นพ่อพวกคุณ!" นักธนูกระโดดไปมา

“ดู ID ของเขาสิ ดูท่าว่านิสัยของนักธนูทุกคนจะเหมือนกันหมดสินะ” แซ่ไป๋ทั้งสองหันมามองหม่าซานเอ๋อร์

"ปุดปุดปุดปุด!" หม่าซานเอ๋อร์เดือดดาลจนดูเหมือนพร้อมจะกราดยิงสุ่ม

“ชื่อของฉันคือเทพแห่งความตาย! ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามพี่หนิวมาไม่น้อย ส่วนอาชีพเป็นนักเวทน้ำแข็งเลเวล 20” นักเวททักทายหวังยวนขณะก้มศีรษะต่อด้วยเกรงว่าจะทำให้หวังยวนหวาดกลัว

“ฉันชื่อความหวัง เป็นพาลาดินเลเวล 17 สวัสดีหนิว” พาลาดินพยักหน้าให้หวังยวนเช่นกัน

เมื่อเห็นคนเหล่านี้ ประโยคหนึ่งจึงวูบไหวขึ้นมาในใจของหวังยวน สิ่งของกองไว้รวมกัน คนอยู่กันเป็นกลุ่ม

คนอย่างสุ่ยหลิงหลงไม่มีมือใหม่อยู่รอบตัวจริงด้วย

แม้คนเหล่านี้จะสูง เตี้ย อ้วน ผอม เด็ก แก่ สวยและน่าเกลียดต่างกันออกไป แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นของจริง

ไม่เพียงแต่มีอุปกรณ์สวมใส่ครบครันเท่านั้น แต่เลเวลต่ำสุดยังอยู่ที่ 17 อีกด้วย

โดยเฉพาะนักเวทชื่อเทพแห่งความตายมีเลเวลมากถึง 20

นี่คือผู้เล่นเลเวล 20 คนที่สองที่หวังยวนเคยพบเจอมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด