ตอนที่แล้วบทที่ 55 เขาเป็นศิษย์สายตรง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57 มองไปที่ใด ก็เห็นเต๋า!

บทที่ 56 ภาพวาดจ้าวซานหวังเซียน


บทที่ 56 ภาพวาดจ้าวซานหวังเซียน

“ศิษย์พี่หลินถงก็รู้จักข้าด้วยหรือ?”

หลี่เหิงเซิงเดินเข้าไป ประสานมือคารวะหลินถงและชายที่มองเขาอยู่ข้างๆ

“จะไม่รู้ได้อย่างไร ตอนนี้แดนโบราณเต๋าซานทั้งแดนรู้จักชื่อเสียงของเจ้าอย่างหลี่เหิงเซิงแล้ว” หลินถงพูดด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าจะเห็นว่าพรสวรรค์ของหลี่เหิงเซิงแย่มาก นางก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจ เพราะมีข่าวลือแพร่ออกไปนานแล้ว

“ผู้อาวุโสท่านนี้คือ?”

หลี่เหิงเซิงมองไปที่ชายผู้นี้

ชายผู้นี้ดูเหมือนจะมีอายุสี่สิบถึงห้าสิบปี มีบุคลิกของบัณฑิต สวมชุดยาวสีฟ้าลายดอกไม้ ดูเหมือนนักวิชาการมาก

“ท่านนี้คือจ้าวหอคัมภีร์ฝูถู” หลินถงแนะนำ

“คารวะท่านจ้าวหอ” หลี่เหิงเซิงคารวะอย่างเคารพ

“ไม่ต้องเกรงใจ” จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูพูดอย่างใจเย็น “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามา งั้นข้าจะบอกกฎของหอคัมภีร์ฝูถูให้เจ้าฟัง”

“ขอรับ” หลี่เหิงเซิงตั้งใจฟัง

“หอคัมภีร์ฝูถูเป็นสถานที่ที่แดนโบราณเต๋าซานของพวกเราเก็บภาพวาด”

“ภาพวาดแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทหนึ่งคือภาพวาดต้นฉบับ อีกประเภทหนึ่งคือภาพวาดลอกเลียนแบบ ปราณวิญญาณที่บรรจุอยู่ในภาพวาดผืนหนึ่งนั้นมีจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งต่อมาทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”

“ดังนั้นจึงมีจิตรกรลอกเลียนแบบ ภาพวาดลอกเลียนแบบมีผลเช่นเดียวกับภาพวาดต้นฉบับ แต่แน่นอนว่าไม่สามารถแสดงเจตนารมณ์ของภาพวาดต้นฉบับได้อย่างชัดเจน”

“นั่นคือ วิธีการบ่มเพาะพลังที่เข้าใจได้จากภาพวาดลอกเลียนแบบนั้นไม่สมบูรณ์ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละคน”

“ศิษย์ภายนอกและศิษย์ภายในสามารถเข้าใจได้เพียงภาพวาดลอกเลียนแบบ แต่ศิษย์สายตรงสามารถเข้าใจภาพวาดต้นฉบับได้ ครั้งละสามชั่วยาม ไม่สามารถอยู่นานเกินไป”

จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูพูดมากมาย หลี่เหิงเซิงเข้าใจทั้งหมด

หากสามารถเข้าใจภาพวาดได้ ภาพวาดต้นฉบับย่อมดีกว่า

แดนโบราณเต๋าซานสืบทอดมาหลายปี ยังสามารถเก็บภาพวาดต้นฉบับไว้ได้จำนวนมาก ถือว่าไม่ง่ายนัก

“งั้นศิษย์น้องหลี่ ข้าจะไปฝึกฝนก่อน หากมีโอกาสในอนาคต เชิญมาที่หุบเขาข้าเพื่อเป็นเป็นแขก” หลังจากพูดจบ หลินถงก็กระทืบพื้น ร่างของนางลอยขึ้นไปในอากาศ

นางเหยียบแผ่นไม้หลายแผ่น นางก็มาถึงชั้นที่ห้า จากนั้นก็เข้าไปในห้อง

และปิดประตู…

“เด็กคนนี้ ยังคงใจร้อนเหมือนเดิม…” จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูบ่นออกมา พลางส่ายหน้าเล็กน้อย

มีบันไดดีๆ ไม่เดิน ต้องใช้วิชาตัวเบาบินขึ้นไปสินะ?

“เจ้าเพิ่งอยู่ในขอบเขตทุยฟ่านขั้นห้า มาเพื่อเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังเล่มแรกใช่ไหม?” จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูกล่าว “การฝึกฝนร่างกายเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสำหรับผู้ฝึกตน นี่คือรายการวิธีการฝึกฝนร่างกาย เจ้าลองดูว่าเจ้าสนใจอันไหน เจ้าสามารถลองได้”

พูดจบ จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูก็มอบตำราเล่มหนึ่งให้หลี่เหิงเซิง

หลี่เหิงเซิงเปิดตำราเล่มนี้ มองดูสารบัญวิธีการบ่มเพาะพลังที่หนาแน่นอยู่ข้างใน เขาถึงกับหยุดหายใจโดยไม่รู้ตัว

มากเกินไปแล้ว!

มองแวบเดียว น่าจะมีเป็นพัน!

“ณ ปัจจุบัน วิธีการฝึกฝนร่างกายที่เข้าใจได้จากภาพวาดทั้งหมดในแดนโบราณเต๋าซานมีทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยสี่วิธี”

“แต่วิธีการบ่มเพาะพลังก็มีระดับสูงต่ำ วิธีการบ่มเพาะพลังที่เข้าใจได้จากภาพวาดที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกัน วิธีการบ่มเพาะพลังมากกว่าหนึ่งพันวิธีนี้ ล้วนมาจากช่างวาดภาพธรรมดา มีมากกว่าสองร้อยวิธีที่วาดโดยช่างวาดภาพระดับสูง”

“ส่วนที่เหลือ บางส่วนไม่ทราบที่มา ส่วนที่เหลือล้วนวาดโดยจิตรกรศักดิ์สิทธิ์”

จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูแนะนำ

หลี่เหิงเซิงมองจนตาลาย ข้างในยังทำเครื่องหมายวิธีการบ่มเพาะพลังที่ทรงพลังบางวิธีไว้

แน่นอนว่าตัวเลือกแรกของหลี่เหิงเซิงคือการเลือกเข้าใจภาพวาดที่วาดโดยจิตรกรศักดิ์สิทธิ์

ภาพวาดประเภทนี้มีเต๋าที่แข็งแกร่งมาก แม้ว่าการเข้าใจจะค่อนข้างยาก แต่เขาก็อยากลอง

หรือจะบอกว่า หากได้เห็นความงดงามของภาพวาดจิตรกรศักดิ์สิทธิ์ หากบิดาของเขารู้เข้า ท่านคงจะอิจฉาจนน้ำลายไหล

ส่วนวิธีการบ่มเพาะพลังเหล่านี้ หลี่เหิงเซิงก็เตรียมที่จะลองเสี่ยงโชค ลองวิธีที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนโบราณเต๋าซานสักสองสามวิธีก่อน

“ข้าอยากเลือกภาพวาดจ้าวซานหวังเซียนผืนนี้” หลี่เหิงเซิงพูดอย่างมั่นใจ

(จ้าวซานหวังเซียน แปลว่า พินิจเซียนจากเขาหวังซานหรือเขาประกายแสง)

สำหรับการเลือกของหลี่เหิงเซิง จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูไม่ได้ประหลาดใจเลย เพราะโดยทั่วไปแล้ว ศิษย์สายตรงที่มาที่หอคัมภีร์ฝูถูมักจะเลือกลองภาพวาดผืนนี้ก่อน

ภาพวาดผืนนี้ เป็นภาพวาดของจิตรกรที่ไม่รู้จักในแดนโบราณเต๋าซาน

มันส่งต่อมานานจนนับเวลาไม่ได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อหนึ่งพันปีก่อน อัจฉริยะคนหนึ่งในแดนโบราณเต๋าซานเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังชุดหนึ่งจากภาพวาดจ้าวซานหวังเซียนผืนนี้ มันมีนามว่า "ฝ่ามือเซียนประทับห้าทิศ"

การฝึกฝนวิธีการบ่มเพาะพลังนี้ ทำให้อัจฉริยะคนนั้นไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน

และเขาได้กลายเป็นบุคคลที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ในยุคนั้น

แต่ก็เพราะเขาโดดเด่นมากเกินไป ในที่สุดก็ถูกฆ่าตายก่อนที่จะเติบโตขึ้นมาจริงๆ

หลังจากนั้น นับเป็นเวลาหนึ่งพันปี แทบจะไม่มีใครเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังใดๆ จากภาพวาดจ้าวซานหวังเซียนผืนนี้อีกเลย

"ฝ่ามือเซียนประทับห้าทิศ" สูญหายไปโดยสิ้นเชิง

มันน่าเสียดายมากสำหรับแดนโบราณเต๋าซาน

ศิษย์สายตรงนับไม่ถ้วนต่างก็มาเข้าใจ แต่ไม่เคยมีใครเข้าใจอะไรจากภาพวาดผืนนี้ได้

“ภาพวาดจ้าวซานหวังเซียนอยู่บนชั้นที่เจ็ด” จ้าวหอคัมภีร์ฝูถูกล่าว “เจ้ามีเวลาสามชั่วยาม ไปลองดูเถอะ”

“ขอบคุณท่านจ้าวหอ” หลี่เหิงเซิงหันหลังกลับ เดินไปที่บันได แล้วค่อยๆ ขึ้นไปที่ชั้นเจ็ด

แต่ละชั้นมีห้องที่แตกต่างกัน บนประตูห้องเขียนชื่อของภาพวาดที่อยู่ข้างใน

หลังจากขึ้นมา หลี่เหิงเซิงจึงรู้ว่านี่คือตึกสำหรับศิษย์สายตรง ส่วนศิษย์ภายนอกและศิษย์ภายในไม่ได้มาที่นี่ พวกเขามาอีกฝั่งหนึ่ง

การปฏิบัติต่อศิษย์สายตรงนั้นจำกัดจินตนาการของคนอ่อนแอจริงๆ

ชั้นเจ็ดทั้งหมดมีห้องไม่กี่ห้อง

เพราะห้องเหล่านี้ล้วนเป็นภาพวาดระดับสูงสุดในแดนโบราณเต๋าซาน

มีคนเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังสามวิธีจากภาพวาดบางผืน

บางผืนเข้าใจได้สี่วิธี

ล้วนเป็นระดับสูงสุดทั้งสิ้น!

ศิษย์ธรรมดาไม่มีคุณสมบัติที่จะสัมผัสภาพวาดเหล่านี้ มีเพียงศิษย์สายตรงเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ ส่วนศิษย์ธรรมดาได้สัมผัสเพียงภาพวาดลอกเลียนแบบ การที่จะเข้าใจวิธีการบ่มเพาะพลังระดับสูงสุดจากภาพวาดลอกเลียนแบบนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องภาพวาดจ้าวซานหวังเซียน หลี่เหิงเซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ผลักประตูเข้าไป

ห้องนั้นเงียบสงบมาก

ยังมีกลิ่นหอมลอยออกมาจากเตาเผาเครื่องหอม ห้องที่หรูหรานั้นทำให้ผู้คนรู้สึกสบายมาก สายตาของหลี่เหิงเซิงจับจ้องไปที่ภาพวาดผืนหนึ่งในระยะไกล

ภาพวาดนั้นยังไม่ได้เปิดออก มันถูกม้วนเอาไว้

แต่เพียงแค่มองจากระยะไกล หลี่เหิงเซิงก็รู้สึกถึงความรู้สึกใกล้ชิด

แม้แต่หลี่เหิงเซิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกแบบนี้กับภาพวาดผืนนี้

เมื่อเดินเข้าไป หลี่เหิงเซิงแกะเชือก ภาพวาดนั้นก็ร่วงลงมาโดยตรง

ฟุ่บ!

ภาพวาดจ้าวซานหวังเซียนปรากฏต่อหน้าหลี่เหิงเซิง!

หลี่เหิงเซิงมองดูภาพวาดตรงหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้าง!

มันเป็นเทือกเขา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีม่วง ปกคลุมครึ่งท้องฟ้า

ในเมฆสีม่วงนั้น เห็นร่างขนาดใหญ่กำลังเดินอยู่บนอากาศอย่างเลือนราง

ร่างนั้นใหญ่โตมาก ราวกับศีรษะชนฟ้า!

ใหญ่กว่ายักษ์ที่เขาเคยเห็นตอนอาณาจักรฉางเย่โบราณนับไม่ถ้วน

“นี่คือเซียนจริงๆ เหรอ?”

หลี่เหิงเซิงตกใจอย่างมาก ร่างขนาดใหญ่นั้นแผ่กลิ่นอายอันหนักอึ้งออกมา

และมีประโยคหนึ่งเขียนอยู่ใต้ภาพวาดนั้น

นี่คือภาพมองเซียนจากเขาจ้าว

(那可是昭山望仙图 Nà kěshì zhāoshān wàng xiān tú)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด