บทที่ 88 เจ้ามีหลานชายที่ดี!
ใบหน้าของหลินชางหลางแดงก่ำจนแทบไม่สามารถระงับความโกรธที่ปะทุในใจได้!
ครานี้ ตระกูลหลินเป็นผู้ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ กระทั่งรากฐานของตระกูลก็สั่นคลอน แม้นเป็นเช่นนี้แล้วยังจะให้เขาอธิบายสิ่งใดอีกเล่า!
“เจ้าไม่ลองถามหลานชายตัวดีของเจ้าดูเล่า!”
หลินชางหลางมองหลัวเฉิงด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ขณะพ่นวาจาออกมาอย่างเย็นชา
นี่มันอะไร?
ระหว่างนั้นเอง หลัวหมิงซานก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าทั่วอาณาบริเวณล้วนเต็มไปด้วยศพของคนจากตระกูลหลิน แม้แต่หลินเฉียนเฟิงรองผู้นำตระกูลหลินก็เท่ากับว่าตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ภาพตรงหน้านี้ทำให้เขารู้สึกสับสนยิ่งนัก
หลัวเฉิงกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านปู่ ตระกูลหลินส่งคนมาลอบสังหารข้า ข้าแค่มาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเท่านั้น”
“ลอบสังหารงั้นรึ!”
ใบหน้าของ หลัวหมิงซานมืดลงทันใด
แม้แต่ใบหน้าของหลินชางหลางก็ดูแย่ไม่แพ้กัน จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไฉนข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้?”
ศิษย์ตระกูลหลินผู้หนึ่ง ยืนขึ้นอย่างสั่นเทาแล้วกระซิบ “ท่านผู้นำตระกูล ความจริงคือหลินเหยียนและหลินซานเป็นผู้ลอบสังหารหลัวเฉิง โดยตั้งใจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างตระกูลฉีและตระกูลหลัว....”
“ไอ้พวกบัดซบ!”
ดวงตาของหลินชางหลางประกายแสงเย็น แล้วปาดมือตบศิษย์ตระกูลหลินไปหนึ่งฉาด จนกระทั่งเขากระอักเลือด จากนั้นตะโกนดังๆ “หลินเหยียนและหลินซาน พวกเจ้าไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้”
หลัวเฉิงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่จำเป็นต้องเรียกหา ทั้งสองจะไม่มีวันกลับมาอีกเพราะข้าสังหารพวกเขาไปแล้ว”
หลัวหมิงซานพร้อมทั้งคนอื่นๆ จากตระกูลหลัว แสดงสีหน้าโกรธแค้นเป็นที่สุด
หลินเหยียนและหลินซานต่างก็อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ หากทั้งสองลอบสังหารหลัวเฉิงโดยไม่ทันระวังตัว นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลัวเฉิงตาย!
สีหน้าของหลัวหงแสดงความเยือกเย็น ขณะแววตาจ้องหลินชางหลาง แล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผู้นำตระกูลหลิน ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลหลินของท่านจะกระทำการต่ำช้าเยี่ยงนี้!”
หลัวหมิงซานก็พลันตะคอกด้วยความโกรธ “แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร”
หลินชางหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “นี่เป็นความผิดของตระกูลหลินจริงๆ ที่ปล่อยให้สองคนนั้นลอบสังหารหลัวเฉิง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อหลัวเฉิงเองก็ปลอดภัยดี ทั้งเขายังได้สังหารหลินเหยียนและหลินซานไปแล้ว ตอนนี้มีผู้คนล้มตายไปมากมาย จงอย่าได้ถือสาเลิกแล้วต่อกันเถิด”
“อย่าได้ถือสา อย่าได้ถือสางั้นรึ!”
หลัวหมิงซานหัวเราะเยาะ พร้อมกับพยัคฆ์หลากสีสันขนาดใหญ่ปรากฏเบื้องหลังเขา พลังปราณเออล้นออกจากร่างอย่างมหาศาล แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“หากวันนี้หลานชายของข้าไม่โชคดีแล้วตายไปเจ้าจะว่าอย่างไร เจ้ากล้าตัดสินเรื่องนี้ตามอำเภอใจโดยไม่ถามความเห็นข้างั้นหรือ?”
หลินชางหลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและยืนเงียบอยู่นานสองนาน ท้ายที่สุดเขาก็กล่าวว่า “เช่นนั้น เพื่อลืมความบาดหมางทั้งหมด ตระกูลหลินของข้าจะถอนตัวออกจากเมืองหนานเฉิงฟางทันที”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินชางหลางก็รู้ดีว่าตระกูลหลินนั้นได้จบลงแล้ว แม้นเขาจะไม่เต็มใจนัก แต่ก็จำต้องยอมสูญเสียเมืองหนานเฉิงฟางไปเพื่อให้ตระกูลยังคงอยู่
“ช้าก่อน!”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “เมืองนานเฉิงฟางนั้นเป็นสมบัติของตระกูลหลัวเราอยู่แล้ว การที่ท่านยอมมอบให้ตระกูลหลัวก็นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแต่แรก ทว่า เพื่อชดเชยในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพียงมอบเมืองหนานเฉิงฟางมันยังไม่พอ!”
หลินชางหลางขมวดคิ้วในแววตาทอประกายความโกรธ “แล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีก”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลัวเฉิง
หลัวเฉิงไม่กลัวแรงกดดันของหลินชางหลางแม้แต่น้อย เขากล่าวเสียงดังว่า “ตระกูลหลินจะต้องมอบทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองฉีซานให้ตระกูลหลัว แล้วถอนตัวออกจากเมืองฉีซานในทันที นับแต่บัดนี้สืบไป ตระกูลหลินจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองฉีซานนี้อีก!”
เนื่องจาก เขากำลังจะไปฝึกฝนที่สำนักซวนหยวน แต่ก่อนที่เขาจะจากไป หลัวเฉิงต้องการกำจัดภัยคุกคามของตระกูลหลัวให้หมดสิ้นเสียก่อน
“บัดซบ! เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!”
หลินชางหลางโกรธจนถึงขีดสุด เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับโคจรปราณแท้ไปทั่วร่าง แผ่รัศมีอันแข็งแกร่งซึ่งสามารถขยี้หลัวเฉิงให้ตายในพริบตา
โฮก!
หลัวหมิงซานก้าวมายืนเบื้องหน้าหลัวเฉิง พร้อมกับเสียงคำรามของพยัคฆ์หลากสีสันเบื้องหลัง เสียงคำรามนั้นเขย่าอากาศจนเกิดคลื่นอย่างรุนแรง ทำให้หลินชางหลางต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“หลินชางหลาง หากเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง!”
ดวงตาของหลัวหมิงซานทอประกายแสงสว่าง และวิญญาณยุทธ์เขาก็สร้างแรงกดดันมหาศาลเฉกเช่นเดียวกัน
หลัวหง หลัวเหิง และคนอื่นๆ ต่างก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนออกมา กลิ่นอายอันทรงพลังทะยานขึ้นสู่ห้วงนภากาศ จนทำให้เมฆและลมเกิดความปั่นป่วนไปทั่ว
หลินชางหลางเหลียวกลับไปมองผู้คนของตระกูลหลินที่ยืนตัวสั่นเทาอย่างน่าเวทนา ก่อนส่ายศีรษะทอดถอนใจ ในที่สุดดวงตาเขาก็เลื่อนลอยไปหยุดอยู่กับหลัวเฉิง ความโกรธในใจเขาค่อยๆ สงบลงแล้วแสดงรอยยิ้มอันเศร้าหมอง
“หลัวหมิงซาน ศึกครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายแพ้... อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับเจ้า แต่ข้าแพ้ให้กับหลัวเฉิง เจ้ามีหลานชายที่ดี!”
หลินชางหลางทอดถอนใจลากยาวราวกับชายชราที่ใกล้โรยราเต็มที เขายืนอย่างสงบพร้อมปรากฏสีหน้าสิ้นหวัง
“ตระกูลหลินของข้า จะสละทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองฉีซาน แล้วออกจากเมืองทันที…”