ตอนที่แล้วบทที่ 63 การทดสอบของหลี่ฉางชิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 65 ถ้ำแพทย์บรรพกาล

บทที่ 64 จัดการกับตระกูลเหยียน


บทที่ 64 จัดการกับตระกูลเหยียน

“มีการขนส่งทางอากาศด้วยเหรอ?”

หลี่ฉางชิงมองชายชุดม่วงด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง สำนักคุ้มกันชางหยวนของพวกเรามีสัตว์วิญญาณบิน ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ มันสามารถขนส่งสิ่งของได้ หากบินไป ประมาณสามวันก็ถึงแล้ว”

ชายชุดม่วงแนะนำหลี่ฉางชิง

“เฮ้อ… ไม่งั้นพวกเจ้าอย่าเรียกว่าสำนักคุ้มกันชางหยวน เรียกว่าสำนักคุ้มกันซุ่นเฟิงดีไหม” หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะบ่น

(ซุ่นเฟิงหรือSF Express Co., Ltd. ในปัจจุบันเป็นชื่อบริษัทขนส่งเอกชนที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน)

“หะ?” ชายชุดม่วงฟังแล้วก็งุนงง

“งั้นขนส่งทางอากาศก็แล้วกัน” หลี่ฉางชิงหยิบเงินยี่สิบตำลึงออกมา มอบให้ชายชุดม่วง และให้เขาส่งจดหมายฉบับนี้ไปที่หุบเขาหมอเทวะโดยเร็วที่สุด

….

ร้านอาหารจินหงโหลว

วันนี้ร้านอาหารจินหงโหลวไม่ได้เปิดให้บริการ มีผู้ฝึกตนบางคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู

คนที่อยากมาทานอาหารก็ถูกกันออกไป

ในเวลานี้ รถม้าคันหนึ่งได้หยุดลงหน้าร้าน

ชายอ้วนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราเดินลงมาจากรถม้า เขามองไปรอบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านอาหารจินหงโหลวทันที

“ท่านประมุขเซวี่ย ทุกคนรอท่านมานานแล้ว” เมื่อเห็นคนมา ผู้จัดการร้านอาหารจินหงโหลวก็รีบเข้ามาต้อนรับ

“รู้แล้ว” ประมุขตระกูลเซวี่ยเงยหน้าขึ้นมองชั้นสอง จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไป และพบคนรออยู่ และได้พาประมุขตระกูลเซวี่ยไปที่ห้องส่วนตัว

เขาผลักประตูเข้าไป

ข้างในมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด มีมากกว่าสิบคน

สายตาของพวกเขามองมาที่ยังประมุขตระกูลเซวี่ยพร้อมกัน

“ขออภัยทุกท่าน ข้ามาช้า” ประมุขตระกูลเซวี่ยประสานมือคารวะอย่างสุภาพ

“ประมุขเซวี่ยช่างใจเย็นเสียจริงๆ” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านในสุดพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้ไฟไหม้ลามถึงคิ้วแล้ว ประมุขเซวี่ยยังคงสงบสติอารมณ์ได้เช่นนี้ ข้าไป๋จิ้งเฟยขอชื่นชม”

“พี่ไป๋ล้อเล่นแล้ว ข้าแค่ติดธุระเล็กน้อย” ประมุขตระกูลเซวี่ยรีบขอโทษ

“เอาล่ะ นั่งลงเถอะ”

ชายที่ดูมีแววตาดุดันที่นั่งอยู่ข้างๆ ไป๋จิ้งเฟยกล่าว

เมื่อเขาพูด ประมุขตระกูลเซวี่ยก็นั่งลง

คนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองฉางถิง

“วันนี้เรียกพวกเจ้ามา คงรู้ว่าเป็นเรื่องอะไรใช่ไหม?” ชายที่ดูมีแววตาดุดันกล่าว

“ประมุขจ้าว พวกเราย่อมรู้ดี ช่วงนี้การกระทำของตระกูลเหยียนเกินเลยไปหน่อย แต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือก เราต้องพึ่งพาตระกูลจ้าวและตระกูลไป๋ของพวกท่านจึงจะต่อกรกับตระกูลเหยียนได้” ประมุขตระกูลคนหนึ่งกล่าวอย่างเคารพ

“ฮึ่ม… เดิมทีพวกเราสามตระกูลก็อยู่กันอย่างสงบสุข” ไป๋จิ้งเฟยพูดอย่างเย็นชา “พวกเราทำร้านอาหารของพวกเรา จ้าวอี๋ชิวก็ทำธุรกิจร้านขายผ้าได้ดี ธุรกิจเหมืองของตระกูลเหยียนก็ไม่เคยขัดแย้งกับพวกเรา”

“ใครจะไปรู้ว่าตระกูลเหยียนเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ถึงทำเรื่องมากมายเช่นนี้ ทำให้พวกเราเสียหายอย่างหนัก” ในเวลานี้ ไป๋จิ้งเฟยโกรธมาก

“ใช่ แม้แต่ธุรกิจของพวกเราก็ได้รับผลกระทบ!” ประมุขตระกูลอีกคนหนึ่งก็พูดอย่างไม่พอใจ

“เซวี่ยหง เจ้าคิดเห็นอย่างไร?” จ้าวอี๋ชิวแห่งตระกูลจ้าวมองไปที่ประมุขตระกูลเซวี่ยที่เข้ามาคนสุดท้ายแล้วถาม

“ข้า?” ประมุขตระกูลเซวี่ยตกตะลึง ไม่คิดว่าหัวข้อจะมาถึงเขา

แต่เซวี่ยหงก็ตบโต๊ะอย่างแรง พูดอย่างโกรธเคืองว่า “ถูกต้อง ตระกูลเหยียนข่มเหงเกินไปแล้ว! ต้องลงโทษพวกเขา!”

ทุกคนมองเซวี่ยหงด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับว่าการแสดงของเซวี่ยหงนั้นเกินจริงไปหน่อย

เมื่อถูกทุกคนมอง เซวี่ยหงก็พูดอย่างประหม่า “พวกท่านมองข้าแบบนั้นทำไม?”

“เซวี่ยหง” มีคนหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าธุรกิจโอสถของตระกูลเซวี่ยท่านจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และเช้านี้ท่านยังไปทานเฉิงเฝิ่นที่ร้านอาหารของตระกูลเหยียนไม่ใช่หรือไง?”

“ลองดูเสื้อผ้าที่เจ้าใส่สิ ล้วนเป็นยี่ห้อ ‘ชิงเหยียน’ ของร้านขายผ้าตระกูลเหยียน”

ทุกคนมองดูแล้ว มันใช่จริงๆ!

บนเสื้อผ้ามีนกนางแอ่นสีเขียวที่ปักด้วยเทคนิคการปักผ้าเฉพาะของตระกูลเหยียน

นี่คือเสื้อผ้าแบรนด์ที่ตระกูลเหยียนเพิ่งเปิดตัว

เดิมทีตระกูลจ้าวก็อยากเลียนแบบ แต่ตลาดแบรนด์ถูกตระกูลเหยียนเปิดไปแล้ว ตระกูลจ้าวเข้ามาทีหลัง ผลลัพธ์จึงไม่ดีมากนัก

ตลาดไม่ค่อยยอมรับอีกแล้ว

เซวี่ยหงยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีทางเลือกนี่นา ตอนนี้ธุรกิจร้านขายผ้าของตระกูลเหยียนเฟื่องฟูมาก เสื้อผ้าชุดนี้เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางในเมืองฉางถิงของพวกเรา ใส่แล้วดูมีหน้ามีตา ข้าก็อดไม่ได้ที่จะซื้อมาสักสองสามชุด”

“เอาล่ะ”

“การที่ข้าเรียกเซวี่ยหงมา…” ไป๋จิ้งเฟยเอ่ยอย่างแผ่วเบา “เพราะตระกูลเซวี่ยและตระกูลไป๋ของพวกเรามีความสัมพันธ์กัน เรื่องนี้ตระกูลเซวี่ยก็ต้องช่วยเหลือ”

“ช่วยเหลืออย่างไร?”

ทุกคนมองไป๋จิ้งเฟยด้วยความประหลาดใจ ตระกูลเซวี่ยเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ในเมืองฉางถิง เขาทำอะไรได้?

“เซวี่ยหง ข้าเรียกเจ้ามา เจ้าน่าจะเข้าใจ” ไป๋จิ้งเฟยมองไปที่เซวี่ยหงแล้วพูดว่า “ตอนนี้ตระกูลเหยียนทำกับพวกเราแบบนี้ พวกเราก็ต้องตอบโต้ หากข้าจำไม่ผิด พี่เขยของเจ้าน่าจะรู้จักคนของคฤหาสน์จ้านเหอ และมีความสัมพันธ์กับคนของคฤหาสน์จ้านเหอ ใช่หรือไม่”

“อ๊ะ… ใช่” เซวี่ยหงพยักหน้า

“คฤหาสน์จ้านเหอ?” (คฤหาสน์สุขสงบแซ่จาง)

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนก็มองเซวี่ยหงด้วยความชื่นชม

พี่เขยของเซวี่ยหงยังมีความสัมพันธ์แบบนี้อีกหรือ?

คฤหาสน์จ้านเหอไม่ได้อยู่ในแคว้นหมิงหง และพวกเขาเป็นกองกำลังงที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับกองกำลังระดับสูงสุดอย่างแดนโบราณเต๋าซาน แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่ธรรมดา

พวกเขามีผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนประจำการอยู่

“งั้นก็ติดต่อพี่เขยของเจ้า พวกเราทุกตระกูลจะช่วยออกเงิน จากนั้นให้จ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนจากคฤหาสน์จ้านเหอมา พวกเราจะไปเจรจากับตระกูลเหยียน!” ไป๋จิ้งเฟยพูดอย่างหนักแน่น

“จ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียน?”

เซวี่ยหงตกใจ

ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนจ้างง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง?

“จ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมาแค่เจรจา?” ประมุขตระกูลคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่งั้น… พวกเราล้างสังหารตระกูลเหยียนให้สิ้นซากไปเลยดีไหม? เมื่อถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่ธุรกิจจะกลับมาอยู่ในมือของพวกเรา แม้แต่ธุรกิจเหมืองของตระกูลเหยียนก็จะเป็นของพวกเรา!”

“ไม่ได้”

จ้าวอี๋ชิวพูดอย่างแผ่วเบา “ตระกูลเหยียนมีรากฐานที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ว่าจะกำจัดได้ง่ายๆ และเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือ บุตรสาวคนเล็กของเหยียนปั๋วเทาเป็นศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน”

“แม้ว่าบุตรสาวของเขาจะเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาของแดนโบราณเต๋าซาน และนางอาจไม่สามารถหาผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมาแก้แค้นให้ตระกูลเหยียนได้ แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้”

“กำจัดวัชพืชต้องถอนรากถอนโคน แต่พวกเราไม่สามารถให้ผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนคนนั้นไปฆ่าบุตรสาวของเขาที่แดนโบราณเต๋าซานได้ เพราะเขาไม่ใช่ตี้เสินเซียน”

เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวอี๋ชิว ทุกคนก็เงียบลงทันที

จริงด้วยสินะ?

หากสามารถจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียนมาสั่งสอนตระกูลเหยียนได้ก็ไม่เลวแล้ว

“ดี งั้นข้าจะไปติดต่อพี่เขยของข้า” เซวี่ยหงพยักหน้า

“ค่าใช้จ่ายในการจ้างคน ตระกูลไป๋และตระกูลจ้าวของพวกเราออกห้าส่วน ที่เหลือพวกเจ้าหารกัน ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ไป๋จิ้งเฟยมองไปที่ทุกคน “นี่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของพวกเรา หวังว่าพวกเจ้าจะกระตือรือร้นหน่อย”

เมื่อไป๋จิ้งเฟยพูดเช่นนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงตกลง

แต่ในใจของพวกเขายังคงตกใจ แผนการจ้างผู้แข็งแกร่งขอบเขตเสียนเทียน

เรื่องนี้มีโอกาสสำเร็จสูงมาก!

ตระกูลเหยียนเอ๋ย...

เจ้าทำให้ทุกคนโกรธจริงๆ แล้วสินะ?

จ้าวอี๋ชิวไม่ได้พูดอะไรตลอดการประชุม ขณะที่นั่งอยู่ในรถม้าระหว่างทางกลับ เขาก็หลับตาลง เพราะจ้าวอี๋ชิวรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด

ทำให้ทุกคนเสียผลประโยชน์เนี้ยนะ?

ทำแล้วแน่นอนก็จะถูกทุกคนต่อต้าน เหยียนปั๋วเทาเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง เขาจะไม่เข้าใจเหตุผลนี้หรือไง?

หรือว่า… เขามีสิ่งใดให้พึ่งพากันแน่?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด