ตอนที่แล้วตอนที่ 27 รู้เท่าทัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 29 ผลลัพธ์ขั้นต้น

ตอนที่ 28 ทุกวิถีทาง


ตอนที่ 28 ทุกวิถีทาง

หลินมู่เหงื่อท่วมกาย คิ้วขมวดมุ่น

แปดชั่วโมงผ่านไป... แต่ไร้วี่แววของความสำเร็จ!

การฝึกเคล็ดหญ้าพฤกษานี้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ ต่างจากวิชาห้าธาตุที่เคยฝึกฝนมาโดยสิ้นเชิง!

เคล็ดหญ้าพฤกษาจัดเป็นวิชาธาตุไม้

แต่ต่างจากวิชาธาตุไม้อื่น ๆ ตรงที่เคล็ดหญ้าพฤกษาไม่ได้อ่อนโยนหรือยืดหยุ่น แต่กลับทรงพลัง และรุนแรงยิ่ง ตามที่จารึกไว้ในตำราหยก เคล็ดหญ้าพฤกษาสามารถช่วงชิงแก่นแท้ของพืชพันธุ์ไม้ แล้วเปลี่ยนเป็น ‘ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษา’ ซึ่งอุดมไปด้วยแก่นแท้แห่งชีวิต มีประโยชน์อย่างมากต่อการบำรุงยาจิตวิญญาณ และหญ้าวิญญาณ

แต่เคล็ดหญ้าพฤกษาก็เรียนรู้ได้ยากนัก เหตุผลประการแรกคือพลังที่รุนแรงของมัน ทำให้ต้องใช้พลังวิญญาณสูงมาก ผู้ฝึกตนที่ยังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหกแทบจะไม่มีทางเรียนรู้ได้สำเร็จ

ประการที่สองคือเคล็ดวิชาลึกลับซับซ้อน ละเอียดอ่อน ต้องใช้ทักษะการใช้นิ้วมือที่คล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่งจึงจะใช้งานได้อย่างราบรื่น

และประการสุดท้ายคือเป้าหมายในการช่วงชิงนั้นหายากยิ่ง ภายในสำนักดาบพันปักษานั้นไม่อนุญาตให้ตัดหรือทำลายต้นไม้โดยพลการ หากต้นไม้โบราณอายุนับร้อยปีต้องล้มตายลงอย่างปริศนา ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้

แต่หลินมู่กลับมองเห็นคุณค่าที่ไม่ธรรมดาของมัน

ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาสามารถเร่งการเติบโตของหญ้าวิญญาณ และยาจิตวิญญาณได้ หากเขาเรียนรู้เคล็ดวิชานี้สำเร็จและสามารถสร้างลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาได้จำนวนมาก ก็จะสามารถเร่งการเติบโตของหญ้าวิญญาณในมิติวังวนจันทราได้ เช่น ต้นยาสูบเยือกแข็งที่ปกติต้องใช้เวลาสี่เดือนในการเติบโต หากใช้ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาเร่ง ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในสามเดือน

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาที่เป็นวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุนับว่าเป็นของหายากยิ่ง!

ผลประโยชน์เหล่านี้กระตุ้นให้หลินมู่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องเรียนรู้เคล็ดวิชานี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!

ทว่าแม้จะฝึกฝนอย่างหนักมาแปดชั่วโมงเต็มกลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

‘การควบแน่นปราณแห่งธาตุไม้’ ที่กล่าวไว้ในเคล็ดหญ้าพฤกษายังคงไม่ปรากฏ

สิบนิ้วของหลินมู่ขยับเปลี่ยนท่าอย่างต่อเนื่องรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพติดตา!

ความเร็วระดับนี้ หากเป็นเคล็ดวิชาอื่นก็สามารถร่ายพร้อมกันได้ถึงสองบท แต่สำหรับเคล็ดหญ้าพฤกษาแล้วยังถือว่าช้าเกินไป

มือทั้งสองข้างลอยอยู่ตรงหน้าอก นิ้วทั้งสิบขยับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง แต่ละนิ้วก็เคลื่อนไหวต่างกัน พลังปราณไหลเวียนอยู่ที่ปลายนิ้ว เขาทำอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะพลาดท่าผิดพลั้งไป ท่ามกลางการขยับนิ้วที่พยายามจะควบแน่นปราณแห่งธาตุไม้ แต่ครึ่งค่อนวันผ่านไปก็ยังไร้วี่แววของการควบแน่น

แปดชั่วโมงแห่งการฝึกฝนอย่างหนัก นิ้วมือของหลินมู่ปวดระบม ชาจนแทบจะไม่รู้สึกอะไร

ความพยายามและผลลัพธ์ที่ได้... ช่างไม่คุ้มค่า!

หลินมู่หยุดพักการฝึกฝนชั่วครู่ แล้วกลับมาศึกษาตำราหยกอีกครั้ง คราวนี้เขาอ่านมันอย่างละเอียดกว่าเดิม

เขาพิจารณาแต่ละคำในเคล็ดหญ้าพฤกษาอย่างถี่ถ้วน จนกระทั่งประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เขาเกิดความเข้าใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“ภายในเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย หากทำสำเร็จตามเคล็ดวิชา จะเริ่มแสดงพลังอำนาจเบื้องต้น และปรากฏปราณแห่งธาตุไม้ขึ้นตรงหน้า”

“ภายในเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย... ภายในเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย...” หลินมู่พึมพำกับตัวเอง พลางครุ่นคิดถึงความหมายของประโยคนี้ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “ข้าเข้าใจแล้ว!”

เคล็ดหญ้าพฤกษานี้ต้องการทักษะการใช้นิ้วมือที่สูงส่ง ไม่เพียงแต่ความซับซ้อนของท่าทางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเร็วด้วย อย่างน้อยที่สุดต้องทำให้สำเร็จภายในเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย

หลินมู่นึกถึงตัวเองที่ใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าจะทำทุกท่าทางได้ครบถ้วนโดยไม่ผิดพลาด นั่นก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ยังห่างไกลจากเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยนัก

เมื่อค้นพบสาเหตุ หลินมู่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง ตราบใดที่ยังมีทิศทางในการพยายาม ทุกอย่างก็ยังพอมีหนทาง เพียงแต่กลัวว่าจะเหมือนแมลงวันหัวขาดไม่รู้ว่าจะพยายามไปทางไหน

เขาสงบจิตใจลงแล้วเริ่มฝึกฝนท่าทางนิ้วมืออีกครั้ง โดยพยายามเพิ่มความเร็วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ผิดพลาด ครั้งนี้สถานการณ์ดีขึ้นมาก เขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามก็ทำทุกท่าทางได้ครบถ้วน เพียงแต่ยังห่างไกลจากเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยอีกโข…

เมื่อเห็นความหวังเขาเกิดตื่นเต้นขึ้นมา จึงเร่งฝึกฝนต่อไป

แต่ยิ่งฝึกไปเรื่อย ๆ ช่องว่างสำหรับการพัฒนาก็ยิ่งน้อยลง จนกระทั่งถึงรอบที่เจ็ด เวลาที่ใช้ก็แทบไม่ต่างจากรอบที่หก คือประมาณครึ่งชั่วยาม ไม่สามารถเพิ่มความเร็วได้อีกแล้ว

ในตอนนี้นิ้วมือของเขาแทบจะขาดออกจากกัน ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป

เขาเริ่มสงสัยว่ามนุษย์จะสามารถบรรลุความเร็วระดับนั้นได้จริงหรือ?

แต่หลินมู่ไม่ยอมแพ้ ยังคงกัดฟันฝึกฝนต่อไป แต่ยิ่งฝึกความเร็วกลับยิ่งลดลง ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย

เขาเข้าใจว่านี่เป็นเพราะหักโหมเกินไปจึงตัดสินใจหยุดพัก เตรียมตัวฝึกต่อในวันพรุ่งนี้

เมื่อมองดูท้องฟ้าก็พบว่าถึงเวลาค่ำคืนแล้ว แสงจันทร์สาดส่องงดงาม

หลินมู่หยิบเบาะรองนั่งออกมาที่ลานบ้าน แล้วเริ่มนั่งสมาธิ เพื่อให้จี้วังวนจันทราดูดซับแสงจันทร์ไปด้วย

เมื่อมองไปที่จี้วังวนจันทราแล้วความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว ทำไมไม่ลองฝึกท่าทางนิ้วมือในจี้วังวนจันทราดูล่ะ? ในนั้นหนึ่งวันเท่ากับสองวันข้างนอกเชียวนะ

เมื่อมองดูนิ้วมือที่ชาหนึบ เขาตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปฝึกในจี้วังวนจันทรา

จากนั้นเขาเข้าสู่สมาธิ

จี้วังวนจันทราค่อย ๆ ดูดซับแสงจันทร์ จนกระทั่งรุ่งเช้าสีของหยกก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สีเขียวเข้มขึ้นเรื่อย ๆ

หลินมู่เข้าสู่มิติวังวนจันทรา ตรวจดูการเจริญเติบโตของหญ้าวิญญาณ แล้วร่ายฝนลงมา ตอนนี้ขอบเขตพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก การร่ายฝนง่ายขึ้นมาก ที่ดินวิญญาณหกหมู่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็รดน้ำเสร็จแล้ว

หลังจากรดน้ำเสร็จ หลินมู่นั่งลงในกระท่อม แล้วฝึกท่าทางนิ้วมือต่อ

ใช่แล้ว… วันนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อวาน!

หลินมู่ฝึกเคล็ดหญ้าพฤกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผลลัพธ์กลับน้อยนิด เขาฝึกทั้งวัน ความเร็วก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทักษะการใช้นิ้วมือติดขัด หาทางพัฒนาต่อไม่ได้

หลินมู่ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง

ขณะล้างหน้าหลินมู่สังเกตเห็นว่านิ้วมือของเขาเคลื่อนไหวช้าลงในน้ำ และมีแรงต้านเพิ่มขึ้น เขาเกิดความคิดขึ้นมาทันที ‘หรือว่าข้าจะลองฝึกในน้ำดู?’

ตระหนักได้อย่างนั้นแล้วก็ไม่รอช้า เขาก็ตักน้ำใส่กะละมัง แล้วเริ่มฝึกท่าทางนิ้วมือในน้ำ หลังจากฝึกครบหนึ่งรอบก็พบว่าได้ผลจริง ๆ ครั้งนี้ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมง

เมื่อเห็นหนทางที่จะพัฒนาต่อได้ หลินมู่ฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง เขาเข้าสู่มิติวังวนจันทรา แล้วฝึกท่าทางนิ้วมืออย่างหนัก

ฝึกไปเรื่อย ๆ จนเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่าต้องฝึกต่อไป จนกระทั่งไม่สามารถพัฒนาฝีมือในน้ำได้อีก เขาจึงหยุด แล้วลองใช้เคล็ดหญ้าพฤกษาจริง ๆ อีกคราว

ทันทีที่เริ่มร่าย เขาสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ท่วงท่าไม่ติดขัดเหมือนแต่ก่อน ราบรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ผ่านไปหนึ่งจิบชา ปราณแห่งธาตุไม้เกือบจะก่อตัวขึ้น รอยยิ้มของเขายังไม่ทันได้เผยออกมาก็ต้องแข็งค้าง นั่นเพราะปราณแห่งธาตุไม้สลายไปก่อนที่จะก่อตัวขึ้นสมบูรณ์…

เขาลองอีกสามครั้ง ผลลัพธ์เป็นเช่นเดิม

ความเร็วของเขายังคงช้าไปนิดเดียว …แค่นิดเดียวเท่านั้น!

แต่นิดเดียวนี้สำหรับเขามันคือเหวลึก

หลินมู่ไม่ย่อท้อ เขาเชื่อว่าต้องมีหนทาง

ถ้าใช้น้ำไม่ได้ผลงั้นก็ใช้ทราย ถ้าทรายไม่ได้ผลก็ใช้หิน

เขาฮึดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมสาบานว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะฝึกเคล็ดหญ้าพฤกษาสำเร็จ!

จากนั้นเริ่มเทน้ำในกะละมังทิ้ง เขาตักทรายละเอียดใส่มาแทน

สองมือจุ่มลงในทราย แล้วเริ่มฝึกฝนอย่างหนักอีกครั้ง

การฝึกในทรายต่างจากในน้ำโดยสิ้นเชิง แรงต้านเพิ่มขึ้นมาก แถมยังบาดผิวอีกด้วย ไม่ถึงสามชั่วโมง นิ้วทั้งสิบของเขาก็พองเป็นแผลถลอกไปหมด

แต่เขาไม่สนใจ ยังคงฝึกฝนต่อไปไม่หยุดหย่อน

เขาฝึกต่อไปจนกระทั่งไม่สามารถเพิ่มความเร็วในทรายได้อีก จึงหยุดพัก

สิบนิ้วเจ็บปวดแสนสาหัส แต่เขาก็กัดฟันอดทน

พักผ่อนครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มลองใช้เคล็ดหญ้าพฤกษาอีกครั้ง ครั้งนี้… เขาใส่เต็มที่!!!

หลินมู่หลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

สิบนิ้วขยับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณไหลเวียนอยู่ที่ปลายนิ้ว แต่ละนิ้วเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ต่างกัน แต่กลับไม่ยุ่งเหยิง เป็นระเบียบ มีความงดงามตามธรรมชาติ

ผ่านไปหนึ่งจิบชา...

ปราณแห่งธาตุไม้สีเขียวก็ก่อตัวขึ้นเจือจาง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด