บทที่ 65 ถ้ำแพทย์บรรพกาล
บทที่ 65 ถ้ำแพทย์บรรพกาล
ค่ำคืนมาเยือน
ตระกูลเหยียนยังคงคึกคักเป็นพิเศษ
คนรับใช้ในคฤหาสน์ต่างยุ่งวุ่นวายไปมา บรรดาศิษย์ตระกูลเหยียนช่วงนี้ก็ล้วนยืดอกพกไข่จนตุง
เพราะธุรกิจของตระกูลเหยียนช่วงนี้ดีขึ้น แม้แต่ทรัพยากรบ่มเพาะของศิษย์ตระกูลเหยียนก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนมาก
สิ่งนี้ทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองมากขึ้น และฝึกฝนอย่างหนัก
“ท่านประมุข วันนี้ตระกูลไป๋และตระกูลจ้าวได้รวมตัวประมุขตระกูลของตระกูลเล็กๆ หลายตระกูลที่ร้านอาหารจินหงโหลว จากนั้นพวกเขาก็แอบประชุมกัน คนของพวกเราไม่สามารถสืบหาเนื้อหาการประชุมได้ แต่เดาไม่ยากว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียนของพวกเรา”
ต่อหน้าเหยียนปั๋วเทา สายลับคนหนึ่งของตระกูลเหยียนกำลังรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารจินหงโหลวในวันนี้ให้เหยียนปั๋วเทาฟัง
“พวกเขาคงทนไม่ไหวสินะ?”
เหยียนปั๋วเทารู้ดีอยู่แล้วว่า การกระทำของตระกูลเหยียนช่วงนี้จะต้องทำให้ตระกูลอื่นๆ ไม่พอใจ แต่เหยียนปั๋วเทาก็ไม่กลัว
นี่คือโลกที่ใครกำปั้นใหญ่กว่า คนนั้นก็มีอำนาจ
ตอนนี้ต้ากงเฟิงของตระกูลเหยียนคือหลี่ฉางชิง ผู้เชี่ยวชาญที่แม้แต่ซวีมู่ไห่ก็ยังต้องเคารพ เขามีอะไรต้องกลัวล่ะ ใช่ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ไม่ใช่ว่าเหยียนปั๋วเทาต้องการใช้หลี่ฉางชิงทำเรื่องเหล่านี้ เพราะเรื่องนี้เขาเคยปรึกษากับหลี่ฉางชิงมาก่อน
หลี่ฉางชิงไม่มีความเห็นใดๆ
หาเงินให้บุตรชายบ่มเพาะพลังมากขึ้น มันจะผิดตรงไหน?
เดิมทีโลกนี้ก็เป็นโลกที่คนกินคนอยู่แล้ว
หลี่ฉางชิงในชาติที่แล้วก็เคยประสบพบเจอมาก่อน
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางชิงเคยได้ยินคำพูดหนึ่ง วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ถูกนายทุนเอาเปรียบคือการเป็นนายทุนเสียเอง!
ตอนนี้เขามีโอกาสนี้ แน่นอนว่าเขาต้องเป็นคนที่อยู่เหนือคนอื่น
และแน่นอน ตระกูลเหยียนก็ไม่กลัวว่าพวกเขาจะทำอะไร
เพราะในเมืองฉางถิง เครือข่ายข่าวกรองของตระกูลเหยียนก็ไม่เลว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลี่ฉางชิงอยู่ที่นี่ นี่คือสิ่งที่ทำให้เหยียนปั๋วเทาสบายใจมากที่สุด
แผนการใดๆ ล้วนไร้ประโยชน์ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง!
“คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขา หากมีข่าวอะไรก็รายงานมา” เหยียนปั๋วเทากล่าวกับสายลับผู้นี้
“ขอรับ” หลังจากพูดจบ สายลับก็หันหลังกลับและออกจากห้องทำงานไป
….
สามวันต่อมา
หุบเขาหมอเทวะ
มู่ฉิงเก๋อกลับมาได้สักพักแล้ว ทันทีที่นางกลับมา มู่ฉิงเก๋อก็ไปหาบิดาของนาง มู่เฮิ่งเซิงเจ้าสำนักหุบเขาหมอเทวะคนปัจจุบัน
นางบอกมู่เฮิ่งเซิงว่านางโดนคำสาปวิญญาณร้าย
เมื่อเห็นรอยกรงเล็บผีบนคอของมู่ฉิงเก๋อ มู่เฮิ่งเซิงก็ตกใจมาก
ส่วนเรื่องงานไม้แกะสลักไม้นั้น มู่ฉิงเก๋อไม่ได้พูดถึง เพียงแต่บอกว่าคำสาปวิญญาณร้ายยังไม่ปะทุขึ้นมาชั่วคราว
มู่เฮิ่งเซิงเข้าไปในถ้ำแพทย์บรรพกาลของหุบเขาหมอเทวะโดยตรงเพื่อหาวิธีแก้ไข
ถ้ำแพทย์บรรพกาลเป็นสถานที่ต้องห้ามของหุบเขาหมอเทวะ นอกจากมู่เฮิ่งเซิงแล้ว ไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะเข้าไป
แต่ว่ากันว่าข้างในนั้นมีวิชาต้องห้ามของหุบเขาหมอเทวะมากมาย
สำหรับถ้ำแพทย์บรรพกาล มู่ฉิงเก๋ออยากรู้อยากเห็นมาตั้งแต่เด็ก ครั้งหนึ่งนางแอบวิ่งไปที่ถ้ำแพทย์บรรพกาล เพื่อต้องการดูว่าข้างในมีอะไร
ผลก็คือ… นางมู่ฉิงเก๋อถูกจับได้
มู่เฮิ่งเซิงโกรธมาก ปกติแล้วมู่เฮิ่งเซิงรักมู่ฉิงเก๋อมาก แต่เขากลับสั่งให้นางอยู่แต่ในห้องเป็นเวลาหนึ่งเดือน
แม้แต่มารดาของมู่ฉิงเก๋อมาขอร้องก็ยังไร้ประโยชน์
เพียงแต่มู่ฉิงเก๋อไม่ได้บอกใครจนถึงตอนนี้
วันนั้นสิ่งนางเห็น…
ในถ้ำแพทย์บรรพกาล
มีเด็กคนหนึ่ง!
เขาเป็นเด็กผู้ชาย อายุไล่เลี่ยกับนาง ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณสิบสองสิบสามปี และเป็นเด็กที่มู่ฉิงเก๋อไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ มู่ฉิงเก๋อก็ไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายผู้นั้นอีกเลย ราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ตอนนี้มู่เฮิ่งเซิงไปที่ถ้ำแพทย์บรรพกาลอีกครั้ง ทำให้มู่ฉิงเก๋อนึกถึงเด็กชายลึกลับคนนั้นโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังมาจากข้างนอก
“คุณหนู มีจดหมายถึงท่าน”
“จดหมายของข้า?”
หลังจากฟังจบ มู่ฉิงเก๋อก็ไม่สนใจ และพูดว่า “คงเป็นจดหมายจากศิษย์ของนิกายใดนิกายหนึ่งอีกแล้วสินะ”
มู่ฉิงเก๋อได้รับจดหมายแบบนี้มากเกินไป
มันกองรวมกันเป็นโกดังได้เลย
“เรียนคุณหนู จดหมายมาจากสถานที่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชื่อเมืองฉางถิง ดูเหมือนจะเป็นทางแคว้นหมิงหง” คนที่มารายงาน
“แคว้นหมิงหง? เมืองฉางถิง?” ดวงตาของมู่ฉิงเก๋อเป็นประกาย
นางเปิดประตูออก หญิงรับใช้ใช้ที่ประตูถือจดหมายอยู่
มู่ฉิงเก๋อยื่นมือออกไปรับมาโดยตรง เมื่อเห็นชื่อของหลี่ฉางชิงบนซองจดหมาย มู่ฉิงเก๋อก็เผยรอยยิ้มดีใจ
“เอาล่ะ เจ้าออกไปเถอะ” มู่ฉิงเก๋อกล่าว
“เจ้าค่ะ” บนใบหน้าของสาวใช้มีร่องรอยของความอยากรู้อยากเห็น หลี่ฉางชิงคือใคร?
ทำให้มู่ฉิงเก๋อถึงดีใจเช่นนี้
หรือเขาเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่หรือไม่?
มู่ฉิงเก๋อไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ฉางชิงจะเขียนจดหมายมาหานางจริงๆ
เขาคิดถึงนางหรือเปล่า?
มู่ฉิงเก๋อรีบเปิดจดหมายออกดู
เทะธิดาฉิงเก๋อ นานแล้วที่ไม่ได้พบกัน
หลังจากแยกทางกันครั้งที่แล้ว เวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ไม่รู้ว่าหุบเขาหมอเทวะของพวกท่านหาวิธีแก้คำสาปวิญญาณร้ายได้หรือยัง?
จำไว้ว่าอย่าแยกจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์
...
ตรงกลางเขียนอะไรมากมาย มู่ฉิงเก๋ออ่านอย่างตั้งใจ เพียงแต่อ่านไปอ่านมา หลี่ฉางชิงก็เขียนถึงเรื่องของหลี่เหิงเซิง บุตรชายของเขา
เขากลายเป็นศิษย์สืบทอดของยอดเขาหมู่ไห่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเข้าใจวิชาการต่อสู้ที่ทรงพลังใหม่
ตอนแรกมู่ฉิงเก๋อยังคงอ่านอย่างตั้งใจ แต่อ่านไปอ่านมา ก็รู้สึกว่ารสชาติของจดหมายแปลกๆ
กลายเป็นศิษย์สืบทอด?
ฝึกฝนวิชาการต่อสู้ที่ทรงพลัง?
“โอ้… ใช่แล้ว!” มู่ฉิงเก๋อเข้าใจทันที ใบหน้าของนางก็แดงก่ำ
หลังจากกลับมา นางก็หมกมุ่นอยู่กับการศึกษาคำสาปวิญญาณร้าย จนลืมไปว่าตอนที่อยู่ในถ้ำ หลี่ฉางชิงมอบสมบัติล้ำค่าทั้งหมดให้นาง
ขอให้นางช่วยปรุงยาให้หลี่เหิงเซิง
ผลก็คือ… นางลืมไปหมดแล้ว!
“ข้าเนี้ยนะ...” มู่ฉิงเก๋อหน้าแดงมาก มองดูจดหมายฉบับนี้ นางรู้สึกอับอายเล็กน้อย
จะทำอย่างไรดี?
ตอนนี้หลี่ฉางชิงคงจะลดความประทับใจในตัวนางไปแล้วแน่ๆ!
สัญญากับคนอื่น แต่กลับไม่ได้ทำ เพราะลืมเนี้ยนะ?
ผู้อาวุโสหุบเขาหมอเทวะ กลับกลายเป็นคนผิดสัญญา
หากปรุงตอนนี้ มันก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะกลั่นยาเสร็จ ดังนั้นมู่ฉิงเก๋อจึงเดินออกไป เลือกโอสถคุณภาพดีจำนวนมากจากคลังสมบัติของหุบเขาหมอเทวะ และเก็บใส่กล่องใบใหญ่
จากนั้นก็เรียกคนของสำนักคุ้มกันชางหยวน ให้สำนักคุ้มกันชางหยวนส่งไปที่แดนโบราณเต๋าซานให้ซวีมู่ไห่ทางอากาศ
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ มู่ฉิงเก๋อจึงเขียนจดหมายตอบหลี่ฉางชิง
…
เช้าตรู่
เมืองฉางถิง
ร้านอาหารสือเหยียนเปิดให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่
นี่คือร้านอาหารของตระกูลเหยียน
พวกเขาเปิดสามสาขาในเมืองฉางถิง
แม้ว่าจะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ก็มีคนนั่งเต็มร้านแล้ว
ในหมอกควันร้อนๆ ข้างนอก ยังมีกลิ่นหอมหวานลอยออกมา
นี่คืออาหารเช้าขึ้นชื่อของร้านอาหารสือเหยียน(นางแอ่นกาลเวลา)
ในขณะเดียวกัน ผู้คนที่นั่งอยู่บนชั้นหนึ่ง นอกจากสั่งอาหารเช้าแล้ว ยังสั่งชาหนึ่งกา ฟังนักเล่านิทานเล่าเรื่องราวที่หลี่ฉางชิงเขียน
นักเล่านิทานตบโต๊ะ
แม้ว่านักเล่านิทานจะอายุมากกว่าหกสิบปีแล้ว แต่เสียงของเขาก็ดังก้อง
“วันนี้พวกเราจะเล่าเรื่อง ซ้องกั๋ง: ลู่จื้อเซินปะทะเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน หวังว่าท่านที่ฟังอย่างมีความสุขจะช่วยแนะนำให้คนอื่นๆ หรือสมัครสมาชิกที่นี่”
(ลู่จื้อเซินปะทะเนี่ยเสี่ยวเฉียน ผสมระหว่างเรื่องซ้องกั๋งกับผีสาวโปเยโปโลเย)
“ดี!”
ผู้คนด้านล่างต่างปรบมือและโห่ร้อง
พวกเขามาฟังเมื่อวานนี้ เรื่องราวเพิ่งเล่าถึงพระชื่อลู่จื้อเซินที่ดื่มสุราสิบแปดกาบนเนินเขาจิ่งหยาง จากนั้นก็มาถึงสถานที่ชื่อวัดหลานรั่วอย่างงุนงง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบกับผีกุ่ยซิ่วหญิงชื่อเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน
การพัฒนาเรื่องราวในวันนี้คือสิ่งที่พวกเขาตั้งตารอมากที่สุด
“พี่เขย เชิญด้านใน นี่คืออาหารขึ้นชื่อใหม่ของเมืองฉางถิง รสชาติอร่อยมาก” นอกประตู เซวี่ยหงพาชายคนหนึ่งที่สวมชุดหรูหราเดินเข้ามา