บทที่ 43 โถงหมื่นพุทธะ
บทที่ 43 โถงหมื่นพุทธะ
เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายของคนๆ หนึ่งก่อนตาย
แสดงว่าในโถงหมื่นพุทธะต้องมีสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
โถงหมื่นพุทธะที่อยู่ตรงหน้า ทำให้จิตใจของพวกเขาแทบแตกสลาย
ตอนนี้หากไม่เข้าไป โครงกระดูกเหล่านั้นก็จะตามมาทัน
แต่หากเข้าไปในโถงหมื่นพุทธะ อาจจะมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น และรอให้พวกเขาก้าวเข้าสู่หายนะ!
กึกๆๆ
เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลังก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ท่านอาจารย์ เราจะเข้าไปหรือไม่ขอรับ?” ในเวลานี้ อิ๋นชางหลีถามอย่างร้อนใจ หากไม่เข้าไป โครงกระดูกเหล่านั้นก็จะตามมาทัน
เขาจินตนาการถึงภาพที่ตัวเองถูกโครงกระดูกเหล่านั้นฉีกเป็นชิ้นๆ ได้เลย
“เอาอย่างนี้ อาจารย์จะเข้าไปดูข้างในก่อน หากไม่มีอะไรผิดปกติ ข้าจะเรียกพวกเจ้าเข้าไป” มู่ฉิงเก๋อกัดฟันกรอด
“หา?” อิ๋นชางหลีรีบพูด “แต่ถ้าข้างในมีอันตราย ท่านอาจารย์อาจจะ...”
“สหายเต๋าซวี” มู่ฉิงเก๋อมองไปที่ซวีมู่ไห่ “หากข้าเป็นอะไรไป รบกวนสหายเต๋าซวีพาศิษย์ของข้าหนีออกไป ส่งศิษย์ของข้ากลับไปที่หุบเขาหมอเทวะด้วย ได้หรือไม่?”
“แม้ว่าซวีมู่ไห่ผู้นี้จะไม่ใช่สุภาพบุรุษนัก แต่เรื่องแบบนี้ ข้าจะให้ผู้หญิงเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร หากแพร่ออกไป ข้าคงเสียหน้าแย่” ซวีมู่ไห่หัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้าสองคนรออยู่ที่นี่เถอะ เดี๋ยวข้าเข้าไปดูเอง”
“หากข้าโชคร้าย ขอให้เทพธิดาแจ้งให้แดนโบราณเต๋าซานทราบด้วย” ซวีมู่ไห่พูดจบ เขาก็หันหลังกลับและต้องการเข้าไป
แต่ทันใดนั้น ปลายแขนเสื้อของซวีมู่ไห่ก็ถูกมู่ฉิงเก๋อคว้าไว้
“สหายเต๋าซวี แม้ว่าปราณหยวนของเราจะถูกสะกด แต่หุบเขาหมอเทวะของข้าเป็นสำนักแพทย์ วิชาบ่มเพาะร่างกายที่เราฝึกฝนในขอบเขตทุยฟ่านนั้น ย่อมเทียบไม่ได้กับนิกายเต๋าอย่างพวกท่าน หากข้าพาชางหลีไป คงไม่มีโอกาสหนีรอด แต่หากเป็นท่าน ก็ยังพอมีโอกาส”
มู่ฉิงเก๋อมองไปที่ซวีมู่ไห่อย่างจริงจัง
“นี่...”
ซวีมู่ไหลลังเล
สิ่งที่มู่ฉิงเก๋อพูดก็มีเหตุผล
สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไป ในขอบเขตทุยฟ่านจะให้ความสำคัญกับการฝึกฝนร่างกายเป็นหลัก เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียนด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง
แต่หุบเขาหมอเทวะแตกต่างออกไป พวกเขาใช้เพียงโอสถหรือการอาบยาเพื่อเสริมสร้างร่างกาย แม้ว่าผลลัพธ์จะเหมือนกัน และศิษย์ของหุบเขาหมอเทวะอาจจะฝึกฝนได้เร็วกว่า
แต่ในแง่ของความแข็งแกร่งของร่างกาย ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวะนั้นด้อยกว่าศิษย์ของนิกายอื่นๆ มาก
หากซวีมู่ไห่เสี่ยงชีวิตฝ่าวงล้อมออกไป บางทีอาจจะมีโอกาส แต่หากเป็นมู่ฉิงเก๋อ นางแทบจะไม่มีหวังเลย
ในขณะที่ซวีมู่ไหลลังเล มู่ฉิงเก๋อก็ก้าวออกไป มุ่งหน้าไปยังโถงหมื่นพุทธะ
“ท่านอาจารย์!” อิ๋นชางหลีน้ำตาไหลพรากทันที พูดพลางก็จะวิ่งไล่ตามมู่ฉิงเก๋อไป “ข้าจะไปกับท่าน!”
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไป เขาก็ถูกซวีมู่ไห่คว้าแขนไว้
“อย่าดึงข้า” อิ๋นชางหลีพูดทั้งน้ำตา
“เข้าใจความหวังดีของอาจารย์ของเจ้าเถอะ” ซวีมู่ไห่ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็มองไปที่กองทัพโครงกระดูกที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบจั้ง ซวีมู่ไห่พูดอย่างหนักแน่น “หากเทพธิดาฉิงเก๋อเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา ข้าจะพาเจ้าหนีออกไป แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
“ท่านอาจารย์!” อิ๋นชางหลีตะโกนอย่างสิ้นหวัง
แต่มู่ฉิงเก๋อไม่ได้หันกลับมามอง ในเวลานี้นางมาถึงหน้าประตูโถงหมื่นพุทธะแล้ว ข้างในไม่มีเสียงอะไรเลย ในทำนองเดียวกัน นางไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
มู่ฉิงเก๋อสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ผลักประตูโถงหมื่นพุทธะเข้าไป
มัน… ก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพียงแต่ตัวอักษรแปลกๆ ที่สลักอยู่บนประตู บัดนี้กลับกลายเป็นผงธุลีปลิวไปกับสายลม
มู่ฉิงเก๋อก้าวเข้าไปข้างใน
เงียบ… ไม่มีเสียงอะไรอีก
โถงหมื่นพุทธะที่มืดมิดและน่าขนลุกนั้น มองไม่เห็นอะไรเลยจากระยะไกล ราวกับปากของอสูรกายที่กำลังกลืนกินมู่ฉิงเก๋อเข้าไป
การรอคอยในเวลานี้ช่างยาวนานราวกับกำลังรอความตาย
โครงกระดูกใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ซวีมู่ไห่เตรียมพร้อมที่จะสู้ตายแล้ว
แต่ในเวลานี้เอง เสียงของมู่ฉิงเก๋อก็ดังมาจากโถงหมื่นพุทธะ “เข้ามาเถอะ ข้างในไม่มีอะไร”
“ดีจริงๆ ไม่มีอะไร” ซวีมู่ไห่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากำลังจะพาอิ๋นชางหลีเข้าไปหลบข้างใน
แต่เมื่อซวีมู่ไห่เพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาก็ถูกอิ๋นชางหลีดึงแขนไว้
“เป็นอะไรไป?” ซวีมู่ไห่หันกลับมามองอิ๋นชางหลี “หากไม่รีบเข้าไป โครงกระดูกเหล่านั้นก็จะตามมาทัน พวกเรารีบเข้าไปหลบก่อน แล้วค่อยหาวิธีออกไป”
เพียงแต่ในเวลานี้ สีหน้าของอิ๋นชางหลีดูแปลกๆ แววตาของเขายิ่งหวาดกลัว
“นั่น... นั่นไม่ใช่เสียงของท่านอาจารย์” อิ๋นชางหลีพูดอย่างหวาดกลัว มองไปที่โถงหมื่นพุทธะด้วยแววตาหวาดผวา
“หืม?” เมื่อซวีมู่ไห่ได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเขาก็กระตุก
ในความรู้สึกของเขา เสียงนั้นคือเสียงของมู่ฉิงเก๋ออย่างไม่ผิดเพี้ยน
แต่เขากับมู่ฉิงเก๋อก็เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก จะไปเทียบกับอิ๋นชางหลีที่อยู่กับมู่ฉิงเก๋อมาโดยตลอดได้อย่างไร?
“เจ้าไม่ได้ยินผิดไปนะ?” ซวีมู่ไห่อดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ใช่เสียงของท่านอาจารย์แน่นอน!” อิ๋นชางหลียืนยันอย่างหนักแน่น
เขารู้จักเสียงของท่านอาจารย์ของเขาดีเกินไป
แม้ว่าเสียงที่ดังมาจากโถงหมื่นพุทธะจะค่อนข้างคล้าย แต่ความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ นั้นทำให้อิ๋นชางหลีรู้ว่าเสียงนั้นเป็นของปลอม
“ท่านอาจารย์...” อิ๋นชางหลีสะอื้นไห้ ในความคิดของเขา มู่ฉิงเก๋อคงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว
“พวกเราไปกันเถอะ!” ซวีมู่ไห่ดึงแขนของอิ๋นชางหลี ตบเสาวิหารข้างๆ จนแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็คว้าเสาวิหารนั้นมาเป็นอาวุธ เตรียมที่จะฆ่าโครงกระดูกเหล่านั้นเพื่อเปิดทางหนี
แต่ในเวลานี้เอง เสียงของมู่ฉิงเก๋อก็ดังมาจากโถงหมื่นพุทธะอีกครั้ง “พวกเจ้าจะไปไหนกัน? ข้างนอกอันตราย รีบเข้ามาสิ”
“หุบปาก! ห้ามใช้เสียงของท่านอาจารย์ข้าพูด!” ในเวลานี้ อิ๋นชางหลีตะโกนใส่สิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรในโถงหมื่นพุทธะด้วยใบหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดบนคอปูดโปน
“คิกๆๆ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ทำให้ซวีมู่ไห่และอิ๋นชางหลีตัวสั่น นี่ไม่ใช่เสียงเดียวกับที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้หรอกหรือ?
โถงหมื่นพุทธะแห่งนี้ เป็นที่คุมขังสิ่งนั้นงั้นหรือ?
มิน่าล่ะถึงบอกว่าอย่าเข้าโถงหมื่นพุทธะ!
“เกาะข้าไว้ พวกเราจะบุกฝ่าออกไป” ซวีมู่ไห่พูดเสียงดัง
พูดจบ เขาก็รีบพาอิ๋นชางหลีหนีไป
แต่เสียงของเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในโถงหมื่นพุทธะก็ดังขึ้นอีกครั้ง “คิกๆ อยากไปงั้นเหรอ? ข้าให้พวกเจ้าไปได้เหรอไง?”
“ข้าอุตส่าห์พยายามล่อพวกเจ้าเข้ามา จะปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้อย่างไร ใช่ไหม?”
พูดจบ กรงเล็บผีสีเลือดสองข้างก็พุ่งออกมาจากโถงหมื่นพุทธะ จับไปที่ซวีมู่ไห่และอิ๋นชางหลี!
“ไสหัวไป!”
ซวีมู่ไห่คำรามเสียงดัง โบกเสาวิหารในมือไปที่กรงเล็บผีนั้น
เสาวิหารแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่กรงเล็บผียังคงพุ่งเข้าหาอย่างไม่หยุดยั้ง จับคอของซวีมู่ไห่ไว้ ยกซวีมู่ไห่ขึ้น
กรงเล็บผีอีกข้างพุ่งเข้าหาอิ๋นชางหลี อิ๋นชางหลีตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
กรงเล็บผีเข้ามาใกล้ เขาไม่มีพลังต้านทานเลย
แต่ในเวลานี้เอง กระบี่ไม้ซวนหยวนที่อิ๋นชางหลีสะพายอยู่ด้านหลังก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
เสียงกระบี่คำรามดังก้องกังวาน พุ่งออกไปตัดไปที่กรงเล็บผีนั้น!