ตอนที่แล้วบทที่ 4 ผู้หลงใหลในศิลปะตัวยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 ความหวังดีของตระกูลเหยียน

บทที่ 5 บุตรชายข้ามีคุณสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตเสียนเทียน


บทที่ 5 บุตรชายข้ามีคุณสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตเสียนเทียน

ดวงตาทั้งหกคู่เป็นประกาย เหยียนป๋อเทาตัดสินใจแล้ว!

พวกเขาทั้งหกคนก็จนใจ เหยียนหวี่สือก็เป็นคนที่พวกเขาดูแลมาตั้งแต่เด็ก เอ็นดูไม่น้อย แต่เหยียนหวี่สือไม่สามารถเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า ทำให้ไม่สามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนได้

ตลอดหลายปีมานี้ ตระกูลเหยียนก็ใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อบ่มเพาะเขา แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ผล

ปัจจุบัญนี้ พวกเขาทำได้เพียงเลือกคนอื่นในตระกูลเหยียนแทน

เหยียนป๋อเทามีบุตรบุญธรรมสามคน บ่มเพาะทุกคนมาตั้งแต่เด็ก คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียน(หลังสวรรค์) แล้ว

และเขาเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลคนใหม่

ระหว่างเหยียนหวี่สือกับตระกูลเหยียน พวกเขาทำได้เพียงเลือกตระกูลเหยียน

ระหว่างทาง เหยียนป๋อเทารู้สึกหนักใจ เขาย่อมรู้ดีว่าเหยียนหวี่สือเองก็พยายามอย่างมากเช่นกัน ทั้งหมดนี้เขาเห็นอยู่ในสายตาตลอดมา

เขายังรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้ เหยียนหวี่สือต้องแบกรับคำครหาต่างๆ นานาเพราะฐานะผู้สืบทอดตระกูล

แต่เหยียนหวี่สือก็ไม่เคยยอมแพ้ ไม่คิดเลยว่าคนที่ยอมแพ้ในตอนนี้ กลับกลายเป็นเขาที่เป็นบิดาแทน

แต่ในขณะที่เหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ เดินทางมาถึงหน้าลานบ้านของเหยียนหวี่สือ ทั้งเจ็ดคนก็พลันเปลี่ยนสีหน้า

ในเวลานี้ ภายในลานบ้านของเหยียนหวี่สือ กลับมีพลังอันน่าตกตะลึงแผ่ออกมา!

ลมกระโชกแรง ประตูของลานบ้านถูกพัดเปิดออกทันที ในขณะเดียวกันก็มีเสียงพยัคฆ์คำรามดังกึกก้องไปในอากาศ เสียงคำรามของพยัคฆ์นั้นราวกับระฆังยักษ์ ทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาโบกสะบัด

"นี่มัน..." ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง

"เป็นจิตวิญญาณพยัคฆ์" เหยียนป๋อเทาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เงาในดวงตาของเขาหายไปจนหมดสิ้น มองไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น "เป็นหวี่สือ เขาเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าแล้ว!"

"พลังรุนแรงขนาดนี้ จิตวิญญาณพยัคฆ์ตัวนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้หวี่สือก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดขอบเขตโฮ่วเทียนได้!" ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งก็พูดด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

จุดสูงสุดขอบเขตโฮ่วเทียน…

ย่อมเพียงพอที่จะค้ำจุนตระกูลเหยียนได้

แต่ก่อนที่ทุกคนจะหายจากความตื่นเต้น บนท้องฟ้าก็ปรากฏเงาพยัคฆ์ขนาดใหญ่ขึ้น!

เงาพยัคฆ์นั้นใหญ่โตราวกับภูเขา นอนหมอบอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพี มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า บรรยากาศของราชันย์แห่งสัตว์ร้ายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแปดทิศ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ

ในชั่วขณะหนึ่ง ทั้งเจ็ดคนก็ยืนนิ่งราวกับถูกสาป

แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

ร่างกายพยัคฆ์สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า

แม้แต่หนวดพยัคฆ์แต่ละเส้นก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน บรรยากาศที่กดขี่ราวกับจะบดขยี้พวกเขานั้น ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกซู่ ราวกับว่าพวกเขากลายเป็นเหยื่อที่ถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง แม้แต่เลือดก็เหมือนจะแข็งตัว

ความกดดันนั้น มันช่างรุนแรงมากเกินไป!

"จิตวิญญาณปรากฏเป็นรูปร่าง..." เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ตาค้าง ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนพูดไม่ออก

เหยียนป๋อเทาก็เช่นกัน!

จิตวิญญาณปรากฏเป็นรูปร่าง หมายความว่าอย่างไร พวกเขาไม่น่าจะไม่รู้….

นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีหวังที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียน(ก่อนสวรรค์)!

ในเวลานี้ พวกเขาต่างก็มึนงงไปหมด

เหยียนหวี่สือไปเข้าใจภาพวาดของใครเข้า?

ถึงกับสามารถเข้าใจเส้นทางสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้?

แม้ว่าตระกูลเหยียนจะเป็นตระกูลใหญ่ในท้องถิ่น แต่ก็มีเพียงเหยียนเจียจู่ บรรพบุรุษของตระกูลเหยียนเท่านั้นที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้ หลังจากนั้นมา ตระกูลเหยียนก็ไม่มีใครสามารถเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้อีกเลย

และตอนนี้ เหยียนหวี่สือที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ กลับมีคุณสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตเสียนเทียน!?

เรื่องแบบนี้ พวกเขาจะเชื่อได้อย่างไร?

เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยตัวเหยียนหวี่สือที่มีคุณสมบัติเช่นนี้เท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ภาพวาดที่เหยียนหวี่สือเข้าใจในตอนที่เข้าถึงวิถีแห่งเต๋านั้น ต้องมีระดับสูงมาก ภาพวาดที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้ ตระกูลเหยียนมีหรืออย่างไร?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

"บุตรชายข้า หวี่สือ มีคุณสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตเสียนเทียน!" ในเวลานี้ เหยียนป๋อเทาตื่นเต้นอย่างที่สุด เช่นนี้แล้ว ผู้สืบทอดตระกูลเหยียนในอนาคตยังจะเป็นใครได้อีก?

ใครยังจะกล้าคัดค้านอีก?

เหยียนหวี่สือในอนาคต เขาสามารถเทียบเท่ากับเหยียนเจียจู่ บรรพบุรุษของตระกูลได้!

แต่ในเวลานี้ เงาพยัคฆ์ขนาดใหญ่บนท้องฟ้าก็เริ่มหดเล็กลง ค่อยๆ กลายเป็นกลุ่มหมอกลอยเข้าไปในห้อง

ในขณะเดียวกัน ประตูห้องก็เปิดออก เหยียนหวี่สือเดินออกมาจากในห้อง!

แม้ว่าในเวลานี้เหยียนหวี่สือจะยังไม่มีพลัง แต่จิตวิญญาณพยัคฆ์รอบๆ ตัวเขาก็ยังไม่จางหายไป เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดโดยไม่มีลมพัด สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เหนือศีรษะของเหยียนหวี่สือ กลับมีงานแกะสลักชิ้นหนึ่งลอยอยู่ กำลังแผ่ซ่านบรรยากาศแห่งการฆ่าฟันออกมา!

มันทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับเสือโคร่งลายพาดกลอนจริงๆ

"นั่นอะไรน่ะ!"

ทุกคนต่างจ้องมองไปที่งานแกะสลักที่ลอยอยู่เหนือหัว ต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ ในเวลานี้เหยียนหวี่สือเพิ่งเข้าถึงวิถีแห่งเต๋า ข้างกายเขา น่าจะมีภาพวาดอยู่ด้วยมิใช่หรือ?

ทำไมถึงเป็นสิ่งแปลกๆ แบบนี้ล่ะ?

"ท่านพ่อ ท่านอาทุกท่าน" ในเวลานี้ เหยียนหวี่สือเดินเข้ามาใกล้ ก้มคารวะอย่างนอบน้อม แต่ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขานั้น ปิดไม่มิด

"หวี่สือ เจ้าเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าแล้วหรือ?" แม้ว่าเหยียนป๋อเทาจะเห็นแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความตื่นเต้น

"โชคดีที่ไม่ทำให้ผิดหวังขอรับ!" น้ำเสียงของเหยียนหวี่สือก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

แต่ในเวลานี้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่งานแกะสลักชิ้นนั้น

นี่คืออะไร?

ทำไมสิ่งนี้ถึงแผ่ซ่านบรรยากาศที่แข็งแกร่งกว่าภาพวาดชั้นยอดบางชิ้น?

แม้แต่เหยียนป๋อเทาก็ยังจ้องมองไปที่งานแกะสลักชิ้นนี้

ดูราวกับจริงบ้างไม่จริงบ้าง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ธรรมดา!

สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เหยียนหวี่สือไปเอามาจากไหน?

"หวี่สือ เจ้าเอาสิ่งนี้มาจากไหน?" ผู้อาวุโสชุดแดงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ จ้องมองไปที่งานแกะสลักชิ้นนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

"เรื่องนี้..." เหยียนหวี่สือยื่นมือออกไป งานแกะสลักชิ้นนั้นก็ลอยลงบนฝ่ามือของเขาทันที จากนั้นเขาก็บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ทุกคนฟัง

"หลี่ฉางชิงแห่งร้านวาดภาพฉางชิง?" เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา

"มีข่าวลือว่า หลี่ฉางชิงผู้นั้นเป็นแค่ช่างวาดภาพที่ไร้ซึ่งความสามารถ เขาเอาสมบัติล้ำค่าเช่นนี้มาจากไหน? สิ่งนี้ เขาเรียกว่างานแกะสลักงั้นหรือ?" ผู้อาวุโสคนหนึ่งสำรวจงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาพบว่า สิ่งนี้สร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขามากกว่าภาพวาด

"หรือว่าหลี่ฉางชิงผู้นี้ เขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนเร้น?" เหยียนป๋อเทากวาดสายตามองทุกคน

พวกเขามองหน้ากันไปมา แต่ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน

เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน ฝีมืออันประณีตเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้

"หวี่สือ วันนี้เจ้าประมาทไปหน่อยนะ" เหยียนป๋อเทามองไปที่เหยียนหวี่สือ

"ใช่แล้ว เจ้าทิ้งเงินห้าพันตำลึงแล้วก็เอาสิ่งนี้กลับมา" ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งพูด "สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ สามารถช่วยให้เจ้าทะลวงสู่ขอบเขตเสียนเทียนได้ แต่ราคาห้าพันตำลึงเนี้ยนะ? แม้แต่ภาพวาดที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียนได้ภาพหนึ่ง มันก็ยังซื้อไม่ได้เลย"

"ถ้าหากสิ่งนี้เป็นฝีมือของหลี่ฉางชิงจริงๆละก็..." เหยียนป๋อเทามองไปที่เหยียนหวี่สือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "พรุ่งนี้ไปกับข้า ไปขอโทษท่าน และต้องให้หลี่ฉางชิงเห็นถึงความจริงใจของตระกูลเหยียนเรา ถือโอกาสลองเชิงเขาไปด้วย"

"ขอรับ" เหยียนหวี่สือก็รู้สึกว่าวันนี้เขาประมาทไปจริงๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากตื่นนอน หลี่ฉางชิงก็ทำบะหมี่กินเองหนึ่งชาม จากนั้นก็หาที่ที่มีแสงแดดส่องถึง นั่งลง หยิบไม้ชิ้นหนึ่งขึ้นมา เริ่มแกะสลักชิ้นใหม่

งานแกะสลักชิ้นเดียวในร้านถูกเหยียนหวี่สือซื้อไปแล้ว ตอนนี้ต้องทำสินค้าใหม่ ส่วนภาพวาดแย่ๆ ที่แขวนอยู่ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางชิงก็ดึงลงมาเก็บไว้หมดแล้ว ภาพวาดเหล่านั้นมันแย่จริงๆ มองดูแล้วก็เสียอารมณ์ชะมัด!

ขณะกำลังคิดว่าวันนี้จะแกะสลักนกเผิงยักษ์ เขาเพิ่งจะแกะสลักเป็นรูปร่างคร่าวๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล

เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นคนของตระกูลเหยียนมาแล้ว

"เซียนเซิง พวกเรากลับมาพบกันอีกแล้ว" ในเวลานี้ เหยียนหวี่สือรีบเดินเข้ามาใกล้ ก้มคารวะอย่างนอบน้อม

(先生 คำสุภาพสำหรับใช้เรียก ผู้มีความรู้ หรือ ผู้เชี่ยวชาญ)

หากไม่ใช่หลี่ฉางชิง เขาจะเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้อย่างไร?

ดังนั้น ความเคารพนี้ จึงออกมาจากใจจริง!

"ข้ารู้แล้วว่าวันนี้พวกเจ้าต้องมา" หลี่ฉางชิงยิ้ม มองเหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปในร้าน "เข้ามาข้างในกันเถอะ"

เหยียนป๋อเทาและคนอื่นๆ มองหน้ากัน หลี่ฉางชิงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าพวกเขากำลังจะมา?

สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญซ่อนเร้นจริงๆ!

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด