บทที่ 6 ความหวังดีของตระกูลเหยียน
บทที่ 6 ความหวังดีของตระกูลเหยียน
แน่นอนว่าหลี่ฉางชิงรู้ว่าพวกเขากำลังจะมา
เด็กน้อยที่บ้านเอาเงินห้าพันตำลึงมาซื้องานแกะสลักชิ้นเล็กๆ กลับไปเล่น ผู้ใหญ่ในบ้านต้องพาเด็กน้อยมาทวงคืนอย่างแน่นอน
หลี่ฉางชิงเตรียมใจไว้แล้ว
สำหรับท่าทีที่สุภาพของเหยียนหวี่สือ หลี่ฉางชิงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะมาทวงเงินคืนสินค้า มันก็ต้องทำท่าทีดีๆ หน่อย ใช่ไหม?
เมื่อเดินเข้ามาในร้าน เห็นร้านที่ดูธรรมดาๆ แห่งนี้ ทุกคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่หลี่ฉางชิงหันหลังกลับ เตรียมหยิบตั๋วเงินห้าพันตำลึงจากลิ้นชักออกมาคืน เหยียนป๋อเทาก็ส่งสายตาให้เหยียนหวี่สือ
ตุบ!
เหยียนหวี่สือคุกเข่าลงทันที
"เอ๊ะ ทำแบบนี้ทำไม?" หลี่ฉางชิงสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงนั้น มาทวงเงินก็ทวงไป ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา?
"เมื่อวานนี้ข้าน้อยเสียมารยาทไป ขออภัยท่านผู้อาวุโส วันนี้ข้าจึงมาขอบคุณและขอโทษขอรับ" เหยียนหวี่สือพูดอย่างหนักแน่น พูดจบก็โค้งคำนับอีกครั้ง
"หา?" หลี่ฉางชิงได้ยินคำพูดของเหยียนหวี่สือ ครู่หนึ่งถึงกับพูดไม่ออก
ขอบคุณอะไร ขอโทษอะไร?
"ท่านผู้อาวุโส วันนี้พวกข้าตระกูลเหยียนมาเพื่อขอบคุณ และขอโทษสำหรับพฤติกรรมที่หุนหันพลันแล่นของบุตรชายข้าเมื่อวานนี้ขอรับ" ในเวลานี้ เหยียนป๋อเทาก็พาผู้อาวุโสสามคนก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ฉางชิงก็รู้สึกสับสนในใจ พวกเขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อทวงเงินคืนไม่ใช่เหรอ?
ในใจของหลี่ฉางชิงตอนนี้เต็มไปด้วยความคิดมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจรอดูท่าที ตั๋วเงินห้าพันตำลึงนั้นก็ไม่ได้หยิบออกมา วางไว้ในแขนเสื้อตามเดิม เพียงแต่พูดอย่างเฉยเมยว่า "เชิญนั่งก่อน ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้น"
"ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส" ทุกคนประสานมือคารวะ จากนั้นก็ต่างคนต่างหาเก้าอี้นั่งลง
เหยียนหวี่สือก็ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ เหยียนป๋อเทา
หลี่ฉางชิงไม่ได้พูดอะไร รอให้พวกเขาพูดก่อน ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ไม่คิดเลยว่าเมืองฉางถิงเล็กๆ แห่งนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญอย่างท่านผู้อาวุโสแฝงตัวอยู่" ในเวลานี้ เหยียนป๋อเทาประสานมือพูดว่า "เมื่อวานนี้บุตรชายข้าซุกซน นำสมบัติล้ำค่าของท่านผู้อาวุโสกลับไป ไม่น่าให้อภัยจริงๆ โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสไม่ถือสาหาความ"
พูดจบ เหยียนป๋อเทาก็หยิบกล่องออกมาหนึ่งใบ ในกล่องนั้นคือเสือโคร่งที่แกะสลักจากไม้เมื่อวานนี้
หลี่ฉางชิงจ้องมองไปที่งานแกะสลักชิ้นนั้น ในใจก็เดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับงานแกะสลักชิ้นนี้ แต่หลี่ฉางชิงก็ยังคงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มอย่างใจเย็น รอให้เหยียนป๋อเทาพูดต่อ
"สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถประเมินค่าได้เพียงห้าพันตำลึง เดิมทีพวกเราตั้งใจจะนำสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มาคืน แต่เมื่อวานนี้ บุตรชายข้าใช้สมบัติชิ้นนี้ในการเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของสมบัติชิ้นนี้ลดลงเล็กน้อย พวกข้าตระกูลเหยียนรู้สึกผิด จึงมาขอให้ท่านผู้อาวุโสอภัยให้ขอรับ" เหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง โค้งคำนับหลี่ฉางชิง
ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงก็พอจะเข้าใจเหตุผลแล้ว
แต่สิ่งนี้ก็ทำให้หลี่ฉางชิงตกใจ งานแกะสลักของเขาทำให้เด็กคนนี้เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้?
การเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า ไม่ใช่ต้องใช้ภาพวาดถึงจะสำเร็จหรอกเหรอ?
หรืองานแกะสลักของเขาก็มีความสามารถเช่นนี้เหมือนกัน?
จริงสิ! ทั้งภาพวาด และงานแกะสลัก แท้จริงแล้วก็เป็นสิ่งของประเภทเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น งานแกะสลักของเขายังดูสมจริงยิ่งกว่า และมันอาจจะช่วยในการเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้มากกว่าภาพวาดทั่วไปก็เป็นได้
เฮ้อ… ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้มาทวงเงินคืน
"ทุกท่านสุภาพมากเกินไป" หลี่ฉางชิงพยายามระงับความตื่นเต้นในใจ พูดอย่างใจเย็นว่า "ข้ากับเด็กผู้นี้ก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน เขาสามารถมองเห็นคุณค่าของงานแกะสลักชิ้นนี้ นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขากับงานแกะสลักชิ้นนี้มีวาสนาต่อกัน วาสนาเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตาของเขาเอง ข้าก็แค่ไหลไปตามกระแสเท่านั้น"
"ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสขอรับ" เหยียนหวี่สือขอบคุณหลี่ฉางชิงจากใจจริง หากไม่ใช่เพราะหลี่ฉางชิง เขาก็คงจะไม่ได้เป็นถึงทายาทตระกูลเหยียนแล้ว
กลายเป็นคนธรรมดา ใช้ชีวิตไปวันๆ…
แต่หลี่ฉางชิงกลับเปลี่ยนโชคชะตาของเขา!
"ท่านผู้อาวุโส พวกเราก็รู้ดีว่างานแกะสลักชิ้นนี้มีมูลค่ามหาศาล เงินห้าพันตำลึงนั้นไม่ต่างอะไรกับเรื่องตลก ดังนั้นจึงขอมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ หวังว่าท่านผู้อาวุโสจะรับไว้ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับงานแกะสลักชิ้นนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากพวกข้าตระกูลเหยียนขอรับ" ในเวลานี้ เหยียนป๋อเทาก็หยิบกล่องไม้สีดำสนิทออกมาจากแขนเสื้อ บนกล่องยังมีตราประทับสีแดง
มันดูแล้วมีค่ามาก
เยี่ยม! ยังมีของแถมอีก?
งานแกะสลักของเขามันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?
ในชาติก่อน ศิลปะงานไม้แกะสลักของเขาไม่มีใครเห็นค่า แม้แต่ถ่ายวิดีโอลงเน็ตก็ยังโดนคนเยาะเย้ยถากถาง แต่พอมาถึงที่นี่ มันกลับกลายเป็นที่ต้องการเนี้ยนะ?
จุดสูงสุดในชีวิตของเขากำลังจะมาถึงแล้วใช่ไหม?
"นี่มัน..." แม้ว่าหลี่ฉางชิงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูจากกล่องแล้วก็รู้ว่าต้องมีค่ามาก
"นี่คือโสมโลหิตอายุสองร้อยปีขอรับ" เหยียนป๋อเทารีบพูด "ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง หวังว่าท่านผู้อาวุโสฉางชิงจะไม่รังเกียจ"
"ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ขอรับไว้ ทุกท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก" หลี่ฉางชิงรับของมาอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ แต่น่าจะเหมาะกับหลี่เหิงเซิงสินะ?
หลี่เหิงเซิงส่งเงินมาให้เขาทุกเดือน แล้วหลี่เหิงเซิงจะมีเงินซื้อทรัพยากรสำหรับฝึกฝนได้อย่างไร? สำหรับบุตรชายที่ไม่เคยพบหน้ากันคนนี้ หลี่ฉางชิงกลับรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก สงสารที่เขาเป็นเด็กดี หรืออาจจะเป็นเพราะต้องการชดเชยความผิดของเจ้าของร่างเดิมก็เป็นได้
ดังนั้น เงินห้าพันตำลึงและโสมโลหิตอายุร้อยปีนี้ หลี่ฉางชิงจึงไม่ได้คิดจะเก็บไว้ แต่ตั้งใจว่าจะส่งไปให้หลี่เหิงเซิงในภายหลัง
เมื่อเห็นหลี่ฉางชิงรับไว้ เหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ ก็ดีใจมาก หลี่ฉางชิงยอมรับไมตรีของตระกูลเหยียนแล้ว!
การได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อตระกูลเหยียน
หากในอนาคต พวกเขาสามารถได้งานแกะสลักจากหลี่ฉางชิงอีก ความแข็งแกร่งของตระกูลเหยียนก็ไม่ต้องพูดถึง จะต้องพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน!
แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนเกินไป กลัวว่าการเอ่ยปากขอร้องในตอนนี้จะทำให้หลี่ฉางชิงไม่พอใจ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจจากไปก่อน
โอกาสหน้ายังมีอีกมาก
"ท่านผู้อาวุโสฉางชิง ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขอตัวก่อน หากในอนาคตมีเรื่องใดที่ตระกูลเหยียนพอจะช่วยได้ โปรดแจ้งมาได้เลยนะขอรับ" เหยียนป๋อเทาพูดพลางหยิบป้ายหยกออกมาหนึ่งอัน วางไว้บนโต๊ะแล้วพูดว่า "นี่คือป้ายหยกของตระกูลเหยียน หากถือป้ายหยกนี้มา ท่านก็สามารถเข้าออกตระกูลเหยียนได้อย่างอิสระ"
"ขอบคุณ ช่างมีน้ำใจยิ่งนัก" หลี่ฉางชิงพยักหน้าอย่างใจเย็น ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
ในเมื่อถูกมองเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว งั้นก็ต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญหน่อย!
หลี่ฉางชิงที่เคยอ่านนิยายมาหลายเล่มในชาติก่อน เขาเข้าใจเรื่องนี้ดี
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ขอตัวลาขอรับ" เหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ ประสานมือคารวะ
หลังจากส่งทุกคนออกไปที่ประตู หลี่ฉางชิงมองดูพวกเขาจากไป พอหันหลังกลับ เขาก็เห็นชายชุดม่วงที่เคยมาส่งจดหมาย วิ่งกลับมาอีกครั้ง
"หลี่ฉางชิง จดหมายขอท่าน ส่งมาจากแดนโบราณเต๋าซาน" ชายชุดม่วงวิ่งมาส่งจดหมายให้หลี่ฉางชิง
"ส่งจดหมายมาอีกแล้ว?" หลี่ฉางชิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เพิ่งจะส่งจดหมายมาเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ส่งมาอีกแล้ว
หรือว่าบุตรชายเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ฉางชิงจึงรีบเปิดจดหมาย
หลังจากอ่านจบ หลี่ฉางชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่ใช่ว่าหลี่เหิงเซิงเกิดเรื่องอะไร แต่เป็นหลี่เหิงเซิงเตือนให้หลี่ฉางชิงระวังตัวในช่วงนี้เท่านั้น
เพราะช่วงนี้มีข่าวลือว่า มีกุ่ยซิ่วปรากฏตัวขึ้นในแคว้นหมิงหง
(กุ่ยซิ่ว ความหมายคือนักพรตหรือผู้ฝึกตนที่ใช้ผีหรือวิญญาณในการบำเพ็ญเพียรหรือใช้งาน)
เดิมทีเห็นว่าหลี่เหิงเซิงไม่ได้เป็นอะไร หลี่ฉางชิงที่โล่งใจอยู่แล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกใจหายวาบ
เดี๋ยวก่อน… กุ่ยซิ่ว?
โลกนี้มีผีด้วยเหรอ?