บทที่ 53 กระบี่ของข้า เร็วมาก
บทที่ 53 กระบี่ของข้า เร็วมาก
เดินเข้าไปในตำหนัก ตำหนักขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบนั้นเกินความคาดหมายของหลี่เหิงเซิงโดยสิ้นเชิง
เมื่อเทียบกับวันที่อยู่บนยอดเขาวานไจ๋ มันต่างกันราวฟ้ากับเหวลึก!
ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ฝึกฝน ห้องลับ หรือแม้แต่แท่นตีเหล็กก็ยังมี
ในสวนสมุนไพรยังปลูกสมุนไพรบางชนิด แม้แต่สมุนไพรที่มีราคาแพงก็มีหลายชนิด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของขวัญจากซวีมู่ไห่
หลังจากพอใจกับทุกอย่างแล้ว หลี่เหิงเซิงก็ไม่ได้ขอให้แก้ไขอะไร
บนหอคอยแห่งหนึ่งในตำหนัก หลี่เหิงเซิงและโจวจวินนั่งจิบชาอยู่บนชั้นสอง หลี่เหิงเซิงไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกสบายเช่นนี้มาก่อน
ถ้าหากน้องหญิงลู่ได้เห็นฉากนี้ก็คงจะดี
หลี่เหิงเซิงถือถ้วยชา คิดถึงคนบางคน
“ศิษย์น้องสี่ อีกสักพักศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่หญิงรองจะกลับมา เจ้าต้องไปพบพวกเขา” โจวจวินกล่าว “ศิษย์พี่ใหญ่ใจกว้างมาก เมื่อมีศิษย์น้องเพิ่มขึ้นมา เขาคงดีใจมาก แน่นอนว่าต้องมอบสมบัติล้ำค่าดีๆ ให้เจ้าแน่ๆ”
“ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่หญิงรองเป็นคนแบบไหน?” หลี่เหิงเซิงอยากรู้อยากเห็น
“ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนแบบไหน เจ้าจะรู้เองเมื่อได้พบเขาในอนาคต เขาแตกต่างจากคนอื่นเล็กน้อย ส่วนศิษย์พี่หญิงรอง นางใจร้อนมาก โกรธง่าย เจ้าต้องระวังนางหน่อย แต่ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่หรือศิษย์พี่หญิงรอง พวกเขาดูแลศิษย์ของยอดเขามู่ไห่เป็นอย่างดี”
โจวจวินหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “พูดออกมา ข้าก็ไม่ได้เจอพวกเขามาเกือบเดือนแล้ว ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่อยู่ประจำที่จวนพิทักษ์แดน เขาไม่ค่อยได้กลับมา”
“ส่วนศิษย์พี่หญิงรอง นางชอบล่าสัตว์ มักจะออกไปข้างนอก มีเพียงข้าที่ไม่ค่อยออกไปไหน”
“จวนพิทักษ์แดนคืออะไร?” หลี่เหิงเซิงถาม
“อืม… หากขอบเขตบ่มเพาะของศิษย์สายตรงก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียน พวกเขาก็จะไปปกครองดินแดนแห่งหนึ่งภายใต้แดนโบราณเต๋าซาน ส่วนใหญ่เพื่อป้องกันเผ่าพันธุ์กุ่ยซิ่ว และรักษาความสงบเรียบร้อย หากมีผลงาน ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นแต้มผลงาน เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองต้องการได้”
โจวจวินกล่าวต่อ “และแต้มผลงานนี้ ไม่เพียงแต่สามารถแลกเปลี่ยนในแดนโบราณเต๋าซานได้เท่านั้น แต่เจ้ายังสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่าใดๆ ที่เจ้าต้องการในเมืองเทียนไห่ได้อีกด้วย”
“ในทางทฤษฎี หากแต้มผลงานของเจ้าเพียงพอ เจ้าก็สามารถแลกเปลี่ยนภาพวาดล้ำค่าของจิตรกรเซียนได้”
“ภาพวาดล้ำค่าของจิตรกรเซียน!” หลี่เหิงเซิงเบิกตากว้าง
“เดี๋ยวก่อน ศิษย์พี่ใหญ่เป็นขอบเขตเสียนเทียนแล้วงั้นเหรอ?” หลี่เหิงเซิงกระพริบตา เขาเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ใช่ ศิษย์พี่ใหญ่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนเมื่อสามปีก่อนแล้ว” โจวจวินกล่าว “จริงๆ แล้ว ศิษย์พี่หญิงรองก็เป็นขอบเขตเสียนเทียนเช่นกัน เพียงแต่สถานการณ์ของนางพิเศษไปหน่อย จึงไม่ได้ถูกส่งตัวออกไป ตอนนี้มีเพียงเจ้ากับข้าสองตัวผู้น่าสงสารที่ยังไม่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนในบรรดาศิษย์ของท่านอาจารย์”
“เหอะๆ” หลี่เหิงเซิงมองโจวจวินอย่างไม่พอใจ
ตัวน่าสงสารคือข้าต่างหาก!
เมื่อถึงเวลาเย็น โจวจวินจึงจากไป
ตอนจากไป เขายังคงมองยอดเขาชิงอวี่อย่างอาลัยอาวรณ์
หลี่เหิงเซิงบอกสวี่ขุย แล้วเข้าไปฝึกฝนในห้องลับ
สวี่ขุยเพียงแค่พยักหน้า และไม่พูดอะไร
จริงๆ แล้วสวี่ขุยก็แปลกใจเล็กน้อย เขารู้จักมาตรฐานการรับศิษย์ของซวีมู่ไห่ดี พรสวรรค์อย่างหลี่เหิงเซิง ถือว่าแย่มากแม้จะอยู่ในกลุ่มศิษย์ภายนอก
ทว่ากลับรับเป็นศิษย์สายตรงเนี้ยนะ?
ท่านคิดอะไรอยู่กันแน่?
แต่ในเมื่อซวีมู่ไห่เลือกหลี่เหิงเซิงแล้ว เขาก็จะทำหน้าที่พ่อบ้านให้หลี่เหิงเซิงอย่างตั้งใจ
และไม่ถามอะไรมาก…
หลังจากเข้ามาในห้องลับ หลี่เหิงเซิงก็หยิบโอสถขอบเขตทองคำออกมาโดยตรง เขาตัดสินใจว่าเขาต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตทุยฟ่านขั้นห้าก่อน
จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะใช้อาวุธอะไร และพยายามเข้าใจทักษะการต่อสู้แรกของเขา
เส้นทางของเขา จะเริ่มต้นจากที่นี่!
หลังจากกลืนโอสถขอบเขตทองคำลงไป ยาที่ออกฤทธิ์ก็เริ่มกระแทกร่างกายของหลี่เหิงเซิงในทันที อวัยวะภายในทั้งหมดเริ่มสั่นสะท้าน
ยาออกฤทธิ์อย่างน่ากลัวและยังหลอมรวมเข้ากับกล้ามเนื้อกับเซลล์ของหลี่เหิงเซิง หลี่เหิงเซิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วสูง
เดิมทีเขาอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตทุยฟ่านขั้นที่สี่แล้ว ตอนนี้การก้าวเข้าสู่ขั้นห้าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลี่เหิงเซิง
แม้ว่าพรสวรรค์จะธรรมดา แต่เขาก็อดทนต่อยาเม็ดล้ำค่าอย่างโอสถขอบเขตทองคำได้
หลี่เหิงเซิงรู้สึกว่า เขาสามารถทะลุผ่านไปยังขอบเขตทุยฟ่านรขั้นห้าได้ภายในหนึ่งวัน
…
ยอดเขาเฉียนเสวี่ย
ซวีมู่ไห่ก้าวขึ้นไปบนยอดเขานี้ แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าขาดๆ แต่ก็ไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย
“มาแล้วสินะ?”
เสียงที่สงบดังมา
ซวีมู่ไห่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นร่างในชุดขาวกำลังนั่งอยู่ในศาลาหิมะ มือถือกิ่งไม้หักๆ เขียนอะไรบางอย่างบนหิมะ
แม้ว่าเขาจะไม่เงยหน้าขึ้น แต่ซวีมู่ไห่ก็รู้สึกว่าตอนนี้เขาอยู่ในสนามพลังของเสวี่ยเฉียนไป๋
หรือจะบอกว่ายอดเขาเฉียนเสวี่ยทั้งยอดเขาอยู่ในสนามพลังของเขาก็ว่าได้
ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และปฐพี การเคลื่อนไหวทั้งหมด ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
“รองเจ้าสำนัก” ซวีมู่ไห่เดินเข้ามา “ดูเหมือนว่าเจ้าสำนักจะยังไม่กลับมา ท่านรู้ไหมว่าเขาจะกลับมาเมื่อใด?”
“ไม่รู้” เสวี่ยเฉียนไป๋ส่ายหน้า “ครั้งที่แล้วเจ้าสำนักออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก กลับมาหลังจากสามปี ตอนนี้เพียงผ่านไปไม่กี่เดือน ใครจะไปรู้ได้”
“เฮ้อ…” ซวีมู่ไห่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า?” เสวี่ยเฉียนไป๋ถาม “มีอะไรที่ข้าสามารถช่วยได้บ้าง”
“รองเจ้าสำนักรู้วิธีแก้คำสาปวิญญาณร้ายหรือไม่?” ซวีมู่ไห่ถามตรงๆ
พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์สามารถสะกดได้เท่านั้น ไม่สามารถกำจัดได้ หากวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คำสาปวิญญาณร้ายนี้จะพรากชีวิตเขาไปอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำว่าคำสาปวิญญาณร้าย คิ้วของเสวี่ยเฉียนไป๋ก็ขมวดขึ้น
ก่อนที่ซวีมู่ไห่จะได้สติกลับมา เสวี่ยเฉียนไป๋ในศาลาหิมะก็หายตัวไป ปรากฏตัวต่อหน้าเขาในพริบตา
คว้าคอเสื้อของซวีมู่ไห่โดยตรง เห็นรอยประทับเหมือนทารกผีบนคอของซวีมู่ไห่
“มันคือคำสาปวิญญาณร้ายจริงๆ” เสวี่ยเฉียนไป๋ปล่อยมือ “มันปะทุขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ?”
“อืม” ซวีมู่ไห่ตัวสั่นไปทั้งตัว เขาไม่อยากสัมผัสรสชาติแบบนั้นอีกเลยตลอดชีวิต
“โชคดีที่ข้าได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสท่านหนึ่ง สามารถสะกดมันไว้ด้วยสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ดังนั้นมันไม่น่าจะปะทุขึ้นมาชั่วคราว”
เสวี่ยเฉียนไป๋หันหลังกลับ “คือหลี่ฉางชิงผู้นั้นหรือเปล่า?”
“ใช่” เนื่องจากเขาเคยพูดถึงหลี่ฉางชิงกับเสวี่ยเฉียนไป๋มาก่อน ดังนั้นซวีมู่ไห่จึงไม่ได้ปิดบัง
“เขาเป็นยอดฝีมือจริงๆ สามารถสะกดพลังของคำสาปวิญญาณร้ายได้” เสวี่ยเฉียนไป๋กล่าว “ข้าไม่รู้วิธีแก้คำสาปวิญญาณร้าย แต่ข้ารู้วิธีหนึ่ง”
“ใครเป็นคนสาปเจ้า ฆ่ามันซะ คำสาปวิญญาณร้ายก็จะหายไปเอง”
“นั่นก็เท่ากับว่าไม่มีทางแก้น่ะสิ”
ภาพวาดนั้นเผาตัวเองไปแล้ว ทางเข้าก็หาไม่พบแล้ว
แม้ว่าจะพบทางเข้า และไปถึงวัดหานซาโบราณได้ ขอบเขตบ่มเพาะของเขาก็ถูกสะกด จากนั้นไปท้าทายผีตนนั้นอีกครั้ง มันคงไม่ใช่แค่โดนคำสาปวิญญาณร้าย แต่เขาคงตายคาที่ต่างหาก!
“บางทีเจ้าสำนักอาจจะมีวิธี เพียงแต่ตอนนี้เขาออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เจ้าออกไปตามหาเขาดู บางทีอาจจะพบเขา” เสวี่ยเฉียนไป๋กล่าว
“นอกจากนี้ หากคำสาปวิญญาณร้ายของเจ้าปะทุขึ้นมา เจ้าทนไม่ไหว ก็สามารถมาหาข้าได้”
“โอ้? รองเจ้าสำนักมีวิธีช่วยข้าสะกดมันงั้นหรือ?” ดวงตาของซวีมู่ไห่เป็นประกาย ก่อนหน้านี้เขายังกังวลว่าจะทำอย่างไรหากพระพุทธรูปนี้ใช้ไม่ได้ผล ดูเหมือนว่าเสวี่ยเฉียนไป๋จะมีวิธี
“กระบี่ของข้าเร็วมาก รับรองว่าเจ้าจะไม่เจ็บปวด” เสวี่ยเฉียนไป๋พูดอย่างจริงจัง