ตอนที่แล้วตอนที่ 38 กระบี่เล่มนี้ชื่อเซวียนหยวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 40 ภาพวาดลึกลับ

 บทที่ 39 ซากศพจิตรกรเซียน


บทที่ 39 ซากศพจิตรกรเซียน

“หะ?”

อิ๋นชางหลีไม่คาดคิดว่า หลี่ฉางชิงจะพูดแบบนี้ออกมา

ซวีมู่ไห่ก็ค่อนข้างประหลาดใจ หลี่ฉางชิงคนนี้ช่างหลงบุตรชายเสียจริง

ใช้สมบัติล้ำค่าลงทุนกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เพียงเพื่อช่วยบุตรชายของตัวเองในอนาคตเนี้ยนะ?

แต่ซวีมู่ไห่ก็มองออก หลี่ฉางชิงไม่ได้ลงทุนกับอิ๋นชางหลีเพียงอย่างเดียว

แต่ลงทุนกับภูมิหลังของอิ๋นชางหลีด้วย

หุบเขาหมอเทวะ…

สำนักแพทย์อันดับหนึ่งแห่งแดนชางหยวน

เบื้องหลังหุบเขาหมอเทวะนั้น มีพลังอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่

อิ๋นชางหลีมีกายไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศิษย์สืบทอดโดยตรงของมู่ฉิงเก๋อ ในอนาคตย่อมมีสถานะสูงส่งในหุบเขาหมอเทวะ ยิ่งไปกว่านั้น มู่ฉิงเก๋อยังเป็นบุตรีของเจ้าสำนักหุบเขาหมอเทวะ ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันนี้ไม่ต้องพูดถึง

แต่... ซวีมู่ไห่ยังคงรู้สึกว่า ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ของหลี่ฉางชิง แล้วยังมีพลังวิเศษเช่นนี้…

หากเขาออกสู่โลกภายนอก เพียงแค่โบกมือ ผู้แข็งแกร่งที่ต้องการติดตามเขาย่อมมีมากมายนับไม่ถ้วน

เมื่อถึงเวลานั้น บุตรชายของเขาย่อมเป็นบุตรแห่งสวรรค์ และต้องการสิ่งใดก็ย่อมได้

เหตุใดหลี่ฉางชิงจึงต้องเก็บตัวเงียบเชียบเช่นนี้ล่ะ?

ซวีมู่ไห่ทำได้เพียงคาดเดาว่า มันต้องมีเหตุผลอื่นที่ตนไม่ทราบอย่าแน่นอน

“ผู้อาวุโสฉางชิงโปรดวางใจ หากในอนาคตคุณชายน้อยประสบปัญหา อิ๋นชางหลีขอนำพาร่างกายนี้เข้าสู่กองไฟและมหาสมุทร!” อิ๋นชางหลีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“ดี” หลี่ฉางชิงพยักหน้า

ในขณะนี้ กระบี่ซวนหยวนยังคงลอยอยู่กลางอากาศ อิ๋นชางหลีจ้องมองกระบี่ไม้ที่ลอยอยู่นั้น แล้วค่อยๆ ยื่นมือออกไป

เขากำด้ามกระบี่เบาๆ

ในชั่วขณะที่กำกระบี่เล่มนี้ ร่างกายของอิ๋นชางหลีก็เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เขารู้สึกถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล!

เบื้องหน้าราวกับเห็นต้นไม้โบราณแห่งชีวิต

แม้แต่สายเลือดกายไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็เริ่มสั่นสะท้าน

อิ๋นชางหลีเห็นโลกแห่งดวงดาวและดินแดนแห่งพืชพันธุ์บนกระบี่เล่มนั้น ราวกับว่ามันกำลังก่อกำเนิดกฎเกณฑ์บางอย่าง

กฎเกณฑ์นี้ลึกลับเกินไปสำหรับอิ๋นชางหลี แต่ก็ทำให้อิ๋นชางหลีรู้สึกใกล้ชิดอย่างบอกไม่ถูก!

กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่อาวุธ ไม่สามารถใช้เป็นอาวุธได้จริงๆ แต่อิ๋นชางหลีรู้ว่า หากตนเข้าใจกระบี่เล่มนี้ ย่อมต้องบรรลุความสำเร็จบางอย่างได้อย่างแน่นอน

“ขอบพระคุณหายเต๋าฉางชิง” มู่ฉิงเก๋อประสานมือคารวะ

ในขณะเดียวกัน จิตใจของมู่ฉิงเก๋อก็ไม่สงบ นางสัมผัสได้ถึงพลังที่ส่งออกมาจากกระบี่ซวนหยวนเล่มนี้ ยิ่งกลิ่นอายนี้ทรงพลังมากแค่ไหน ยิ่งทำให้รู้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงใด

นางเองก็อยากได้เช่นกัน

แต่มู่ฉิงเก๋อจะกล้าเอ่ยปากขอได้อย่างไร ใช่ไหม?

นางทำได้เพียงมองดูศิษย์ของตนรับสมบัติล้ำค่าที่ตนไม่อาจเอื้อมถึงได้ไป

ซวีมู่ไห่ยังดี แม้ว่าจะอิจฉากระบี่เล่มนี้ แต่ก่อนหน้านี้ซวีมู่ไห่ได้รับติ่งใบหนึ่งไปแล้ว นั่นทำให้ซวีมู่ไห่ดีใจมากแล้ว

แต่ในขณะเดียวกัน ซวีมู่ไห่ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ในใจ

หลี่ฉางชิงตามใจหลี่เหิงเซิงบุตรชายของเขามากจริงๆ

บุตรชายยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตทุยฟ่านอยู่เลย เขาก็เริ่มปูทางให้บุตรชายแล้ว

หลงบุตรชายเช่นนี้…

หากบุตรชายของเขามาเป็นศิษย์สายตรงของตน ซวีมู่ไห่ก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที

นี่มันแตกต่างจากการสอนองค์ชายรัชทายาทอ่านหนังสือตรงไหน?

หากบุตรชายเกิดมีรอยขีดข่วนหรือฟกช้ำขึ้นมาภายใต้การดูแลของตน ความโกรธของหลี่ฉางชิงจะไม่เผาผลาญตนจนราบเป็นหน้ากลองเชียวหรือ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซวีมู่ไห่ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ เหงื่อเย็นไหลรินทันที

“โฮ่ง”

ในเวลานี้เอง เสียงของอสูรจินซือก็ดังมาจากไม่ไกล

ทุกคนหันกลับไปมอง พบว่ามันเดินออกมาจากส่วนลึกที่สุดของถ้ำแล้ว

ในขณะเดียวกัน ในปากของอสูรจินซือคาบภาพวาดผืนหนึ่งเอาไว้

“ภาพวาด?”

ซวีมู่ไห่ตื่นเต้นเล็กน้อย

ข้างในนี้ยังมีสมบัติอีกจริงๆ

อสูรจินซือวิ่งไปที่ข้างกายหลี่ฉางชิง จากนั้นก็วางภาพวาดลงบนพื้น มองหลี่ฉางชิงด้วยแววตาเว้าวอน

หลี่ฉางชิงยื่นมือออกไปด้วยความสงสัย เมื่อสัมผัสกับภาพวาดก็รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย

สัมผัสของกระดาษไม่เหมือนกับกระดาษที่เขาเคยสัมผัสที่บ้าน เห็นได้ชัดว่ากระดาษแผ่นนี้น่าจะมีราคาแพงมาก

เมื่อเปิดภาพวาดออก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับเป็นป่า และในป่านั้นมีอสูรจินซือนอนหลับอยู่

ในชั่วขณะที่เห็นภาพวาดนี้ หลี่ฉางชิงเกือบจะคิดไปเองว่า ภาพวาดนี้มีโลกอีกใบซ่อนอยู่!

เพราะภาพวาดนี้ดูสมจริงมากเกินไป!

ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่าไม้ หรือแม้แต่ก้อนเมฆบนท้องฟ้า ล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้อยู่ที่นั่นจริงๆ

ไม่ใช่แค่ภาพเท่านั้น แม้แต่อากาศก็ยังได้กลิ่นผลไม้ป่าในภูเขา

ราวกับมีสายลมพัดผ่านแก้ม

ส่วนอสูรจินซือที่กำลังหลับใหลอยู่ในภาพวาด ยิ่งมีลมหายใจที่สม่ำเสมอ ราวกับว่าจะตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

ภาพวาดเช่นนี้ ทำให้หลี่ฉางชิงรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

ซวีมู่ไห่และมู่ฉิงเก๋อยิ่งรู้สึกว่าภาพวาดนี้งดงามกว่าภาพวาดใดๆ ที่พวกเขาเคยเห็นมาหลายเท่า

“ผลงานชิ้นเอกเช่นนี้ คงเป็นผลงานของจิตรกรเซียนเป็นแน่แท้” มู่ฉิงเก๋อพยักหน้า

มีเพียงอิ๋นชางหลีที่อยู่ด้านข้างไม่สนใจเลยสักนิด เขาเล่นกระบี่ไม้ซวนหยวนในมืออย่างเพลิดเพลิน เพราะในความคิดของเขา ไม่มีภาพวาดใดเทียบได้กับกระบี่ในมือเล่มนี้

“ในภาพวาดนี้คือเจ้าสินะ?” หลี่ฉางชิงมองไปที่อสูรจินซือ แล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกได้ว่าปราณวิญญาณที่บรรจุอยู่ในภาพวาดนี้เกือบจะหมดแล้ว หากภาพวาดนี้ไม่มีปราณวิญญาณ วิญญาณภาพวาดอย่างเจ้าก็จะไม่สามารถคงอยู่ได้”

“โฮ่ง” อสูรจินซือร้องอย่างเศร้าใจ จากนั้นก็เอาหัวถูขาหลี่ฉางชิง ราวกับกำลังออดอ้อน

“ไม่เป็นไร” หลี่ฉางชิงลูบหัวอสูรจินซืออย่างลวกๆ แล้วพูดว่า “รอข้ากลับไปที่เมืองฉางถิงก่อน ข้าจะสร้างร่างใหม่ให้เจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อสูรจินซือก็หันกลับไปร้องเรียกไปทางส่วนลึกของถ้ำสองสามครั้ง

“ข้างในยังมีของดีอีกงั้นเหรอ?” ซวีมู่ไห่มองไปยังส่วนลึกของถ้ำแล้วถามออกมา

แววตาของอสูรจินซือลังเลเล็กน้อย มันดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ปิดปากเงียบ

“ไหนๆ ก็มาแล้ว เข้าไปดูหน่อยก็ดี ไม่งั้นหากพลาดสมบัติล้ำค่าไป คงน่าเสียดายแย่” ซวีมู่ไห่เอ่ยพร้อมกับยิ้ม

ทุกคนต่างก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

มู่ฉิงเก๋อเก็บสมบัติล้ำค่าทั้งหมดไว้ หลี่ฉางชิงก็โบกมือ ต้นไม้แห่งชีวิตที่เหลือก็ลอยตามหลังหลี่ฉางชิงไป

ไม้เนื้อดีเช่นนี้ หากทิ้งไปคงน่าเสียดายแย่

แต่เมื่อทุกคนเดินหน้าต่อไป หลี่ฉางชิงกลับรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ไม่รู้จักในส่วนลึกของถ้ำ ทำให้หลี่ฉางชิงรู้สึกไม่สบายใจ

แต่สิ่งใดกันที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ?

หลังจากข้ามลำธารเล็กๆ หลายสาย ในที่สุดทุกคนก็มาถึงส่วนลึกที่สุดของถ้ำ

เมื่อทุกคนเข้ามาที่นี่ สายตาก็ถูกสิ่งของสิ่งหนึ่งดึงดูดอย่างมาก

บนแท่นหินกลางถ้ำ มีคนนั่งอยู่

เพียงแต่บุคคลผู้นี้ได้กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวโพลนไปแล้ว

“นี่คือจิตรกรเซียนงั้นหรือ?” มู่ฉิงเก๋อมองจากระยะไกล แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ถ้ำแห่งสุดท้ายนี้ แต่กลับพบว่าที่นี่แทบไม่มีอะไรเลย

เดิมทีคิดว่าที่นี่จะมีสมบัติล้ำค่าบางอย่าง

“ท่านอาจารย์ ในมือของเขา...” ในเวลานี้ อิ๋นชางหลีกลับชี้นิ้วไปที่โครงกระดูกนั้นด้วยความประหลาดใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด