ตอนที่แล้วบทที่ 3 คุณชายตระกูลเหยียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 บุตรชายข้ามีคุณสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตเสียนเทียน

บทที่ 4 ผู้หลงใหลในศิลปะตัวยง


บทที่ 4 ผู้หลงใหลในศิลปะตัวยง

เหยียนหวี่สือเดินไปมาในร้าน มองดูภาพวาดที่แขวนอยู่บนผนังโดยรอบ

ภาพวาดทั้งหมดล้วนเป็นอาวุธหรือสัตว์ร้ายรูปแบบต่างๆ

แต่อาวุธที่วาดออกมากลับไม่มีจิตวิญญาณเลย ส่วนสัตว์ร้ายก็วาดได้แย่มาก ไม่มีพลังเลยแม้แต่น้อยแม้แต่น้อย เหยียนหวี่สือก็ไม่ได้ผิดหวัง เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว

เขาก็แค่ไม่มีอะไรทำ จึงมาที่นี่เพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น

ภาพวาดที่นี่ เทียบกับภาพวาดที่ตระกูลเหยียนซื้อมาในราคาแพงนั้น ต่างกันราวฟ้ากับดิน พวกมันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!

ในสายตาของเขา หลี่ฉางชิงคนนี้แม้แต่ระดับมาตรฐานของช่างวาดภาพก็ยังไม่ถึง

ส่วนภาพวาดเหล่านี้ก็ยิ่งเป็นขยะ ไม่สามารถทำให้ผู้คนเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้จริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างเขา ที่เดิมทีก็เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้ยากอยู่แล้ว

เหยียนหวี่สือส่ายหน้าเบาๆ ตัดสินใจไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป หันหลังกลับเตรียมตัวจากไป แต่ในขณะที่เขาหันหลังกลับ เขากลับถูกสิ่งของอย่างหนึ่งบนชั้นวางของดึงดูดสายตาเข้าอย่างจัง

"นั่นอะไรน่ะ?" เหยียนหวี่สือเดินเข้าไปใกล้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เสือโคร่งลายพาดกลอนที่ดูราวกับมีชีวิต!

เหยียนหวี่สือรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างดึงดูดอย่างแรงกล้า เดินเข้าไปใกล้ๆ งานแกะสลักชิ้นนั้นทีละก้าว

เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

สิ่งนี้... เหยียนหวี่สือเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก!

เหยียนหวี่สือไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ผลกระทบที่เสือโคร่งตัวนี้มีต่อเขานั้น แรงกว่าผลกระทบจากภาพวาดมาก!

ในเวลานี้ ในสายตาของเหยียนหวี่สือ เสือโคร่งตัวนั้นราวกับมีชีวิตขึ้นมา!

เขายังรู้สึกได้ถึงเสียงเสือคำรามก้องป่าดังกึกก้องอยู่ข้างหู

เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า สั่นสะเทือนโสตประสาท!

เสียงนั้นดังก้องไปมา ทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเหยียนหวี่สือก็รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

มันเป็นไปได้อย่างไร!?

ทำไมสิ่งนี้ถึงมีพลังเช่นนี้ได้?

เหยียนหวี่สือมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า หากเขาใช้สิ่งนี้ในการเข้าถึงขั้นสูงสุดของวิถีแห่งเต๋า เขาต้องมีโอกาสเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้อย่างแน่นอน!

เขาสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนได้เพราะสิ่งนี้!

ไม่น่าเชื่อ ร้านเล็กๆ แห่งนี้มีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?

"ชอบงานแกะสลักชิ้นนี้ของข้าหรือเปล่า?" ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงก็เดินเข้ามาใกล้ เห็นเหยียนหวี่สือจ้องมองงานแกะสลักของเขาอยู่นาน จึงคิดว่ามีหวังขายออก

"งานแกะสลัก? สิ่งนี้เรียกว่างานแกะสลักงั้นหรือ?" เหยียนหวี่สือถึงกับพูดไม่ออก ราวกับว่าคำเรียกใดๆ ในโลกนี้ ต่างก็ดูจืดชืดไปในพริบตานี้!

สิ่งนี้ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ

น้ำเสียงของเหยียนหวี่สือก็ดูสุภาพขึ้นมาทันที ประสานมือคารวะหลี่ฉางชิงแล้วพูดว่า "ขออภัยท่านผู้อาวุโส เมื่อครู่ข้าเสียมารยาทมากจริงๆ"

"หา?" หลี่ฉางชิงถึงกับผงะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

เขาเสียมารยาทตอนไหน?

ในเวลานี้ ในสายตาของเหยียนหวี่สือ หลี่ฉางชิงดูลึกลับขึ้นมาทันที งานแกะสลักชิ้นนี้ออกมาจากมือของเขา เช่นนั้นเขาก็คงจะเก่งกว่าช่างวาดภาพที่ตระกูลเหยียนจ้างมาเสียอีก!

"ท่านผู้อาวุโส งานแกะสลักชิ้นนี้... ขายหรือไม่ขอรับ?" เหยียนหวี่สือถามด้วยความกล้าๆ กลัวๆ สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ คงจะไม่ขายแน่ๆ

แต่เหยียนหวี่สืออยากได้จริงๆ

เขารู้สึกว่างานแกะสลักชิ้นนี้คือความหวังของเขา

มีสิ่งนี้แล้ว เขาย่อมต้องเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้ ก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝน

เมื่อถึงเวลานั้น ผู้สืบทอดตระกูลเหยียนก็ยังคงเป็นของเขา!

"เอ่อ..." หลี่ฉางชิงกำลังจะพูดว่างานแกะสลักชิ้นนี้ขายแน่นอน แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค ใครจะไปคิดว่าเหยียนหวี่สือจะเป็นคนใจร้อน คุกเข่าลงตรงหน้าหลี่ฉางชิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

"ขอท่านผู้อาวุโสโปรดเมตตา!" เหยียนหวี่สือพูดด้วยสีหน้าเว้าวอน

เฮ้ย! อะไรจะขนาดนี้วะ?

เด็กคนนี้ชอบงานแกะสลักชิ้นนี้มากขนาดนั้นเลยเหรอ?

หลี่ฉางชิงแทบไม่อยากจะเชื่อเลย เหยียนหวี่สือจะเป็นคนที่หลงใหลในศิลปะขนาดนี้!

"ขาย" หลี่ฉางชิงรีบพูด "เจ้าลุกขึ้นก่อน"

"ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส!" เหยียนหวี่สือตื่นเต้นจนตัวสั่น

"ไม่ทราบว่างานแกะสลักชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ขอรับ?" เหยียนหวี่สือรีบถาม

หลี่ฉางชิงยังคงตั้งราคาเดิม ยื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว

ห้าเหรียญเงิน

ถ้าเหยียนหวี่สือรู้สึกว่าแพง หลี่ฉางชิงก็ตั้งราคาไว้ในใจแล้วว่าสามเหรียญเงิน

ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

เมื่อเห็นหลี่ฉางชิงยื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว เหยียนหวี่สือก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อ วางลงบนโต๊ะทันที "ข้าน้อยซื้อ!"

พูดจบ เหยียนหวี่สือก็ไม่รอให้หลี่ฉางชิงได้สติ กอดงานแกะสลักชิ้นนั้นไว้ในอ้อมแขน วิ่งออกไปทันที เหมือนกลัวว่าหลี่ฉางชิงจะเปลี่ยนใจ

"รีบร้อนอะไรขนาดนั้น?"

"ห้าเหรียญเงินก็มีตั๋วเงินด้วยเหรอ?" หลี่ฉางชิงยื่นมือไปหยิบตั๋วเงินใบนั้นขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ตาค้าง

ห้าพันตำลึง

มันเป็นตั๋วเงินห้าพันตำลึง!

"เวรเอ๊ย" หลี่ฉางชิงสบถออกมา คิดว่าตั๋วเงินใบนี้ต้องปลอมแน่ๆ ไม่งั้นเหยียนหวี่สือจะรีบวิ่งหนีไปทำไม

แต่หลังจากดูอย่างละเอียดหลายรอบแล้ว หลี่ฉางชิงก็ดูไม่ออกเลยว่าตั๋วเงินใบนี้ปลอมตรงไหน?

อือ… ดูเหมือนจะเป็นของจริงนะ 

หลี่ฉางชิงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ในเวลานี้เขาค่อนข้างสงสัยในชีวิต

งานแกะสลักชิ้นหนึ่ง ขายได้ห้าพันตำลึง?

แบบนี้ไม่ใช่แค่คนที่หลงใหลในศิลปะแล้ว นี่มันบ้าชัดๆ!

เขารู้ดีว่าในโลกนี้ เงินห้าพันตำลึงมีอำนาจในการซื้อมากแค่ไหน

สำหรับชาวบ้านทั่วไป ใช้เวลาทั้งชีวิตนี้ พวกเขาก็หาเงินจำนวนนี้ไม่ได้!

บุตรชายของเขา ในฐานะศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน รายได้ต่อเดือนก็น่าจะแค่ร้อยกว่าตำลึง คนผู้นี้เป็นใคร ทำไมถึงได้รวยขนาดนี้นะ?

ไม่เพียงแต่รวย แต่ยังโง่อีก!

แม้งเอ้ย… เขาทำงานชิ้นเดียวก็เกษียณได้แล้วเหรอ?

"เดี๋ยวก่อน" หลี่ฉางชิงตั้งสติได้จากความดีใจสุดขีด เมื่อกี้เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีเงินติดตัวมากมายขนาดนั้น

แต่เงินห้าพันตำลึง แม้แต่กับตระกูลใหญ่ๆ ก็ไม่ใช่วงเงินน้อยๆ

ถ้าหากผู้ใหญ่ในบ้านรู้ว่าเด็กน้อยเอาเงินห้าพันตำลึงมาซื้องานแกะสลักมาเล่น คงจะต้องมาทวงคืนแน่ๆ

ถ้าถึงตอนนั้นเขาไม่คืน คงจะโดนจับลอกหนังแน่นอน!

โลกแฟนตาซีไม่ใช่สถานที่ที่ใช้เหตุผล ใครมีกำปั้นใหญ่กว่า คนนั้นก็คือเหตุผล

"เฮ้อ—" หลี่ฉางชิงมองไปที่ตั๋วเงินในมือ ถอนหายใจเบาๆ รอดูท่าทีไปก่อน ถ้าหากอีกฝ่ายมาทวงคืน เขาก็คืนให้ก็เท่านั้น

ถ้าหากไม่มีใครมาทวง…

ค่อยว่ากันอีกที

……..

ณ ตระกูลเหยียน

ช่วงเย็น

"ท่านพี่ ท่านตัดสินใจแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ?" ในห้อง สตรีร่างหนึ่งสวมชุดหรูหรา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อ้อนวอนบุรุษที่อยู่ตรงหน้า

บุรุษผู้นี้ก็คือเหยียนป๋อเทา ประมุขตระกูลเหยียนคนปัจจุบัน

ในเวลานี้บนใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของอารมณ์ใดๆ ในดวงตามีเพียงความแน่วแน่

"ตัดสินใจแล้ว อิงเอ๋อร์ แม้ว่าข้าจะเป็นประมุขตระกูลเหยียน แต่ตระกูลเหยียนไม่ใช่ข้าคนเดียวที่เป็นคนตัดสินใจ" เหยียนป๋อเทาพูดอย่างใจเย็น "ปีหน้าหวี่สือก็อายุสิบห้าปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามขอบเขตทุยฟ่าน(สภาวะมนุษย์) และเขาไม่สามารถเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าได้ ในอนาคตก็ยิ่งไม่สามารถนำพาตระกูลเหยียนได้ ดังนั้นข้าจึงต้องตัดสินใจเช่นนี้"

"แต่แบบนี้มันโหดร้ายกับหวี่สือมากเกินไปนี่" สตรีผู้นั้นทำหน้าเจ็บปวด

"เขาก็โตแล้ว บางสิ่งบางอย่าง ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเผชิญหน้า" เหยียนป๋อเทาถอนหายใจเบาๆ "ถ้าอวี่อวิ๋นเป็นบุรุษก็ดีสิ นางก็จะได้สืบทอดตระกูลเหยียน ไม่ต้องมาถึงขั้นนี้"

พูดจบ เหยียนป๋อเทาก็เดินไปเปิดประตู

ในเวลานี้ ที่ลานบ้านหน้าประตู มีหกร่างยืนรออยู่ที่นั่น

สายตาทั้งหกคู่ต่างจับจ้องไปที่เหยียนป๋อเทา

"ท่านประมุข ตัดสินใจแล้วหรือขอรับ?" ชายชุดยาวสีฟ้าคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ พูดด้วยความเคารพ "หากยังไม่ได้ตัดสินใจ พวกข้าจะรออยู่ที่นี่ต่อไป"

"ไปกันเถอะ" เหยียนป๋อเทากวาดสายตามองคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา "ไปหาหวี่สือ ข้าจะไปบอกเรื่องปลดเขาออกจากตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลให้เขารับรู้ด้วยตัวเอง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด