ตอนที่แล้วบทที่ 65 ถ้ำแพทย์บรรพกาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 67 บิดาข้าโดนผีสิงหรือเปล่า?

บทที่ 66 แผนการลับของตระกูลเซวี่ย


บทที่ 66 แผนการลับของตระกูลเซวี่ย

ใบหน้าของชายคนนั้นดูสงบเสมอ

ผ้าไหมสีทองบนร่างกายของเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นผ้าราคาแพง แม้แต่หยกที่คาดอยู่ที่เอวก็ยังเปล่งประกายจางๆ

นั่นคือหยกสงบจิต

ปกติแล้วการสวมใส่ไว้บนร่างกายจะมีผลในการสงบสติอารมณ์

หยกก้อนเล็กๆ เช่นนี้มีราคาแพงมาก

คนทั่วไปไม่สามารถหาซื้อได้

สายตาของเขากวาดไปรอบๆ เห็นนักเล่านิทานที่อยู่ด้านหน้ากำลังเล่านิทานอย่างสนุกสนาน

“พี่เขย เชิญชั้นสอง ข้าจองห้องส่วนตัวไว้แล้ว” เซวี่ยหงรีบพูด

“อืม” เขาพยักหน้า

ในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง เซวี่ยหงสั่งอาหารขึ้นชื่อทั้งหมด

ปกติแล้วเขาก็ชอบมาร้านอาหารสือเหยียนทานอาหาร เฉิงเฝิ่นที่นี่คือของโปรดของเขา โดยเฉพาะเฉิงเฝิ่น (ก๋วยเตี๋ยวหลอด) ใส้ไข่กับกุ้ง

แป้งเฉิงเฝิ่นเหนียวนุ่ม ด้านในใส่เนื้อสับ ไข่ และกุ้ง เพิ่มผักสดเล็กน้อย จากนั้นก็ราดด้วยซอสสูตรลับของร้านอาหารสือเหยียน

กัดไปคำหนึ่ง…อือ รสชาติช่างลื่นคอ มีกลิ่นหอมของกุ้งกับไข่ ผสมผสานรสชาติของเนื้อสับ และความกรุบกรอบของผัก แถมยังมีซอสเพิ่มรสอีก มันช่างอร่อยมากจริงๆ

หลังจากกลืนลงไป เขาก็ยังสามารถลิ้มรสกลิ่นหอมของแป้งข้าวในเฉิงเฝิ่นได้อีกต่อ…

ไม่นานนัก อาหารเช้าที่ดูเหมือนติ่มซำก็ถูกยกขึ้นมา

“เซวี่ยหง มีคนชวนข้าทานอาหารบ่อยๆ แต่คนชวนข้าทานอาหารเช้าแบบนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งนัก” ชายคนนั้นมองดูอาหารบนโต๊ะแล้วพูดออกมา

แต่อาหารเหล่านี้ เขาก็ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตจริงๆ

แม้แต่ในคฤหาสน์จ้านเหอ ก็มีอาหารเช้าหลายแบบ แต่ก็ไม่หลากหลายชนิดเหมือนที่นี่

“เพราะอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก” เซวี่ยหงยิ้มพลางคีบฮะเก๋าใส่จานของชายคนนั้น พูดว่า “พี่เขย ลองชิมฮะเก๋าดู นี่ก็เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ มันอร่อยมาก”

ชายคนนั้นคีบฮะเก๋าขึ้นมาอย่างเงียบๆ

ชายคนนั้นตกใจ เพราะเขาพบว่าแป้งของสิ่งเล็กๆ นี้กลับโปร่งแสง

มันทำได้อย่างไร?

เขากัดไปคำหนึ่ง…

แป้งโปร่งแสงนั้นให้สัมผัสที่แตกต่างจากแป้งทั่วไป เมื่อเทียบกับแป้งทั่วไปแล้ว มันมีความเหนียวมากขึ้น และยังมีความหนึบที่อธิบายไม่ถูก

กัดเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงความหวานของกุ้ง เนื้อสัมผัสช่างกรุบกรอบ

ยิ่งไปกว่านั้น มันยังลื่นมาก ไม่แห้งเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองดูอย่างละเอียด เขาก็พบว่าข้างในมีเนื้อหมูติดมันสับละเอียดอยู่ไม่น้อย

กลิ่นหอมของน้ำมันหมูซึมเข้าไปข้างใน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเพิ่มความลื่นให้กับกุ้ง

ชายคนนั้นพยักหน้า อาหารเช้าที่นี่มีเอกลักษณ์จริงๆ

“เจ้าเขียนจดหมายเรียกข้ามา มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ” ชายคนนั้นจิบชา

“พี่เขย เรื่องมันเป็นแบบนี้” เซวี่ยหงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้

“อยากจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียน?” ชายคนนั้นยังคงมีสีหน้าสงบ ราวกับว่าเขาไม่สนใจคำขอนี้เลย

“ใช่” เซวี่ยหงพยักหน้า “ส่วนใหญ่ต้องการใช้ข่มขู่ตระกูลเหยียน หวังว่าตระกูลเหยียนจะไม่ทำเกินไป”

“ได้” ชายคนนั้นคีบเฉิงเฝิ่นขึ้นมากินคำหนึ่ง และพูดว่า “พวกเจ้าจ่ายเงินมา ข้าช่วยพวกเจ้าจ้างมาได้ แต่ส่วนของข้า ห้ามขาด!”

“แน่นอน แน่นอน” เซวี่ยหงรีบพูดทันที

“แต่พี่เขย ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียน จ้างมาได้จริงๆ งั้นเหรอ?” เซวี่ยหงยังคงรู้สึกเหลือเชื่อ

“เหอะๆ!” ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ “ตัวข้า… โจวซวิน ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์จ้านเหอมาหลายปีโดยเปล่าประโยชน์ ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนของคฤหาสน์จ้านเหอจ้างยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า ข้าไม่รู้จักผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนคนอื่น”

“พี่เขยเก่งยิ่งนัก” เมื่อโจวซวินพูดเช่นนี้ เซวี่ยหงก็สบายใจ

“งั้นพี่เขย เรื่องค่าใช้จ่าย…” เซวี่ยหงรีบถาม

“เงินสามแสนตำลึง สามารถจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนออกโรงครั้งหนึ่ง” โจวซวินเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“สามแสนตำลึง!”

ตัวเลขนี้ทำให้เซวี่ยหงตกใจจริงๆ

แพง… โคตรแพงเลย!

แม้ว่ารายได้ของตระกูลเหยียนทุกเดือนจะอยู่ที่ห้าหกแสนตำลึง แต่เงินห้าหกแสนตำลึงนี้ ยังต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจของตระกูลเหยียนและค่าใช้จ่ายในการบ่มเพาะพลังของศิษย์ในตระกูล

ตอนนี้แบ่งกับหลี่ฉางชิงครึ่งต่อครึ่ง รายได้ของตระกูลเหยียนลดลงครึ่งหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า ณ ตอนนี้ ตระกูลเหยียนพึ่งพาทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้

ดังนั้นตระกูลเหยียนจึงใช้โอกาสนี้ ร่วมมือกับหลี่ฉางชิง เพื่อหาเงินมากขึ้น

รายได้ของตระกูลไป๋และตระกูลจ้าวยังด้อยกว่าตระกูลเหยียน หากไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เงินที่สามารถเก็บไว้ได้ทุกเดือนประมาณเจ็ดแปดหมื่นตำลึงก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเซวี่ย หากสามารถเก็บไว้ได้สองสามหมื่นตำลึงทุกเดือนก็ถือว่าร่ำรวย!

ดังนั้น เมื่อได้ยินว่าการจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนออกโรงครั้งหนึ่งต้องใช้เงินสามแสนตำลึง เซวี่ยหงก็ตกใจจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เงินสามแสนตำลึงนี้ ยังไม่รวมค่าแนะนำของโจวซวินอีกด้วย

แต่ในเมื่อนี่เป็นคำสั่งของไป๋จิ้งเฟย ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน พวกเขาก็ต้องจ้างอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ตระกูลไป๋และตระกูลจ้าวเป็นคนออกเงินส่วนใหญ่

ดังนั้นเซวี่ยหงจึงตกลง

“จ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมา เจ้าต้องการฆ่าประมุขตระกูลเหยียนหรือไม่?” โจวซวินถาม “เงินสามแสนตำลึงนี้ ยังสามารถช่วยพวกเจ้าฆ่าคนได้หนึ่งคน”

“ฆ่าคน… ไม่ดีมั้ง?” เซวี่ยหงรีบพูด “บุตรสาวของเหยียนปั๋วเทาเป็นศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน”

“โอ้?”

โจวซวินเลิกคิ้ว ถามว่า “บุตรสาวของตระกูลเหยียนเป็นศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน? เป็นศิษย์ภายในหรือไม่?”

“ไม่ใช่ เป็นศิษย์ภายนอก” เซวี่ยหงตอบ

“เหอะ! ศิษย์ภายนอกคนหนึ่ง มีอะไรน่ากลัว” โจวซวินสบายใจ “แม้ว่าจะฆ่าเหยียนปั๋วเทา บุตรสาวของเขาก็ไม่สามารถจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมาแก้แค้นให้เขาได้หรอก”

“ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ภายนอกของแดนโบราณเต๋าซาน ในอนาคต คนที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้ มีเพียงหนึ่งในหมื่น”

“ไม่ต้องกังวล ข้าทำเพื่อเจ้า หากไม่ฆ่าใครสักคน มันก็เท่ากับจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมาเปล่าๆ เจ้าฆ่าเหยียนปั๋วเทา ตระกูลเหยียนก็จะวุ่นวาย ตระกูลเซวี่ยของเจ้าอาจจะได้รับผลประโยชน์”

โจวซวินหยิบกาน้ำชาขึ้นมา รินชาหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนไปข้างหน้าเซวี่ยหง “มีผลประโยชน์ งั้นก็รวยด้วยกัน ไม่ใช่หรือไง?”

“นี่...” เมื่อได้ยินโจวซวินพูดเช่นนี้ เซวี่ยหงก็หวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด

เดิมทีทุกคนต้องการเพียงข่มขู่ตระกูลเหยียน ไม่ได้ต้องการลงมือกับตระกูลเหยียน

แต่เงินสามแสนตำลึง จ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมา เพียงแค่ข่มขู่เจรจา มันสิ้นเปลืองมากเกินไป

เงินมากมายขนาดนี้ ไม่ฆ่าคน ย่อมเสียดายแย่

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่โจวซวินพูดก็มีเหตุผล ก่อนหน้านี้ทุกตระกูลต่างกังวลว่าบุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยียนจะเป็นภัยคุกคาม แต่สิ่งที่โจวซวินพูด ศิษย์ภายนอกของแดนโบราณเต๋าซานคนหนึ่ง จะกลายเป็นขอบเขตเสียนเทียนได้อย่างไร ใช่ไหม?

มันเป็นไปไม่ได้!

“ตกลง! ข้าตัดสินใจแล้ว” เซวี่ยหงตัดสินใจเด็ดขาด ใจเขาต้องเหี้ยมพอ!

หากไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ตระกูลเซวี่ยจะพัฒนาและเติบโตได้อย่างไร?

เมื่อเหยียนปั๋วเทาตาย ตระกูลเหยียนก็จะวุ่นวาย ถึงเวลานั้น ตระกูลเซวี่ยของเขาก็สามารถลงมือ และแย่งชิงผลประโยชน์นี้ได้

“งั้นก็รบกวนพี่เขยแล้ว รอให้ตระกูลเซวี่ยของข้าได้ผลประโยชน์ ถึงเวลานั้นจะตอบแทนอย่างหนัก!” เซวี่ยหงยกถ้วยชาขึ้นอย่างเคารพ

“อืม” โจวซวินก็ยกถ้วยชาขึ้นชน

หลังจากปรึกษาหารือกันสักพัก ทั้งสองก็เดินลงมาจากชั้นบน โจวซวินเตรียมกลับไปที่คฤหาสน์จ้านเหอเพื่อดำเนินการ

ตอนนี้นักเล่านิทานกำลังเล่าถึงจุดไคลแม็กซ์ ทุกคนต่างตั้งใจฟัง มีคนรินชาหกโดยไม่รู้ตัว ถูกเรื่องราวดึงดูดอย่างสมบูรณ์

“เห็นเพียงเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนครางเบาๆ เสื้อผ้าบนร่างกายหลุดร่วง เอนกายลงในอ้อมแขนของลู่จื้อเซิน”

“นางกล่าวด้วยสายตาเจ้าชู้ว่า ท่านชาย กล้ามเนื้อหน้าอกของท่านช่างแข็งแรง”

“ลู่จื้อเซินกลับพูดด้วยสีหน้าเสียดายว่า น่าเสียดายที่ข้าเป็นคน เจ้าเป็นผี!”

“คนกับผีสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ? เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างไม่ยอมแพ้ ผีแล้วอย่างไร? คนแล้วอย่างไร?”

“แน่นอนว่าสำคัญ หากเจ้าเป็นคน ข้าจะต้องสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า!”

โจวซวินยิ้ม “ที่นี่น่าสนใจดี อาหารก็อร่อย”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด