บทที่ 67 บิดาข้าโดนผีสิงหรือเปล่า?
บทที่ 67 บิดาข้าโดนผีสิงหรือเปล่า?
ภูเขาชิงอวี่
ฟ้าเพิ่งสาง ในป่าไผ่หลังภูเขาชิงอวี่ มีร่างหนึ่งพุ่งทะยานราวกับสายลม
ร่างนี้เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางต้นไผ่สีเขียวมากมาย ราวกับมังกร
ร่างนั้นคือหลี่เหิงเซิง
หลังจากฝึกฝนร่างกายเซียนปีศาจสุริยันจันทรา หลี่เหิงเซิงพบว่า นอกจากร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว การควบคุมร่างกายของเขาก็แม่นยำมากขึ้น
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าใจวิชาตัวเบาใดๆ แต่เพียงแค่พึ่งพาการระเบิดพลังของร่างกาย มันก็สามารถเทียบเท่ากับวิชาตัวเบาธรรมดาๆ ได้แล้ว
มีความรวดเร็ว มีการระเบิดพลังอันแข็งแกร่ง นี่คือสภาพร่างกายของหลี่เหิงเซิงในเวลานี้
ในขณะเดียวกัน หอกยาวเล่มหนึ่งก็แกว่งไกวอยู่ในมือของหลี่เหิงเซิง
หลี่เหิงเซิงกำลังทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกของวิชาหอก
“คลื่นซัด!”
พร้อมกับเสียงตะโกนเบาๆ ปราณเลือดลมของหลี่เหิงเซิงพลุ่งพล่าน พลังชนิดหนึ่งระเบิดปะทุออกมาในทันที ส่งผ่านจากร่างกายไปยังหอก!
“ตูม!”
พลังที่น่ากลัวปะทุออกมา หอกยาวในมือของหลี่เหิงเซิงโค้งงอทันที หอกนี้แทงทะลุก้อนหินขนาดใหญ่ สร้างหลุมลึกบนหินก้อนนี้!
ไม่นานนัก ก้อนหินก็แตกออกเป็นรอยร้าวมากมาย แผ่ขยายไปรอบๆ
พลังช่างน่าตกใจยิ่งนัก!
หากมีคนพบเห็น พวกเขาอาจสงสัยว่า หอกนี้เป็นพลังที่ปะทุออกมาจากผู้ฝึกตนขอบเขตโฮ่วเทียนใช่หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากหอกแรก ปราณเลือดลมที่พลุ่งพล่านของหลี่เหิงเซิงก็ไม่สงบลง ราวกับคลื่นที่ซัดสาด พลังที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าปะทุออกมาจากหอกเหล็กนั้น
หอกนี้ราวกับฉีกอากาศ เสียงแหลมคมหวีดดังขึ้น ก้อนหินนั้นถูกพลังนี้แทงทะลุในทันที!
ก้อนหินแตกสลายกลายเป็นเศษหินกระจายออกไป
ก้อนหินขนาดใหญ่เช่นนี้ ถูกหลี่เหิงเซิงทำลายด้วยเพียงสองหอก หากเป็นหลี่เหิงเซิงในอดีต คงไม่กล้าคิดแม้แต่น้อย…
หลี่เหิงเซิงหยุดร่างกาย สัมผัสถึงปราณเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกาย
เขาค่อยๆ กดปราณให้สงบลง
หากเป็นไปได้ หลี่เหิงเซิงยังสามารถใช้หอกที่สามได้อีก
พลังของหอกที่สามแข็งแกร่งกว่าหอกที่สอง แต่หลังจากใช้วิชาหอกป้าเซียนแล้ว ปราณเลือดลมในร่างกายต้องใช้เวลาสักพักในการทำให้มันสงบลง
“พังอีกแล้ว”
มองดูหอกเหล็กที่โค้งงอจนเสียรูปในมือ หลี่เหิงเซิงยิ้มแห้งๆ ออกมา
วิชาหอกป้าเซียนนั้นทรงพลังมาก แต่ระเบิดพลังในทันทีนั้นทำให้หอกธรรมดาๆ ทนไม่ไหว
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่เหิงเซิงทำลายหอกเหล็กธรรมดาๆ ไปสี่เล่มแล้ว
เหล็กดาราหนิงกวนและหยวนสุ่ยหลิงถูกส่งไปให้ช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดในแดนโบราณเต๋าซานเพื่อตีหอกแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้ยังตีไม่เสร็จ
ดังนั้น หลี่เหิงเซิงจึงฝึกฝนด้วยหอกเหล็กธรรมดาๆ ไปก่อน
เขาโยนหอกในมือไปด้านข้าง มันโค้งงอจนเสียรูปหมดแล้ว
ตอนนี้ปราณเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายก็สงบลง
ตามหลักวิชาหอกป้าเซียนที่แท้จริง ปราณเลือดลมที่พลุ่งพล่านไม่น่าจะสงบลงเร็วขนาดนี้ แต่ร่างกายเซียนปีศาจสุริยันจันทราของหลี่เหิงเซิงก็เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเช่นกัน
การจับคู่พวกมันทั้งสองย่อมลงตัวมาก
“นายน้อย”
ในเวลานี้ เสียงของสวี่ขุยดังมาจากนอกป่าไผ่
“ลุงสวี่ ทำไมท่านถึงมาที่นี่?” เห็นสวี่ขุยเดินเข้ามา หลี่เหิงเซิงจึงเดินเข้าไปถาม
“จดหมายของนายน้อย” สวี่ขุยมอบจดหมายให้หลี่เหิงเซิงแล้วพูดว่า “ทุกวันจะมีคนในตำหนักไปดูว่ามีจดหมายของนายน้อยหรือไม่ วันนี้พบว่ามีพอดี ข้าน้อยจึงนำมาให้นายน้อย”
“ขอบคุณลุงสวี่” หลี่เหิงเซิงรับจดหมายมา เขามองดู มันเป็นจดหมายจากบิดา
“เป็นจดหมายจากบิดาข้า” หลี่เหิงเซิงยิ้มกว้าง
หลังจากจดหมายฉบับที่แล้ว หลี่เหิงเซิงรู้สึกถึงความรักของบิดาที่ไม่เคยรู้สึกมานานหลายปี เมื่อเห็นจดหมายของหลี่ฉางชิงอีกครั้ง เขาก็มีความสุขจากใจจริง
“งั้นนายน้อยอ่านช้าๆ ข้าน้อยขอตัวก่อน” หลังจากพูดจบ สวี่ขุยก็เหลือบมองก้อนหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ไกลออกไป ดวงตาของเขาหดเล็กลง
แต่ไม่ได้พูดอะไร
หันหลังกลับและจากไป
หลี่เหิงเซิงหันหลังกลับ อยากจะหาที่นั่งบนก้อนหินสีเขียวขนาดใหญ่ที่เขามักจะนั่งพักผ่อนเพื่ออ่านจดหมาย แต่เขามองหามันอยู่นาน
หินอยู่ไหน?
อ้อ! ใช่สิ ข้าทำลายมันไปเมื่อครู่นี้เอง
เขาจึงได้แต่นั่งลงบนก้อนหินเตี้ยๆ อีกก้อนหนึ่ง และเปิดซองจดหมาย
ยังไม่ได้อ่านจดหมาย ตั๋วแลกเงินห้าใบก็ร่วงลงมาจากข้างใน
“บิดาส่งเงินมาให้ข้าอีกแล้ว” หลี่เหิงเซิงหยิบตั๋วแลกเงินขึ้นมา
เดิมทีเขาคิดว่ามากสุดก็ใบละหนึ่งพันตำลึง บางทีหลี่ฉางชิงอาจจะหาเงินได้อีก กลัวว่าเขาจะไม่พอใช้ จึงส่งเงินมาให้
แต่เมื่อหลี่เหิงเซิงเห็นตัวเลขบนตั๋วแลกเงิน ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา
หนึ่งแสนตำลึง!
หลี่เหิงเซิงรีบหยิบใบอื่นๆ ขึ้นมาดู
หนึ่งแสนตำลึง
อีกหนึ่งแสนตำลึง
ล้วนเป็นหนึ่งแสนตำลึง!
เงินทั้งหมดห้าแสนตำลึง!
“บิดาข้าไปปล้นร้านแลกเงินมาหรือเปล่า!?” หลี่เหิงเซิงแทบไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีจดหมายอีกฉบับ
เขาจึงหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน
เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางชิงถูกตระกูลเหยียนแต่งตั้งเป็นต้ากงเฟิง หลี่เหิงเซิงก็รู้สึกเหมือนฝันไป
บิดาของเขาเป็นคนแบบไหน เขายังไม่รู้เหรอ?
ตระกูลเหยียนบ้าไปแล้วหรือไง?
หรือว่าบิดาของเขาฉลาดขึ้นจริงๆ
ยิ่งอ่านจดหมาย เขาก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ
แต่เนื้อหาในจดหมายทำให้หลี่เหิงเซิงรู้สึกซาบซึ้งใจ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่จริงใจจากในจดหมาย
จนกระทั่งหลี่เหิงเซิงเห็นประโยคสุดท้ายที่หลี่ฉางชิงเขียน
ชีวิตดีขึ้น บิดาคิดถึงมารดาของเจ้า
หลี่เหิงเซิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขาครุ่นคิดอยู่นาน…
“บิดาข้าโดนผีสิงหรือเปล่า?”
ก่อนหน้านี้ หลี่เหิงเซิงเคยได้ยินมาว่า ในเผ่าพันธุ์กุ่ยซิ่วมีวิชาลับบางอย่างที่สามารถสิงร่างผู้อื่น และยึดครองร่างกายของคนๆ นั้น แทนที่คนๆ นั้นโดยสมบูรณ์
สำหรับการเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉางชิงช่วงนี้ หลี่เหิงเซิงนึกถึงคำอธิบายนี้ได้เพียงอย่างเดียว
มิฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉางชิงช่วงนี้จะมากเกินไป
“บางทีข้าอาจจะคิดมากเกินไป” เมื่อคิดย้อนกลับไป หลี่เหิงเซิงก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเหลือเชื่อมากไปหน่อย
บิดาของเขาเป็นเพียงจิตรกรธรรมดาๆ แม้แต่การเริ่มต้นบ่มเพาะพลังก็ยังทำไม่ได้ จะมีใครมายึดครองร่างกายของเขาได้อย่างไร?
สิงร่างเขา?
เพื่ออะไร?
เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องอาบน้ำงั้นเหรอ?
แต่ประโยคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร?
คิดถึงมารดา?
หลี่เหิงเซิงถอนหายใจเบาๆ “แต่มารดาของข้าคือใครข้ายังไม่รู้เลย? หลายปีมานี้ เวลาที่ข้าถามคำถามนี้ ท่านก็จะตีข้าทุกครั้ง ตอนนี้ท่านบอกว่าคิดถึงมารดาเนี้ยนะ? ข้าเองก็คิดถึง แต่ข้าไม่รู้เลยว่ามารดาเป็นอย่างไร?”
เขาเก็บจดหมายไว้
จากนั้นมองดูตั๋วแลกเงินห้าแสนตำลึงนี้ อารมณ์ของหลี่เหิงเซิงก็ดีขึ้น
เขาต้องฝึกฝนอย่างหนัก ในอนาคตเมื่อเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่ง เขาก็จะมีโอกาสหาเงินมากมายเพื่อตอบแทนบิดาของเขา
ตอนนี้เขาขาดเงินมากเกินไปจริงๆ
ร่างกายเซียนปีศาจสุริยันจันทราเป็นปีศาจตัวน้อยที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม!
มันดูดเขาจนแห้ง…
แต่ตอนนี้ ในเมื่อมีตั๋วแลกเงินเหล่านี้แลัว มันก้น่าจะเพียงพอ
หลี่เหิงเซิงรีบนำตั๋วแลกเงินไปซื้อของทันที
อย่างแรกคือโอสถขอบเขตทองคำ สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้
หนึ่งเม็ดราคาหนึ่งพันกว่าตำลึง
หลี่เหิงเซิงซื้อมาสองร้อยเม็ดโดยตรง
หลี่เหิงเซิงรู้สึกว่า สองร้อยเม็ดน่าจะเพียงพอสำหรับเขาในการบ่มเพาะจนถึงขอบเขตทุยฟ่านขั้นเก้า
หลังจากซื้อโอสถกลับมา หลี่เหิงเซิงก็เข้าสู่โหมดการฝึกฝนอีกครั้ง
เขาตัดสินใจว่าเขาต้องบ่มเพาะจนถึงขอบเขตทุยฟ่านขั้นเก้าโดยเร็วที่สุด!
…
แคว้นจิงหนาน
ที่นี่อยู่คนละทิศกับแคว้นหมิงหง
นอกร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีชายอ้วนสวมเสื้อผ้าขาดๆ นั่งอยู่บนพื้นหน้าประตู คอของเขามีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ แขวนอยู่
ซวีมู่ไห่ออกมาตามหาเจ้าสำนักของพวกเขามานานแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวเลย
ซวีมู่ไห่ตัดสินใจว่า หากวันนี้ยังไม่มีข่าว เขาก็จะกลับไปที่แดนโบราณเต๋าซาน
แต่เมื่อซวีมู่ไห่กินอิ่มหนำสำราญ และกำลังจะงีบหลับหน้าร้านอาหารแห่งนี้ ซวีมู่ไห่ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพวกกุ่ยซิ่ว!