บทที่ 32 เพื่อนร่วมงานที่ไร้ศีลธรรม
บทที่ 32 เพื่อนร่วมงานที่ไร้ศีลธรรม
เมื่อผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง โซลก็จากไป
เมื่อมองไปทางที่โซลจากไป มาร์คก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
"ทำไมเจ้าถึงได้คิดมากเกี่ยวกับเจ้าเด็กสารเลวนั้นนัก"
ฝ่ามือของเขาเปิดออกอีกครั้ง ลิ้นของเขาก็ปรากฏขึ้น มันส่งเสียงของมนุษย์ออกมา "ท่านอาจาร์ยได้มอบโอกาสให้กับเขา ข้าอยากเห็นว่าเขาจะเป็นเช่นไรต่อไป แม้ว่าข้าจะไม่เคยเห็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 คนใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดได้สำเร็จ"
เฮือกก
....
โซลไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังพูดถึงเขา เขารู้เพียงว่าความรู้ที่เขาได้จากมาร์คไม่ได้ทำให้คะแนนของเขาสูญเปล่า
ลังเลอะไรอยู่? เจ้ากลัวสิ่งใด?
ฮิฮิ
มันไม่มีอยู่จริง ซักหน่อย
โซลแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะไปยังห้องเก็บศพเพื่อตรวจสอบความคิดอันบ้าคลั่งของเขา
เขาเดินลงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หญิงสาวที่สวมหน้ากากก็เดินผ่านเขาไป
ใบหน้าที่งดงามกับริมฝีปากที่ทรงเสน่ห์ นั้นเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันนานกว่า 20 วัน แต่โซลก็คุ้นเคยกับนางเป็นอย่างดี
เขาค่อยๆหยุดและมองย้อนกลับไป
อย่างไรก็ตาม คงชา ไม่ได้หยุดและหายไปตรงหัวมุมทางลาด
ขณะที่ทั้ง 2 เดินสวนไปกัน นางก็ป้ายนิ้วของนาง
โซลหยุดอยู่นาน เมื่อเขาเดินออกไปอีกครั้ง อารมณ์ของเขาก็แตกต่างไปจากเดิม
เขาไม่แปลกใจเลยที่ คงชา แนะนำให้เขาไปหานาง
นับตั้งแต่ที่เขาปฏิเสธคำขอของคงชา นางคิดว่าอีกฝ่ายต้องกลับมาหานางอย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายแล้ว หลังจากเผชิญหน้าปัญหามากมาย โซลก็ได้กลายเป็นพ่อมดฝึกหัดภายใต้อาจาร์ยแคซ แต่ คงชา คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
หลังจากผ่านมาเกือบ 1 เดือน โซลก็อดไม่ได้ที่จะมองหานาง
วันนี้ เป็นคงชา ที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป
โซลเดินช้าๆ ไปยังชั้นล่าง เมื่อเขาเดินผ่านคนรู้จัก เขาก็หยุดทักทาย
เมื่อเขาในห้องเก็บศพ 3 บนชั้นที่ 2 ของหอคอยตะวันออก เขาก็ปิดประตูลงเบาๆ
"เฮ้ออ"
ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
"ครั้งที่แล้วข้าหัวแข็งมากเกินไป ดังนั้นครั้งนี้ข้าน่าจะอ่อนลงกว่านี้" โซลกำลังคิดว่าเขาจะตอบสนองอย่างเมื่อได้พบคงชาในคืนนี้ "รุ่นพี่คงชาคงจะคิดว่าข้าเป็นเพียงคนโลภที่หยิ่งผยอง ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกในวันนี้" ด้วยอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา การเพิ่มแต้มทำให้เขามีความหวังที่จะรอดมายิ่งขึ้น
แต่ไม่ว่าคงชาจะวางแผนจัดการโซลอย่างไร โซลก้จะตกลงกับนางในคืนนี้
หากซิดยังไม่ตาย เขาน่าจะกลับมาที่ในเร็วๆ นี้ โซลต้องการความแข็งแกร่งเพิ่งที่จะต่อกรกับเขา
ครั้งที่สุดท้ายที่เขาปฏิเสธ คงชา มันเป็นการถอยเพื่อที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า
เขาไม่ต้องให้ คงชา ปฏิบัติต่อเขาเหมือนหมากที่สามารถใช้แล้วทิ้งได้ตลอดเวลา
โซลวางหนังสือลงโต๊ะยาว
เดิมทีเขาต้องการเริ่มเตรียมการ เบื้องต้น สำหรับการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดในวันนี้ แต่คงชากับปรากฏตัวขึ้นและรบกวนจิตใจของเขา
แม้ว่าเขาตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากคงชา แต่เขาก็ยังคงหวาดกลัวนางอยู่ภายในใจ
การทดลองในสภาพจิตใจเช่นนี้มักจะล้มเหลว
มาเริ่มอ่านหนังสือกันเถอะ
"หวืดดด"
แทงเทียนบนสายพานลำเลียงสว่างขึ้น
มีแขกใหม่มา
โซลเดินไปยังคันโยกอย่างชำนาญ
สายพานลำเลียงเริ่มหมุน แขกคนหนึ่งก็มาปราฏกตัวตรงหน้าโซลผ่านพู่สีดำเข้ามา
"ชายคนนี้ ... ช่างสะอาดนัก"
ความสะอาดคือสิ่งแรกที่โซลประทับใจต่อแขกผู้นี้
สีหน้าของเขาสงบนิ่ง ดวงตาของเขาปิดสนิท มือของวางข้างลำตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ผ้าคลุมหนังสีดำด้านบนราวกับผ้าห่ม พอดีกับหน้าอกของเขา
โซลดึง ผ้าคลุมบนตัวเขาออก และพบว่าบนร่างกายของชายคนนี้ไม่มีบาดแผลเลย
"อืม แล้วเขาตายได้ยังไงกัน"
เขาพลิกแขกคนนี้ดู แต่ไม่เห็นบาดแผลใดๆ,
เหตุใดร่างกายของเขาถึงไม่มีร่องรอยตรวจสอบ? หรือพวกเขาตัดสินใจว่าร่างกายนี้ไม่มีชิ้นส่วนใดที่มีประโยชน์
โซลหันหลังให้แขกผู้นั้นอีกครั้ง การสมาธิที่ไม่สมบูรณ์ ตรวจสอบแขกที่อยู่ตรงหน้าเขาเพื่อดูว่าชิ้นส่วนใดมีประโยชน์หรือไม่?
แม้ว่าเขาจะทำสมาธิแล้ว แต่เขาก็ไม่พบชิ้นส่วนใดที่เปล่งแสง ร่างกายของเขาดูพร่ามัว ราวกับมีบางอย่างปกคลุมอยู่
"ข้าไม่พบสิ่งใดเลย ทำให้ ศพแบบนี้ถึงได้ถูกส่งมายังห้องเก็บศพกัน"
โซล ยืดตัวขึ้นส่ายหัวด้วยความสับสน
"ฟืดดด!!"
เขากระโดดไปด้านหลังด้วยความตกใจ
ศพได้ลืมตาขึ้นมอง จ้องมองไปยังโซล ที่อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เงียบสงบ
อันที่จริง มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาที่ศพจะลืมตาขึ้นมาในเวลากลางคืน
แต่มันเป็นเพราะเขากำลังครุ่นคิดบางอย่าง ทำให้เขาหลุดออกจากการทำสมาธิที่ไม่สมบูรณ์ จากการตกใจเมื่อกี้
หลังจากฟื้นคืนสติแล้ว โซลก็ก้าวไปข้างหน้าพลางใช้มือปิดตา
"หลับตาซะ เจ้าเป็นเพียงคนตายไม่มีอำนาจในหอคอยพ่อมดแห่งนี้ หรือแม้ว่าจะยังไม่ตายก็เถอะ"
แต่ทันทีที่ดวงตาของแขกผู้นี้ปิดลง ดวงตาของเขาก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง อย่างดื้อรั้น
"ถ้าเจ้าไม่ชอบ แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอก" โซล บอกลาแขกผุ้นี้ ก่อนที่หยิบผ้าคลุมเตรียมที่จะคลุมหัว
"อย่าปิดตาข้า ขอร้องละ ข้าอยากเห็นว่าข้าตายังไง" ทันใดนั้นศพก็พูดขึ้น
โซลเคยเห็นศพพูดได้มาก่อน แต่เขาไม่เคยเห็นศพที่พูดได้ชัดเจนเช่นนี้มาก่อน
"เจ้ายังไม่ตายงั้นหรือ?"
เมื่อเขาไม่ได้หายใจ ก็แปลว่าเขาได้ตายไปแล้ว
เหล่าพ่อมดจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ปฏิกิริยาย้อนกลับ
แขกที่นอนอยู่บนสายพานลำเลียง ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้โซล ราวกับผู้เฒ่าใจดีที่สำหรับมองเด็กน้อยที่ซุกซน
"ที่นี่อันตรายมากนะเจ้าหนู อะไรที่คิดว่าดีอาจจะไม่ดี อะไรคิดว่าแย่มันก็อาจจะไม่ได้แย่เสมอไป สิ่งชีวิตที่เจ้าคิดว่ามีชีวิตอยู่อาจจะตายไปแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เจ้าคิดว่าตายไปแล้วอาจจะชีวิตอยู่? แม้ข้าจะตายหรือยังไม่ตาย ได้โปรดอย่างทำลายร่างกายของข้าได้หรือไม่"
โซลรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แขกผู้นี้ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติแน่ๆ
เขากำมือไปในกระเป๋าจับไปที่กระดาษห่อเล็กๆ
"ศพร่างนี้ค่อนข้างแปลก หรือว่าข้าควรจะโยนเขาลงไปในกล่องใบใหญ่ดี"
โซลคิดอย่างนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อเคลื่อนศพ
อย่างไรก้ตาม หนังสือปกแข็งที่นิ่งเงียบมานาน ก็บินออกมาตรงหน้าเขา
[ในวันที่ 24 มิถุนายน ปี 314 ของปฏิทินพระจันทร์ใหม่
ในวันนี้โซลได้พบศพที่แปลกประหลาด
เขาได้พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับชีวิตกับศพ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาไม่เต็มใจที่จะแยกส่วนศพร่างนี้
เขาก้าวเข้าไปนอนในกล่องอย่างปลอดภัย
เขาไม่คิดว่าก่อนว่ากล่องนี้จะนอนหลับสบายเช่นนี้
เขาหลับตาลงอย่างมีความสุข]
โซลเงยหน้าขึ้นทันที ศพบนสายพานลำเลียงยังคงยิ้มให้กับเขา
โซลก้มหน้าลงคลำไปบนโต๊ะหาเครื่องมือขงเขา ในที่สุดเขาก็เลือกเครื่องมือที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน
มีดสับกระดูก
เขาค่อยๆเดินไปหาแขกรายนั้น พร้อมกับมีดสับกระดูก
"เจ้ากำลังจะทำอะไร" รอยยิ้มของแขกรายนั้นก็บิดเบี้ยว ดวงตาของเขาจับจ้องที่ไปมีดสับกระดูก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ราวกับเขาสามารถลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้
โซล หยิบถูกกระดาษออกมาจากกระเป๋าของเขา บดขยี้มัน โปยใส่แขกรายนั้น
คริสตัลสีขาวค่อยๆ แหลกสลายอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับศพ มันกระจายออกเป็นผงเล็กๆ
ในเวลาเดียวกัน แขกรายนั้นก็ราวกับถูกสกดด้วยพลังบางอย่าง
น้ำเสียงของแขกรายนั้นดูอ่อนแรงลงทันที
"อย่าทำร้ายข้า ข้าอาจจะดูน่ากลัว แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด จริงๆ แล้วข้ายังไม่ตาย! ข้ายังมีชีวิตอยู่! อย่า..."
"ฟวั่บบ"
หนังสือปกแข็งบินกลับไปยังไหล่ซ้ายของโซลอีกครั้ง
โซล มีสีหน้าตึงเครียด เก็บมีดสับกระดูกไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โซลก็ยืดตัวขึ้นสูดหายใจเข้าลึกๆ
โซล แขนของเขาเต็มไปด้วยพลัง ไม่อย่างนั้น เด็กอายุ 12 ปีคงไม่สามารถออกแรงมากขนาดนั้นได้
"แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าแขกผู้นี้มาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร และข้าไม่ชอบมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานเลย แต่เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเองนะ!!"