ตอนที่ 27 รู้เท่าทัน
ตอนที่ 27 รู้เท่าทัน
หลังกลับจากที่พักของอวิ๋นเมิ่ง หลินมู่ไม่ได้รีบร้อนฝึกยุทธ์ทันที เขาเลือกที่จะนั่งลงบนแท่นหินข้างสระปลา หลับตาครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ
หลังจากการประลองเดิมพันชีวิต หลินมู่ก็ตกเป็นเป้าสายตากลายเป็นหัวข้อสนทนายามว่างของเหล่าศิษย์สำนักดาบพันปักษา
หลินมู่เองก็พอจะรู้สึกได้ว่าหลายสายตาจับจ้องการกระทำของเขา
บัดนี้หลายคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับศิษย์อัจฉริยะของสำนัก หลัวอวิ๋น น้องชายของหลัวเฉิน ซึ่งเข้าสำนักพร้อมกับหลินมู่เช่นกัน แม้เข้าสำนักได้ไม่ถึงสี่ปี แต่เขาอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดแล้ว มีข่าวลือว่ามีผู้อาวุโสต้องการรับเขาเป็นศิษย์เอก แต่เขาปฏิเสธอย่างหนักแน่น และตอบกลับไปว่าเขาจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อก้าวขึ้นเป็นศิษย์ในอย่างสง่างาม บุคคลที่กล้าปฏิเสธผู้อาวุโสขอบเขตแก่นทองคำเช่นนี้ถือว่ามีความกล้าหาญ พรสวรรค์ และความทะนงตนของเขาย่อมเป็นที่ประจักษ์
เมื่ออัจฉริยะเช่นนี้กลายเป็นเป้าหมายในการเปรียบเทียบกับหลินมู่ ไม่รู้ว่านี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของหลินมู่กันแน่
สำหรับหลินมู่ที่รักษาท่าทีสงบเสงี่ยมมาตลอด จึงมองว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเกินไป
เขาไม่ปรารถนาที่จะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน สำหรับคนที่มีความลับ ยิ่งมีคนสนใจมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะถูกเปิดเผยก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
หลินมู่ไม่ได้ใส่ใจกับชื่อเสียงเหล่านี้ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้คือการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐาน
เพียงแต่ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของเขากำลังโด่งดังในสำนัก หากขอบเขตยุทธ์ของเขาก้าวกระโดดอีกครั้ง หรือแม้แต่แซงหน้าหลัวอวิ๋น เรื่องนี้จะทำให้ผู้อื่นอิจฉา และสงสัยอย่างแน่นอน ผู้ครอบครองรากวิญญาณห้าธาตุควรจะเป็นเพียงคนไร้ค่า แต่ขณะนี้ความเร็วในการฝึกตนของเขาไร้ผู้ใดเทียบ เพียงแค่ใช้เหตุผลว่าพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุโดดเด่นคงไม่เพียงพอแล้ว
ผู้คนจะเดาได้ง่าย ๆ ว่าเขามีสมบัติล้ำค่าอยู่ในครอบครอง
และนี่เป็นสิ่งที่หลินมู่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เมื่อขอบเขตยุทธ์เพิ่มขึ้น มีรู้จักคนมากขึ้น หลินมู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าสำนักดาบพันปักษานั้นลึกล้ำเกินคาดเดา
คนที่นี่มักจะทำตัวอ่อนโยน และมีคุณธรรม แต่เมื่อเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา การกระทำของพวกเขาสามารถทำผู้คนหนาวสะท้าน
แม้แต่ตัวเขาเองที่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี ก็ยังลงมือฆ่าหม่าฮวาหยวนด้วยมือของตัวเอง แน่นอนว่าหม่าฮวาหยวนรังแกเขามาหลายครั้งสมควรได้รับโทษ หลินมู่จึงไม่รู้สึกผิดมากนัก
เพราะทุกคนต่างสวมหน้ากากแห่งความหลอกลวง หลินมู่จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครจริงใจ ใครเสแสร้ง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลินมู่มั่นใจได้ นั่นคือมีคนในสำนักกำลังจับตาดูเขาอยู่
คราวที่มู่ชิงขอให้เขาช่วยเล่นแร่แปรธาตุ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าไม่มีอันตราย แถมยังมีหินวิญญาณเป็นค่าแรง เหตุใดจึงต้องปฏิเสธด้วย? แต่หลังจากนั้น หลินมู่ก็เริ่มครุ่นคิด…
สิ่งที่มู่ชิงจ่ายไปนั้นเทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับต่ำสี่ร้อยก้อน และนางสามารถซื้อยาผนึกวิญญาณได้ถึงแปดสิบขวด ถึงแม้ว่าสำนักจะจำกัดจำนวนยาผนึกวิญญาณที่ศิษย์นอกสามารถซื้อได้ในแต่ละเดือน แต่ด้วยความแข็งแกร่ง และอิทธิพลของมู่ชิง นางหาซื้อมันได้อย่างแน่นอน
แล้วทำไมนางต้องเสียเวลาให้หลินมู่ช่วยกลั่นยาให้?
คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว…
นางต้องการรู้ว่าหลินมู่มีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุที่เหนือกว่าคนอื่น และมีอัตราความสำเร็จในการหลอมยาถึงแปดส่วนจริงตามข่าวลือหรือไม่ การจำกัดเวลาสิบวันยิ่งเป็นบททดสอบทั้งในด้านเทคนิค และความต่อเนื่องในการเล่นแร่แปรธาตุของเขา
เพราะบางคนแม้จะมีอัตราความสำเร็จในการเล่นแร่แปรธาตุสูงถึงแปดส่วน แต่ก็เป็นในสถานการณ์ที่ยังมีพลังเหลือเฟือ และหลอมยาอย่างช้า ๆ หากต้องทำงานต่อเนื่องอย่างเหน็ดเหนื่อย อัตราความสำเร็จก็จะลดลงอย่างมาก
ในเมื่อหลินมู่สามารถเพิ่มขอบเขตยุทธ์ได้ถึงสองขั้นภายในเวลาเพียงสามเดือน แสดงว่าเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากยาจำนวนมาก
การกระทำของมู่ชิงเป็นการทดสอบพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุของเขาอย่างแท้จริง!
ถึงแม้ว่าหลินมู่จะขยันและดื้อรั้น แต่เขาก็ไม่ได้โง่
เขามองเห็นความจริงแล้ว!
ชัดว่ามู่ชิงเริ่มสงสัยในตัวเขา หรืออาจจะกล่าวได้ว่ากลุ่มคนที่รวมถึงมู่ชิงต่างเริ่มสงสัยในตัวเขา
เมื่อได้ข้อสรุปนี้ หลินมู่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาฆ่าหม่าฮวาหยวน และฟื้นจากอาการหมดสติ เขาก็เข้าใจแล้วว่าชีวิตหลังจากนี้จะไม่สงบสุข และอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับความสงสัยของมู่ชิง หลินมู่จึงตัดสินใจที่จะพิสูจน์ด้วยความจริง จากวัตถุดิบหนึ่งร้อยส่วน เดิมทีเขาหลอมยาผนึกวิญญาณได้เพียงเจ็ดสิบห้าขวดเท่านั้น แต่หลินมู่ยินดีที่จะควักเงินส่วนตัวเพื่อให้ครบแปดสิบขวด
เขาต้องการให้ชื่อเสียงของเขาในฐานะอัจฉริยะด้านการเล่นแร่แปรธาตุเป็นจริง!
ด้วยวิธีนี้ ข้อสงสัยและการคาดเดาทั้งหมดก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อันที่จริงพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุของเขาก็ไม่ได้แย่ ด้วยระดับปัจจุบันของเขา อัตราความสำเร็จที่แท้จริงในการเล่นแร่แปรธาตุก็เกินกว่าเจ็ดส่วนแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการฝึกฝนอย่างหนัก ไม่มีใครสามารถฝึกฝนอย่างไม่หยุดหย่อนทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาครึ่งเดือนเหมือนเขาได้ แม้ว่าจะมี คนเหล่านั้นก็คงไม่มีวัตถุดิบมากมายให้ฝึกฝนเช่นนี้ โดยปกติแล้วการฝึกฝนนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีคุณสมบัติจะต้องใช้ต้นทุนที่สูงมาก
ความสำเร็จของหลินมู่ในสำนักดาบพันปักษานั้นยากจะหาผู้ใดเปรียบ
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับหลัวอวิ๋น อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปี
หลังจากขจัดข้อสงสัยของมู่ชิงแล้ว หลินมู่ตัดสินใจที่จะเก็บตัวฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ และควบคุมความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของเขาอย่างเข้มงวด อย่างน้อยก็ต้องไม่เกินหลัวอวิ๋น เขาเชื่อว่าหลังจากผ่านไปสักพัก เขาจะค่อย ๆ ถูกลืมโดยคนส่วนใหญ่
แน่นอนว่าด้วยพรสวรรค์ของหลัวอวิ๋น การที่หลินมู่อยากจะแซงหน้าก็เป็นเรื่องยาก
ปล่อยให้พวกเขาซุบซิบสนุกสนานกันไป ส่วนตัวเขาต้องพยายามให้มากขึ้น …นี่คือการตัดสินใจของหลินมู่
จากการต่อสู้กับหม่าฮวาหยวนแล้ว หลินมู่ค้นพบข้อบกพร่องของตัวเองมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกัน ล้วนหยาบ และเปราะบาง!
แค่เพียงวิชาธาตุไฟขั้นต่ำอย่าง ‘กระสุนเพลิง’ ก็ทำให้เขาต้องนอนซมอยู่บนเตียงเป็นเวลาครึ่งเดือน หลินมู่เห็นว่าเขายังมีพื้นที่สำหรับพัฒนาอีกมาก อย่างน้อยที่สุดเขาต้องมีความสามารถในการป้องกันตัวเอง เพื่อรับมือกับการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นที่วุ่นวายในอนาคต
การเพิ่มพูนความแข็งแกร่งจึงเป็นเป้าหมายต่อไปของหลินมู่
ขอบเขตยุทธ์ไม่ได้เป็นตัวตัดสินทุกอย่าง หม่าฮวาหยวนที่ขอบเขตยุทธ์สูงกว่าเขาหนึ่งขั้นก็ยังคงต้องตายด้วยเคล็ดธาตุทองของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าวิชาโจมตีที่ทรงพลังก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
อันที่จริงเคล็ดอัคคีสีชาดขั้นสามเทียบเท่ากับกระสุนเพลิงได้แล้ว! หลินมู่มองเห็นศักยภาพของวิชาธาตุทั้งห้า และด้วยความหลากหลายของวิชาธาตุทั้งห้านี่เอง ที่ทำให้หลินมู่สามารถพลิกสถานการณ์จากที่เสียเปรียบให้กลายเป็นฝ่ายชนะได้อย่างไม่คาดคิด
ในเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ หลินมู่ได้เรียนรู้เคล็ดธาตุทอง เคล็ดหยกวารี เคล็ดอัคคีสีชาด และเคล็ดก่อปฐพีมาแล้ว เหลือเพียงเคล็ดหญ้าพฤกษาสุดท้ายที่ยังไม่ได้เรียน
หลินมู่ตัดสินใจว่าจะฝึกฝนเคล็ดหญ้าพฤกษา!
หลังจากศึกษาแผ่นหยกอย่างละเอียดแล้ว หลินมู่ก็เริ่มลงมือทันที
เคล็ดหญ้าพฤกษาเป็นวิชาธาตุไม้ แต่แตกต่างจากวิชาธาตุไม้อื่น ๆ ที่มีความอ่อนโยน เพราะเคล็ดหญ้าพฤกษามีความดื้อรั้น และแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ในแผ่นหยกกล่าวว่า เมื่อฝึกเคล็ดหญ้าพฤกษาถึงขั้นสูงสุด จะสามารถแย่งชิงแก่นแท้ของพืช และต้นไม้ได้ และควบแน่นเป็นพลังแก่นแท้พืช
พลังแก่นแท้พืชนี้หายากมาก ภายในอัดแน่นไปด้วยพลังปราณธาตุไม้ สามารถใช้เร่งการเติบโตของหญ้าวิญญาณ และยาจิตวิญญาณ หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อหลอมเป็นยาบำบัดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ
จากการบาดเจ็บครั้งก่อน ทำให้หลินมู่รู้สึกว่ายาบำบัดอาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างแท้จริง
หลังตระหนักถึงคุณสมบัติของเคล็ดหญ้าพฤกษานี้แล้ว หลินมู่อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ประโยชน์ของมันมากมายเกินไป เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฝึกฝนมันเสียเดี๋ยวนี้
หลินมู่วางแผ่นหยกลง มือทั้งสองข้างเริ่มร่ายมนตร์ นิ้วทั้งสิบขยับไปมา เขาลองโคจรพลังลมปราณไม้ให้เป็นกระแสหมุนวนตามที่กล่าวไว้ในเคล็ดหญ้าพฤกษา
กระแสหมุนวนลมปราณไม้เป็นหัวใจสำคัญของเคล็ดหญ้าพฤกษา การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนมาจากกระแสหมุนวนนี้