บทที่ 87 แววตาอันหมองเศร้า
“มีผู้ใดต้องการต่อสู้อีกหรือไม่!”
เสียงก้องดังอย่างชัดเจนสะท้านทั่วถนนของเมืองในยามนี้
หลัวเฉิงคว้าศีรษะผู้อาวุโสหลินเย่แล้วยกมันขึ้นสูงขณะกล่าว พร้อมจ้องผู้คนตระกูลหลินด้วยแววตาเย็นยะเยือก
บรรดาผู้คนของตระกูลหลินรู้สึกว่าพวกตนนั้นถูกเหยียดหยาม แต่กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล่าวหรือแสดงความโกรธแค้น พวกเขาทั้งหมดปิดปากเงียบสงัด แม้แต่ชำเลืองมองหลัวเฉิงยังมิกล้า
หากไม่นับรวมหลินเฉียนเฟิงและคนอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายไป ผู้อาวุโสหลินเย่นั้นนับว่ามีความแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา
แม้นหลินเย่จะแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ถูกหลัวเฉิงตัดศีรษะด้วยกระบี่เดียว ด้วยเหตุนี้ ไหนเลยพวกเขาจะกล้าเอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์กันเล่า
“หลัวเฉิงแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาสามารถเอาชนะปรมาจารย์หลายคนของตระกูลหลินได้ด้วยตัวคนเดียว!”
“หลังการต่อสู้ครั้งนี้จบลง ชื่อเสียงของเขาต้องเลื่องลือไปไกลอย่างแน่นอน”
ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้อันดุเดือดแสดงสีหน้าตกตะลึง หลังได้นึกถึงเรื่องนี้
ทุกคนรู้ดีว่า หลัวเฉิงจะมีชื่อเสียงเลื่องลือในเมืองฉีซานเป็นแน่ หลังจบการต่อสู้นองเลือดในเมืองครั้งนี้ ต่อไปในภายหน้าจะไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเขาอีก
ซึ่งขณะเดียวกัน ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากที่เฝ้าจับตามอง ก็มีผู้คนของตระกูลฉีปะปนอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน แน่นอนว่ารวมถึงฉีตงและฉีถิงอีกด้วย
“พี่หญิง ข้าว่าต่อไปในภายหน้า เราอย่าได้คิดมีเรื่องกับเขาจะดีกว่า…”
ขณะที่ฉีตงมองหลัวเฉิงผู้กำลังยืนถือศีรษะของหลินเย่ เขาก็กลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ พร้อมกับร่างกายอันอ้วนท้วนที่สั่นเทาในยามนี้
ดวงตากลมโตของฉีถิงเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเป็นเวลานาน แววตาของนางยังจับจ้องหลัวเฉิงประหนึ่งนางอยู่ในห้วงความฝัน
ขณะเดียวกัน นางก็พลันนึกถึงฉากที่นางกับหลัวเฉิงยืนอยู่ในจัตุรัสของตระกูลหลัว
ในคืนนั้น นางปฏิเสธที่จะหมั้นหมายกับหลัวเฉิง และประกาศต่อหน้าเขาว่าได้เข้าสู่สำนักวงแหวนทองคำ เพียงไม่นานนางก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ เมื่อถึงตอนนั้นนางจะแข็งแกร่งกว่าหลัวเฉิงมาก ซึ่งเส้นทางของทั้งสองไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้!
แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของหลัวเฉิงที่นางได้ประสบพบ ทำให้นางรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งเรื่องงานหมั้นหมายก่อนหน้า ทั้งรู้สึกว่าตนนั้นไร้พลังไร้ความสามารถ
เนื่องจาก พลังยุทธ์ของนางยังห่างไกลนักจากขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ไม่ต้องกล่าวเลยว่านางจะสามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามได้อย่างที่หลัวเฉิงทำ
แท้จริงนั้น ไม่ใช่ว่าหลัวเฉิงไม่เหมาะสมที่จะเป็นสามีนาง แต่กลายเป็นว่า นางเองต่างหากที่ไม่เหมาะสมจะเป็นภรรยาเขา ครั้นนึกถึงสิ่งนี้ใบหน้าของฉีถิงก็ปรากฏแววตาหมองเศร้าเป็นที่สุด
ทันใดนั้น ถนนสายหนึ่งที่ทอดยาวมายังตรงที่หลัวเฉิงยืนก็พลันสั่นสะเทือน
สุดปลายทางของถนน ปรากฏร่างของหลินชางหลางผู้นำตระกูลหลิน ซึ่งกำลังควบม้าเข้ามาพร้อมกับผู้อาวุโสตระกูลหลินจำนวนมากอย่างรวดเร็วจนฝุ่นฟุ้งตลบ
เมื่อเห็นศพของคนตระกูลหลินนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น สีหน้าของหลินชางหลางก็ผันเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น เขารีบลงจากหลังม้าแล้ววิ่งเข้าหาหลินเฉียนเฟิงที่มีสภาพใกล้ตายเต็มที
“น้องรอง เกิดอะไรขึ้น! ใครกันที่ทำร้ายเจ้าเช่นนี้!”
หลินเฉียนเฟิงมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนยกมืออีกข้างชี้ไปยังโม่หลินผู้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
ใบหน้าของหลินชางหลางซีดขาวราวกระดาษ เขามองยังโม่หลินแล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า! ระหว่างศาลาหลิงอวิ๋นกับตระกูลหลินข้าไม่มีความแค้นเคืองกันมาก่อน แล้วไฉนเจ้าถึงทำเช่นนี้?”
โม่หลินกล่าวอย่างใจเย็น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับศาลาหลิงอวิ๋นเลย มันก็เป็นแค่ข้อตกลงระหว่างข้ากับคุณชายหลัวเท่านั้น”
“หลัวเฉิง!”
ใบหน้าของหลินชางหลางสั่นไหว จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นศีรษะหลินเย่ในมือของหลัวเฉิง ทันใดนั้น จิตสังหารเขาก็พุ่งออกมาด้วยความแค้นที่ปะทุดุจดั่งภูเขาไฟระเบิด
เพราะหลัวเฉิงเพียงคนเดียวที่ทำให้แผนซึ่งเขาวางไว้ในงานชุมนุมล่าสัตว์ต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ทั้งยังทำให้เขาต้องสูญเสียเมืองหนานเฉิงฟางไปอีกต่างหาก!
หลัวเฉิงเพียงคนเดียวกลับสังหารปรมาจารย์ของตระกูลหลินไปมากมายก่ายกอง! นี่มันก็เกือบจะทำลายรากฐานอันแข็งแกร่งของตระกูลหลินเขาแล้ว!
ตอนนี้ หลินชางหลางมีความคิดเดียวในหัว นั่นคือต้องการจะฆ่าหลัวเฉิงให้ตายด้วยมือเดียว!
เมื่อรับรู้ถึงจิตสังหารอันรุนแรง หลัวเฉิงก็โยนศีรษะของหลินเย่ไปด้านข้าง แล้วเตรียมจะชักกระบี่ออกมาอีกครั้ง แต่ระหว่างนั้นเอง
“เฉิงเอ๋อร์!”
เสียงคำรามสายหนึ่งก็ดังลากยาวมาจากสุดขอบของปลายถนน ก่อนจะปรากฏร่างหลายร่างที่กำลังวิ่งเข้ามาหาหลัวเฉิงขณะนี้
ผู้ที่มามิใช่ใครอื่น แต่เป็นหลัวหมิงซาน หลัวหง และปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของตระกูลหลัว
“ผู้ใดก็ตามที่กล้าแตะต้องนายน้อยตระกูลหลัว มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
“ฆ่า!”
ขณะที่กลุ่มปรมาจารย์ของตระกูลหลัววิ่งกรูกันเข้ามา ก็ทำเอาพื้นถนนทั่วทั้งสายเต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าอันกึกก้อง!
หลังได้รู้ว่าหลัวเฉิงบุกมายังเมืองหนานเฉิงฟางแล้ว หลัวหมิงซานก็นำกำลังคนของตระกูลหลัวตามมาสมทบทันที โดยความตั้งใจเขาหมายจะนองเลือดกับตระกูลหลินให้ล่มสลายกันไปข้าง
“เฉิงเอ๋อร์ เจ้าปลอดภัยดีใช่หรือไม่?”
หลัวหมิงซานกล่าวด้วยสีหน้าหวันวิตก หลังเห็นว่าทั่วร่างของหลัวเฉิงเต็มไปด้วยคราบเลือด
หลัวเฉิงส่ายศีรษะแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าสบายดีขอรับท่านปู่”
หลัวหมิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังได้ทราบว่าหลัวเฉิงนั้นไม่เป็นอะไร ก่อนเหลือบมองหลินชางหลาง ด้วยแววตาที่คมราวกับใบมีด
“หลินชางหลาง นี่มันหมายความว่าอย่างไร! เจ้าต้องให้คำอธิบายแก่ข้าเดี๋ยวนี้!”