ตอนที่ 50 ถอนหายใจ
ตอนที่ 50 ถอนหายใจ
“เอาล่ะ พวกนายทั้งสามคนอยู่ที่นี่แล้ว” ซ่งเจิงหันไปพูดกับเจ้าลิง ต้ากุ้ย และเสี่ยวกุ้ยด้วยรอยยิ้ม
“พี่ซ่ง พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาคิดผิด!” ฉู่อี้หยุดทั้งสามคนที่กำลังจะเดินมา พร้อมกับขยิบตาเบาๆ
“ผิดอะไร?” ใบหน้าซ่งเจิงถึงกับแปรเปลี่ยน
หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธ “แล้วฉันบอกนายไว้ว่าอะไร? อย่าออกจากโกดัง!”
“ไม่ใช่เรา แต่เป็นคนควบคุมประตูโกดังที่เปิดให้พวกมันเข้ามา” เสี่ยวกุ้ยพูดพร้อมกับใบหน้าซีดขาว
“ซ่งเจิง โทษฉันเถอะ ถ้านายจะหาคนผิด ฉันเป็นคนออกมาก่อน” เจ้าลิงรีบลุกขึ้นพร้อมกับฉู่อี้ที่เริ่มจะปวดหัว
“แล้วออกไปทำไม?” ซ่งเจิงเดินไปหาเจ้าลิง พร้อมตบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“นายคิดว่านายเป็นบีที่ดีงั้นเหรอ ดูสิ่งที่ทำลงไปสิ” ซ่งเจิงยังคงโกรธเกรี้ยว ทั้งสามจึงไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา
“พี่ซ่ง อย่าว่าพวกเขาเลย คนพวกนั้นเข้ามาและฆ่าทุกคน แม้ความสามารถของพวกเราจะมีจำกัด แต่เราก็ไม่อาจทนมองคนอื่นๆถูกฆ่าได้ อีกอย่าง ทั้งหมดที่ตายไปก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา” เสี่ยวกุ้ยก้มศีรษะลงและพยายามอธิบาย
“ฉันถามนายเหรอ? แล้วนายพูดเรื่องบ้าอะไร?” ซ่งเจิงเหลือบมองเสี่ยวกุ้ยที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมพูดจา
“ซ่งเจิง ฉันขอถามหน่อย ถ้าเป็นนาย นายจะทนดูพวกเขาถูกทารุณและตายไปอย่างทรมานงั้นเหรอ?”
เจ้าลิงเงยหน้าขึ้นและพูดออกมาอย่างกล้าหาญ แววตานั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “ใช่ พวกเรารู้ดีว่าพวกเราไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งของนาย การกระทำทั้งหมดนี้ทำให้นายต้องเป็นห่วง แต่พอเห็นทุกคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เราก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆได้”
“เอาล่ะ ฉันจะไม่โทษพวกนาย การช่วยชีวิตคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่พวกนายต้องรู้ขีดจำกัดความสามารถตัวเอง ฉันย้ำหลายรอบแล้ว ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้รอฉันกับฉู่อี้กลับมา แล้วรู้ไหม ถ้าฉันมาช้าไปกว่านี้สักก้าวหนึ่ง พวกนายจะตายกันหมด!” ซ่งเจิงบ่นอุบอิบราวกับคนแก่
“ลืมมันซะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากจะพูดถึง”
สุดท้ายแล้ว ซ่งเจิงก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะหันกลับมาหาฉู่อี้ “แล้วคนที่เฝ้าประตู เราฆ่ามันได้ไหม?”
“อืม ฉันเผามันตายไปแล้ว เขาเป็นมนุษย์ล่องหนระดับสอง อยู่ในจุดสูงสุดกำลังจะเลื่อนระดับด้วย ถ้าฉันไม่ได้ใช้พลังในการต่อสู้กับเขามากขนาดนั้น ตอนนี้ฉันคงไม่น่าสมเพชขนาดนี้หรอก” ฉู่อี้ตอบ
ซ่งเจิงและฉู่อี้รู้ตัวแล้วว่าพวกเขากำลังถูกติดตาม ทันทีที่พวกเขาไปถึงเหมืองเขตซี พวกเขาพบหยกขาวจำนวนมาก และวิญญาณภายในนั้นเต็มไปด้วยความผันผวน
หลังจากซ่งเจิงเห็นอย่างนั้น เขาจึงโกหกฉู่อี้เพื่อให้อีกฝ่ายกลับเข้าโกดัง แต่ฉู่อี้ก็รู้เท่าทันแผนการ จึงตามเขามาอย่างลับๆ
“แต่วิธีการของพี่ซ่งมีประโยชน์มาก ถ้าไม่มีเส้นใยพลังจิตนั้น ฉันก็คงจะหาพวกพี่ไม่เจอ” ฉู่อี้ยิ้ม
“ฉันตามมันมาตลอดทาง แต่ดูเหมือนว่ามันรู้ความลับของฉันมากเกินไป ถ้าฆ่าพวกมันไม่ได้ สุดท้ายเราคงต้องหนี” ซ่งเจิงตอบด้วยใบหน้าผ่อนคลาย
“เส้นใยพลังจิตนั้นใช้งานสะดวกจริงๆ มันตรวจจับความแปรปรวนในจิตใจของคนได้ อย่างกับเครื่องตรวจโกหกเลย” ฉู่อี้ชื่นชม
“แต่นายไม่สามารถออกห่างจากฉันเกินไปได้ มันกินพลังจิตไม่น้อย อีกอย่างการเคลื่อนไหวของนายก็ช้าเป็นบ้า ฉันเกือบตายแล้ว!” ซ่งเจิงบ่นอุบ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกบีบคอโดยชายชราคนนั้น เขาก็ขุ่นเคืองขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับสาม แต่ยังไงซะความแข็งแกร่งของฉู่อี้ก็ไม่แพ้ใคร
“ฉันก็เพิ่งเลื่อนระดับมาไม่นาน มังกรดำทั้งหมดเป็นยอดฝีมือระดับสาม ถ้าไม่ใช่เพราะความโลภของมัน คงเป็นพวกเราที่ตายแทน” ฉู่อี้พูด
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ ฮีโร่ที่แท้จริงคือต้ากุ้ยและเสี่ยวกุ้ย พวกเขาจัดการมนุษย์พลังวิเศษระดับสามได้หนึ่งคน และอีกคนระดับสอง”
ซ่งเจิงเริ่มทบทวนผลการต่อสู้ “แล้วเจ้าลิงก็สังหารได้อีกหนึ่งคน ซึ่งเก่งกาจไม่แพ้กัน”
“อีกอย่าง อีฟที่กัดมังกรดำได้ในตอนท้าย แล้วจากนั้นก็หนีด้วยการลอกคราบ เรื่องนี้ก็ลืมไม่ได้เลย ยอดเยี่ยมมาก”
ซ่งเจิงพูดพร้อมกับหันไปลูบหัวอีฟเบาๆ จากนั้นสาวน้อยแปดขาจึงร้องออกมาอย่างมีความสุขที่ถูกชมเชย
“แล้วฉันล่ะ?” ฉู่อี้พูดออกมาอย่างคาดหวังว่าจะได้รับคำชม
“ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ! นายใช้เวลาเท่าไหร่กันที่จะฆ่ามนุษย์พลังวิเศษระดับสอง? เอาล่ะ วันนี้ฉันไม่มีอาหารให้นาย!” ซ่งเจิงเผยใบหน้าเกรี้ยวกราด
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น ฉู่อี้ถึงกับร้องไห้ออกมาทันที “ไม่นะพี่ซ่ง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พวกมันเป็นอันธพาลที่เก่งกาจ ฉันก็ต้องใช้เวลาสักหน่อย อย่าปล่อยให้ฉันหิวเลยนะ”
“เอาหน่า ไม่เป็นไรหรอก” ซ่งเจิงตบบ่าเจ้าลิง แต่ดูเหมือนจะแรงไปหน่อย
“ตุ้บ!” เจ้าลิงหันกลับไปทุบซ่งเจิงทันที จากนั้นก็กระโดดออกไปกว่าสิบเมตร
“ฉันน่ะรักและเกลียดอย่างจริงใจ ทั้งหมดนี้เรียกว่าการแก้แค้น”
“ไอ้บ้าเอ๊ย! อย่าให้ฉันจับได้นะ!” ซ่งเจิงตะหวาดพร้อมกับแอบยิ้ม
หลายคนกำลังนั่งอยู่บนพื้นและรับประทานอาหาร
“เฮ้อ รู้สึกดีจริงๆที่ยังมีชีวิตอยู่” ต้ากุ้ยพึมพำขึ้นมา ขณะนอนราบมองดาวบนท้องฟ้า
“ไม่ใช่หรอก ลองนึกถึงวันที่ไม่มีอาหารกินสิ ถ้าหลังจากเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว ซอมบี้บุกเข้ามา พวกเราก็คงไปใช้ชีวิตอยู่บนฟ้า” เจ้าลิงตอบพร้อมกับเลียจาน
“อ๊ะ!” ซ่งเจิงนึกบางอย่างได้ เขากระโดดขึ้นหลังอีฟพร้อมกับรีบกลับไปที่โกดัง
เมื่อซ่งเจิงมาถึง ด้านนอกโกดังถูกล้อมไว้ด้วยซอมบี้ระดับต่ำ พวกมันทั้งหมดเป็นซอมบี้ประเภทแมลง และเขาก็ไม่มั่นใจว่ามันมีกี่ตัวกันแน่
“พี่ซ่ง! เกิดอะไรขึ้น?” ฉู่อี้ลอยลงมาจากอากาศ
ก่อนที่จะทันได้ยินคำตอบ เขาเห็นซอมบี้ประเภทแมลงออกันอยู่หน้าโกดัง ขนศีรษะถึงกับลุกชูชันอย่างช่วยไม่ได้
“จัดการพวกมันให้ฉันที!” ซ่งเจิงพูดกับฉู่อี้
การต่อสู้แบบนี้เหมาะกับฉู่อี้มากกว่าเขา เพราะอีกฝ่ายสามารถโจมตีระยะไกลได้
จากนั้นฉู่อี้จึงจุดไฟที่ข้อมือขึ้นมา ภาพของเขาตอนนี้คล้ายกับเทพแห่งเพลิงก็ไม่ปาน
จากนั้นฉู่อี้พุ่งเข้าหากลุ่มซอมบี้แมลงอย่างมาดมั่น เปลวเพลิงประทุรุนแรงออก เผาซอมบี้แมลงที่เบียดเสียดกันให้กลายเป็นขี้เถ้าภายในไม่กี่วินาที
[ติ๊ง! รับศพซอมบี้!] ซ่งเจิงหยิบกระทะเหล็กออกมา พร้อมกับไล่ตบซอมบี้แมลงที่กำลังจะหนีไป
‘ได้ผล! เก็บซอมบี้แมลงเข้ากระทะเหล็กนี้ได้’ ซ่งเจิงลอบคิดอย่างยินดี เขารีบเคาะกระทะเหล็กเบาๆอย่างชื่นใจ
ทั้งซอมบี้แมลงเล็กใหญ่ ทั้งหมดถูกซ่งเจิงกำจัดทีละตัว จนสุดท้ายพวกมันก็หมดสิ้น
“ยอดเยี่ยม! ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันทำได้แค่วิ่งหนี แต่ตอนนี้พวกเราแก้แค้นได้แล้ว!” ต้ากุ้ยอุทานอย่างตื่นเต้น
“เข้าไปดูข้างในกัน” ซ่งเจิงไม่พูดมากพร้อมกับเดินเข้าไปข้างในทันที เขาเหลือบมองฉู่อี้แว๊บหนึ่ง อีกฝ่ายรู้ความหมาย จึงรีบจุดบอลเพลิงขนาดใหญ่ขึ้นทั้งสองฝ่ามือ ส่องทางให้สว่างไสวไปทั้งโกดัง
ตอนนี้ในโกดังไม่มีอะไรเลยนอกจากซากศพ และซากศพที่เคยเก็บไว้ที่นี่ก็หายไปหมดสิ้น มีเพียงเศษเส้นผมและกระดูกเท่านั้นที่บอกถึงร่องรอยก่อนหน้า
ซ่งเจิงเดินไปที่กล่องใหญ่ ก่อนหน้านี้มีเด็กน้อยคนหนึ่งหลบอยู่ที่นี่ ตอนนี้กล่องนั้นว่างเปล่าและมีเพียงขี้เถ้า รอยเลือดทิ้งไว้เท่านั้น
“เฮ้อ!” ซ่งเจิงถอนหายใจหนักออกมา เขารู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้เขาเป็นมนุษย์พลังวิเศษแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเด็กน้อยคนนั้นได้
ในเวลานี้ เขาสามารถตระหนักได้ถึงความเจ็บปวด ความโกรธแค้น และความสิ้นหวังที่เจ้าลิง ต้ากุ้ย เสี่ยวกุ้ยเผชิญ เมื่อเห็นมนุษย์บริสุทธิ์ตายตกไปต่อหน้า
“พี่ซ่ง… โอเคไหม?” ฉู่อี้ถาม
“อืม” ซ่งเจิงตอบกลับ พร้อมแววตาฉายชัดความโศกเศร้า
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน” ซ่งเจิงส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากโกดัง