ตอนที่แล้วบทที่ 1 คนเก่งมักตายเพราะความสามารถของตน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 คุณชายตระกูลเหยียน

บทที่ 2 กระดาษเมืองฉางถิงมีค่าดั่งทอง


บทที่ 2 กระดาษเมืองฉางถิงมีค่าดั่งทอง

สำหรับบุตรชายคนนี้ หลี่ฉางชิงรู้จักไม่มากนัก เพราะในข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้ มันก็แทบจะไม่ได้กล่าวถึงบุตรชายผู้นี้เลย

เขารู้แค่ว่าบุตรชายชื่อหลี่เหิงเซิง และเมื่อเห็นชื่อนี้ หลี่ฉางชิงก็รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นจิตวิญญาณแห่งการวาดภาพแค่ไหน

"ขอบใจมาก" หลี่ฉางชิงพูดกับชายวัยกลางคนชุดม่วง

ชายวัยกลางคนชุดม่วงมองหลี่ฉางชิงด้วยความประหลาดใจ เขาเป็นคนสุภาพตั้งแต่เมื่อไหร่?

เขาเป็นแค่คนส่งจดหมายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง วันนี้หลี่ฉางชิงดูแปลกๆ ไปนะ?

"จิตรกรหลี่ ท่านสุภาพเกินไปแล้ว" ชายวัยกลางคนชุดม่วงรีบพูด จากนั้นก็รีบออกไปส่งจดหมายให้คนอื่น

หลี่ฉางชิงฉีกจดหมายออก ภายในมีกระดาษจดหมายหนึ่งแผ่นและตั๋วเงินหนึ่งใบ หลี่ฉางชิงดูเนื้อหาบนจดหมาย

จดหมายสั้นมาก…

ที่บ้าน หลี่ฉางชิงเคยเห็นจดหมายของหลี่เหิงเซิงอยู่หลายฉบับ เนื้อหาในจดหมายแต่ละฉบับก็แทบจะไม่ต่างกัน

ถึงท่านพ่อ… ลูกอยู่ที่แดนโบราณเต๋าซาน สบายดี นี่เป็นค่าใช้จ่ายในเดือนนี้ เดือนนี้ลูกทำภารกิจของนิกายสำเร็จ ผู้อาวุโสให้รางวัลมา ลูกเลยให้ท่านพ่อเพิ่มอีกยี่สิบตำลึงเงิน ขอให้ท่านพ่อประหยัดหน่อยนะ ลูกไม่ได้อยู่ข้างๆ ท่านพ่อดูแลตัวเองดีๆ นะ… คิดถึง

หลี่ฉางชิงมองไปที่ตั๋วเงิน มันเป็นตั๋วเงินเจ็ดสิบตำลึง

ตั๋วเงินแบบนี้ สามารถนำไปแลกเป็นเงินที่เฉียนจวง(ร้านแลกเงิน) ในเมืองได้ แม้ว่าจะไม่รู้ราคาสินค้า แต่หลี่ฉางชิงก็รู้ว่าเจ็ดสิบตำลึงเงินนี้ไม่ใช่เงินน้อยๆ แน่นอน

สำหรับครอบครัวทั่วไป ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มาก แต่สำหรับหลี่ฉางชิงที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย และจำเป็นต้องซื้อกระดาษกับหมึกราคาแพงจำนวนมากแล้ว มันไม่พอใช้เลย

จากบันทึกประจำวันของเจ้าของร่างเดิม หลี่ฉางชิงเคยเห็นเจ้าของร่างเดิมบ่นว่าบุตรชายของตนเป็นคนไม่เอาไหน ทุกเดือนส่งเงินมาให้น้อยนิด เคยเขียนจดหมายไปขอเพิ่ม แต่หลี่เหิงเซิงก็ไม่ได้ส่งมาให้มากขึ้น

แม้ว่าหลี่เหิงเซิงจะส่งจดหมายมาทุกเดือน แต่เจ้าของร่างเดิมก็ไม่ได้ตอบกลับมาเกือบหนึ่งปีแล้ว

"มารดามัน! หลี่ฉางชิงคนนี้ มันช่างเลวชาติสุนัขจริงๆ!" หลี่ฉางชิงกำจดหมายไว้ในมืออดไม่ได้ที่จะสบถ หากบุตรชายของเขามีความกตัญญูสักหนึ่งในสิบของหลี่เหิงเซิง เขาคงจะซาบซึ้งจนร้องไห้ออกมา!

แบบนี้เรียกว่าอะไร ฝั่งหนึ่งก็แล้งจนตาย อีกฝั่งหนึ่งก็น้ำท่วมจนตาย

มีบุตรชายที่ดีขนาดนี้แท้ๆ มันยังไม่รู้จักเห็นค่าอีกเนี้ยนะ?

แม้งเอ้ย! ช่างเป็นสัตว์เดรัจฉานจริงๆ!

หลี่ฉางชิงรู้ดีว่า เงินทุกเดือนนี้ มันต้องเป็นเงินที่บุตรชายของเขางัดมาจากซอกฟันส่งกลับมาอย่างแน่นอน ในฐานะผู้ฝึกตน ทรัพยากรที่นิกายให้ทุกเดือนต้องใช้ซื้อทรัพยากรสำหรับฝึกฝนอย่างแน่นอน หลี่เหิงเซิงเองก็คงไม่พอใช้ ยังต้องส่งเงินกลับมาเลี้ยงดูบิดาที่เป็นสัตว์เดรัจฉานแบบนี้อีก

หลี่ฉางชิงถอนหายใจยาว กำตั๋วเงินใบนี้ไว้ในมือ เขารู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ

แม้ว่าหลี่เหิงเซิงจะไม่ใช่บุตรชายของเขา แต่เขาทะลุมิติมา สืบทอดร่างกายนี้ ได้รับเงินเลี้ยงดูจากบุตรชาย ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งทำให้หลี่ฉางชิงรู้สึกสับสน

ถ้าเป็นเขาในชีวิตก่อน หากได้รับเงินที่บุตรชายแสดงความกตัญญูมาให้ เขาคงจะดีใจจนยิ้มไม่หุบไปสามวันสามคืน!

แต่ตอนนี้ เมื่อได้รับเงินก้อนนี้ เขากลับรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

เขาไม่รู้ว่าหลี่เหิงเซิงใช้ชีวิตอย่างไร? แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่า หลี่เหิงเซิง… ศิษย์ที่ไร้คุณสมบัติ ไร้ภูมิหลัง ยิ่งในนิกายขนาดใหญ่อย่างแดนโบราณเต๋าซานแล้ว เขาจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร?

แถมยังต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากการซื้อทรัพยากรสำหรับฝึกฝนมาเลี้ยงดูเขาอีก!

"บ้าเอ๊ย ชาติที่แล้วลูกไม่กตัญญู ข้าก็ทุกข์ใจ ชาตินี้ลูกกตัญญูเกินไป ข้าก็ยิ่งทุกข์ใจ!" หลี่ฉางชิงทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ

"เท่าไหร่?" หลี่ฉางชิงถามเจ้าของร้าน แม้ว่าจะยังไม่อิ่ม แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากอาหารแล้ว

"แปดเหรียญทองแดง" เจ้าของร้านเดินขึ้นมาพูดอย่างอ้ำอึ้ง เขาดูออกว่าหลี่ฉางชิงอารมณ์ไม่ดี

หลี่ฉางชิงล้วงถุงเงิน จาดนั้นหยิบแท่งเงินที่เล็กที่สุดออกมา กะด้วยสายตาแล้วน่าจะประมาณหนึ่งตำลึง

"มากขนาดนี้เลยเหรอ? จิตรกรหลี่ ท่านรอสักครู่นะ" เจ้าของร้านรีบหันหลังกลับ เขายุ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หาเงินทอนให้หลี่ฉางชิงเก้าตำลึงเงินกับเหรียญทองแดงอีกเก้าสิบสองเหรียญ

ตอนนี้หลี่ฉางชิงจึงรู้ว่า เงินหนึ่งตำลึงสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญทองแดงได้หนึ่งพันเหรียญ และเงินเจ็ดสิบตำลึงที่หลี่เหิงเซิงส่งมานั้น มันเป็นเงินก้อนโตจริงๆ

เมื่อเห็นบันทึกการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายของเจ้าของร่างเดิมทุกเดือน หลี่ฉางชิงยังคิดว่าเงินไม่มีค่าเสียอีก

ที่แท้ไอ้หมอนี่มันสุรุ่ยสุร่ายเกินไป!

หลังจากกินข้าวเสร็จ หลี่ฉางชิงตัดสินใจเดินเล่นในเมือง เพื่อดูโลกใบนี้ให้ทั่วๆ

เขาไม่สามารถเป็นเหมือนเจ้าของร่างเดิมได้ กินๆ นอนๆ ฝันกลางวันไปวันๆ แล้วก็เกาะลูกกินแบบนั้นเนี้ยนะ? ไม่มีทาง!

มีบุตรชายแบบนี้ หลี่ฉางชิงรู้สึกสงสารเขามากจริงๆ…

หลังจากเดินสักพัก เขาก็สังเกตว่า แม้จะเป็นแค่เมืองๆ หนึ่ง แต่มันก็ใหญ่มาก หลี่ฉางชิงเดินไปสองชั่วยาม เขาก็ยังเดินผ่านไปเพียงไม่กี่ตลาด ระหว่างทางก็พบกับคนที่รู้จักหลี่ฉางชิงอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่หลี่ฉางชิงจำใครไม่ได้เลย คนพวกนี้ไม่มีอยู่ในความทรงจำแม้แต่น้อย

โชคดีที่หลี่ฉางชิงคนเดิมค่อนข้างหยิ่งยโส และไม่ค่อยมีเพื่อน มิฉะนั้นหากเจอคนรู้จักจริงๆ คงอธิบายยาก

"จิตรกรหลี่" ขณะเดินผ่านหน้าร้านแห่งหนึ่งในย่านการค้าไป๋ถิง ทันใดนั้นก็มีคนเดินออกมา และเรียกหลี่ฉางชิงไว้

คนที่เดินออกมานั้นเป็นชายร่างเตี้ยท้วม ยิ้มแย้มพร้อมกับประสานมือคารวะแล้วพูดว่า "วันนี้บุตรชายน่าจะส่งเงินมาแล้วใช่ไหม? เข้ามาดูเร็วๆ ข้าน้อยเพิ่งได้กระดาษหลิวอวิ๋นมาใหม่ คุณภาพดีเยี่ยม เหมาะกับการวาดภาพจริงๆ มันเหมาะกับท่านมากเลย!"

เมื่อเห็นดังนั้น หลี่ฉางชิงก็มองไปที่ร้านนั้น ปรากฏว่าเป็นร้านขายอุปกรณ์สำหรับการวาดนั่นเอง

ดูเหมือนว่าหลี่ฉางชิงคนเดิมมักจะมาซื้อกระดาษที่นี่สินะ?

หลี่ฉางชิงเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้อยู่บ้าง มองไปรอบๆ ในร้านมีทั้งพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึก มันดูประณีตมาก เพียงแต่หลี่ฉางชิงไม่รู้สึกว่าสิ่งของเหล่านี้มีอะไรพิเศษ

"กระดาษนี้ราคาเท่าไหร่?" หลี่ฉางชิงถามด้วยความอยากรู้อยู่บ้าง

"อือ… กระดาษหลิวอวิ๋นนี้หายากมาก ท่านเองก็อยากได้มานาน ในเมื่อวันนี้ได้มันมาแล้ว ท่านซื้อไปเยอะๆ เลยนะ จิตรกรหลี่เองก็เป็นลูกค้าประจำ ข้าน้อยคิดราคาพิเศษให้แล้วกัน แผ่นละสามตำลึงเงิน เป็นไง?" เถ้าแก่พุงพลุ้ยพูดพลางหรี่ตาลง

หลี่ฉางชิงเกือบจะพ่นโจ๊กที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา

พูดด้วยสีหน้าตกตะลึงว่า "สามตำลึงเงิน แผ่นเดียว?"

"ใช่แล้ว จิตรกรหลี่ ท่านเป็นลูกค้าประจำ ถ้าเป็นคนอื่น ข้าน้อยขายแผ่นละสามตำลึงเงินห้าเหรียญ" เถ้าแก่พุงพลุ้ยมองหลี่ฉางชิงด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง

เขารู้สึกว่าหลี่ฉางชิงวันนี้แปลกๆ ไปหน่อย ถ้าเป็นปกติ เมื่อเห็นกระดาษหลิวอวิ๋น เขาคงจะต้องทำหน้าตาตะกละตะกลามแล้ว

ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสามตำลึงเงินแพง วันนี้เขาเป็นอะไรไป?

ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงมองไปที่กระดาษนั้น พูดไม่ออกอยู่ครึ่งค่อนวัน เขาเข้าใจแล้วว่าครอบครัวที่เคยมั่งคั่งของหลี่ฉางชิงนั้นถูกทำลายลงได้อย่างไร!

การเป็นช่างวาดภาพนี่มันยากจริงๆ

ช่วงแรกต้องลงทุนเยอะเกินไปหรือเปล่า!?

"ขอตัวก่อน นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านกำลังตุ๋นซุปอยู่บนเตา!" หลี่ฉางชิงประสานมือคารวะแล้วขอตัวทันที เขาซื้อไม่ไหว!

การวาดภาพนี่มันกลืนกินทองคำชัดๆ

ในชั่วพริบตาที่เถ้าแก่พุงพลุ้ยกำลังตกตะลึง หลี่ฉางชิงก็วิ่งหายไปแล้ว

ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงก็นึกขึ้นได้ว่า ในเมืองมีตลาดเจ็ดแปดแห่ง แต่กลับไม่เห็นมีใครขายงานแกะสลักไม้เลย

ถ้าหากแกะสลักไม้ขาย จะมีตลาดไหมนะ?

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องลองดู อย่างน้อยก็ต้องหาเงินมาประทังชีวิต มิฉะนั้นครึ่งชีวิตหลังเขาต้องอาศัยบุตรชายเลี้ยงดูอย่างนั้นเหรอ?

หลี่ฉางชิงอายเกินกว่าจะทำแบบนั้น…

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ฉางชิงจึงหันหลังกลับ เดินตรงไปยังร้านตีเหล็กที่เขาเดินผ่านมาก่อนหน้านี้

หากต้องการแกะสลัก สิ่งแรกที่ต้องมีคือมีดแกะสลัก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด