ตอนที่ 40 แสดงเป็น "คังซี"
“พี่ไค่เกอ ยังไม่หลับใช่ไหม?”
“จะหลับได้ยังไง วันนี้ก็พึ่งมาถึงเซินเจิ้น พรุ่งนี้ยังต้องอัดรายการอีก ฉันคงหลับหลังเที่ยงคืนแน่นอน”
“ผู้กำกับใหญ่ก็ต้องลำบากเป็นธรรมดา”
“แกยังจะมาแซวฉันอีก แกไม่ได้ถ่ายฉู่ฮั่น ศึกชิงบัลลังก์สะท้านปฐพีอยู่เรอะ มีเวลามาโทรหาฉันด้วย?”
“ก็มีนักแสดงในกองผมไปสมัครที่รายการของพี่ ได้เจอกันรึยัง?”
“แกหมายความว่ายังไง? เฉินผิงเป็นคนที่ฉันแนะนำให้แกเองนะ”
“ผมคิดว่าเฉินผิงเด็กคนนี้มีศักยภาพมาก ผมอยากดูเขาให้มากขึ้นอีกหน่อย”
“อะไร คิดว่าถ้าโปรเจ็กต์ใหญ่ในอนาคตจะเลือกเฉินผิงงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่แน่ เรื่องอนาคตใครจะรู้ พี่ให้เขาทำอะไรยากๆหน่อย ผมอยากเห็นว่าเด็กคนนี้จะมีศักยภาพแค่ไหน”
“เฮ้ ฉันก็คิดเหมือนแกเลย”
ทั้งสองหัวเราะอย่างเข้าใจตรงกัน
การได้พบกับนักแสดงที่ดี สำหรับผู้กำกับใหญ่แบบพวกเขา ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
แม้ว่าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันในอนาคตหรือไม่ แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
แต่ถ้ามีโอกาส
ในหัวของพวกเขา คงจะนึกถึงนักแสดงที่ทำให้พวกเขาประทับใจเป็นอันดับแรกแน่นอน
การแสดงของเฉินผิงในสยบฟ้าพิชิตปฐพี ทำให้เฉินไค่เกอจำเขาได้
การแสดงของเฉินผิงในฉู่ฮั่น ศึกชิงบัลลังก์สะท้านปฐพี ทำให้เกาซีซีต้องตบโต๊ะชมเชย
ด้วยรายการนักแสดงโปรดเตรียมตัวครั้งนี้ สองผู้กำกับจึงมีความคิดเหมือนกัน
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
เฉินผิงและนักแสดงคนอื่นๆก็ได้มาทานอาหารเช้า
หลังจากงานเลี้ยงเมื่อคืน เขาก็ได้ทำความรู้จักกับนักแสดงหลายคน
เช่น หม่าโป๋เฉียน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเดบิวต์ในรายการเพลง Tencent และเฉินรั่วซวน ที่แสดงในจิ่วโจว เพียวเหมี่ยวลู่ ทั้งคู่เข้ากับเฉินผิงได้เป็นอย่างดี
เวลา 8.30 น. รายการก็ได้เริ่มบันทึกเทป
สาเหตุที่ต้องเริ่มเช้า เพราะ ‘นักแสดงโปรดเตรียมตัว’ มีเวลาถ่ายทำมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อเทป
การนำเสนอเวลา 2 ชั่วโมง ต้องใช้เวลาอัดเทปอย่างน้อย 2 วัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘นักแสดงโปรดเตรียมตัว’ มีการตั้งกฎให้นักแสดงแสดงสดในรูปแบบละครเวที
ไม่สามารถถ่ายซ้ำได้ ต้องผ่านครั้งเดียว
หากมีข้อผิดพลาด การแสดงก็ถือว่าล้มเหลว
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่รายการ ‘นักแสดงโปรดเตรียมตัว’ ที่ออกอากาศโดย Tencent ผมคือพิธีกร ต้าเผิง...”
พิธีกรคือต้าเผิงที่เคยเป็นนักแสดงและผู้กำกับ
หลังจากเปิดรายการและอธิบายกฎแล้ว นักแสดง 40 กว่าคนก็ทยอยเข้ามาในรายการ
ไม่เหมือนรายการก่อนๆ เมื่อมีนักแสดงเข้ามาแต่ละคน รายการก็จะมีการแนะนำข้อมูลพื้นฐานของนักแสดงคนนั้น
อีกด้านหนึ่ง โปรดิวเซอร์รายการจะประเมินศักยภาพของนักแสดงเพื่อจัดอันดับ
อันดับสูงสุดคือ S รองลงมาคือ A และแย่ที่สุดคือ B
การให้คะแนนในที่นี้ถือว่ารุนแรงมาก
เรียกได้ว่าเป็นการจำลองสถานการณ์จริงในวงการบันเทิง
มีนักแสดงบางคนที่มีฝีมือดี แต่เนื่องจากเหตุผลหลายประการจึงหายไปจากสายตาของสาธารณชน มักจะได้รับการจัดอันดับเป็น B
เช่น หนีหงเจี๋ย หม่าซู... ซึ่งเป็นนักแสดงฝีมือดีหลายคน ถูกจัดอันดับเป็น B
ในขณะที่นักแสดงอย่าง โยวอี้เสี่ยว หยวนปิงเหยียน... ได้รับการประเมินเป็นระดับ S เพราะมีผลงานที่โด่งดังและทำผลงานได้ดี
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการจัดอันดับของสามระดับ
นักแสดงระดับ S จะนั่งบนโซฟา
นักแสดงระดับ A จะนั่งบนเก้าอี้
นักแสดงระดับ B จะนั่งบนม้านั่งไม่มีพนักพิง
ดังนั้น เมื่อเฉินผิงปรากฏตัว โปรดิวเซอร์รายการจึงจัดอันดับให้เขาเป็นระดับ B
“นี่คือนักแสดงหน้าใหม่ ปัจจุบันแสดงแค่เรื่องเดียว”
“แม้ว่าเขาจะแสดงเฉาเสี่ยวซู่ได้ดี แต่ไม่มีผลงานเด่นอื่นๆ จึงจัดอยู่ในระดับ B”
“รูปร่างหน้าตาธรรมดา ความสูงก็ธรรมดา การแสดงดีแต่มีพื้นที่พัฒนาไม่มาก จึงเป็นระดับ B”
นี่คือเหตุผลที่โปรดิวเซอร์รายการให้เฉินผิงเป็นระดับ B
“เฉินผิง นายได้ B ได้ยังไง”
เมื่อเห็นเฉินผิงมานั่งที่กลุ่ม B หม่าโป๋เฉียนก็ประหลาดใจ
แต่เฉินผิงกลับรู้สึกว่านี่ไม่ได้ไม่ยุติธรรมอะไร “ทำไมจะเป็น B ไม่ได้ นายดูดีขนาดนี้ก็ยังเป็น B เลย”
“ฮ่าๆๆ ฉันเริ่มต้นจากการร้องเพลง แทบไม่ได้แสดงเลย”
“ฉันก็แทบไม่ได้แสดงเหมือนกัน”
“แต่นายแสดงเฉาเสี่ยวซู่ได้ดีมาก”
“งั้นนายลองถามคนอื่นดูว่ามีใครเคยดูฉันแสดงเฉาเสี่ยวซู่ไหม”
แม้ว่าตอนเริ่มต้น เฉาเสี่ยวซู่จะโดดเด่น แต่เขาก็เป็นแค่ดาวตกชั่วครู่
เฉาเสี่ยวซู่ไม่ใช่ตัวเอกและเมื่อเรื่องราวดำเนินไป นักแสดงคนอื่นก็ทำผลงานได้ดี เฉาเสี่ยวซู่ก็ไม่โดดเด่นเท่าไหร่
...
“พี่ไค่เกอ พี่แน่ใจนะว่าพี่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเฉินผิง?”
“เสี่ยวเอ้อร์ ฉันจะโกหกนายไปทำไม”
“ฉันไม่เชื่อ พี่กับเขาก็นามสกุลเดียวกัน บางทีอาจจะเป็นญาติกันก็ได้?”
ผู้กำกับทั้งสี่คนที่นั่งอยู่บนเวทีก็ไม่ได้อยู่เฉยๆเช่นกัน
เมื่อมีนักแสดงเข้ามา พวกเขาก็จะแสดงความคิดเห็น
เมื่อเห็นเฉินไค่เกอหันไปมองเฉินผิงบ่อยๆ เอ้อร์ตงเซินก็แซวออกมา “ผมล้อเล่นๆ อย่าถือสา”
จากนั้นจ้าวเหวยก็พูดขึ้นมา “จริงๆแล้วฉันก็เห็นว่านักแสดงชื่อเฉินผิงน่าสนใจนะ”
“โอ้ จ้าวเหวย เธอก็รู้จักนักแสดงคนนี้เหรอ?”
“ไม่รู้จัก”
จ้าวเหวยส่ายหัว “ฉันไม่เคยดูหนังที่เขาแสดง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างจากนักแสดงหนุ่มคนอื่นๆ ดูสุขุมมาก”
“พูดแบบนี้ ฉันก็เห็นด้วย”
เอ้อร์ตงเซินจึงดูข้อมูลเฉินผิงอีกครั้ง
เฉินผิงอายุแค่ 23 ปี แต่ในสยบฟ้าพิชิตปฐพี เขาก็ได้แสดงเป็นเฉาเสี่ยวซู่ที่อายุกว่า 30 ปี
แม้เอ้อร์ตงเซินจะไม่เคยดูเฉินผิงแสดงเป็นเฉาเสี่ยวซู่ แต่เขาได้เห็นโปสเตอร์ของเฉาเสี่ยวซู่ ก็รู้สึกว่าสุขุมมาก
และดูเหมือนจะมีบรรยากาศของความเป็นวีรบุรุษที่เข้มข้น
หลังคิดเรื่องนี้ เอ้อร์ตงเซินก็พูดขึ้นมา “ฉันคิดว่าซูเค่อ คงชอบนักแสดงแบบนี้”
“แต่ฉันไม่ชอบ”
หลิวหมิงหนึ่งในสี่ผู้กำกับที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้น
“รสนิยมของหลิวหมิงมักจะเป็นหนุ่มหล่อ”
จ้าวเหวยแซว
หลิวหมิงก็ตอบตรงๆ “ใช่ ฉันชอบหนุ่มหล่อ”
เอ้อร์ตงเซินดูไม่ค่อยชอบหลิวหมิง จึงหันมาถามเฉินไค่เกอต่อ “พี่ไค่เกอ พี่เคยดูเฉินผิงแสดง อย่างนั้นบอกพวกเราหน่อยสิ...”
“ฉันจะพูดอะไรได้ ถ้าฉันพูดอีก นายก็จะบอกว่าเฉินผิงเป็นญาติของฉันอีก”
แม้ว่าเฉินไค่เกออยากจะชมเฉินผิงเพิ่มเติม แต่เขารู้ถึงอิทธิพลของตัวเอง รายการพึ่งเริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องพูดมาก
เพราะสุดท้าย ทุกอย่างต้องพิสูจน์ด้วยการแสดง
...
การจัดอันดับครั้งแรก
แม้ว่าในตอนแรก โปรดิวเซอร์รายการจะให้คะแนนที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งทางตลาดของนักแสดง
แต่ความสามารถที่แท้จริงของนักแสดงใครจะเป็น S, A หรือ B กันแน่?
ใครจะรู้
ดังนั้นในรอบแรก นักแสดงที่ได้รับการจัดอันดับตามตลาดจะต้องแข่งขันกัน
นักแสดง 40 คนจะเลือกโปรแกรมการแสดง
เนื่องจากตามตำแหน่งทางตลาด นักแสดงที่ได้รับการจัดอันดับ S จะเลือกโปรแกรมก่อน
เหมือนในวงการบันเทิง
นักแสดงที่ดีที่สุดจะได้รับบทที่ดีที่สุด ผู้กำกับที่ดีที่สุดและทีมงานที่ดีที่สุด
หยวนปิงเหยียนเป็นคนที่ 5 ที่ได้เลือกโปรแกรม เธอเลือก ‘สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่’ แสดงเป็นซู่ซู่
เมื่อเห็นหยวนปิงเหยียนเลือกโปรแกรมนี้ เฉินผิงก็ขมวดคิ้ว
แม้หยวนปิงเหยียนจะเป็นนักแสดงอันดับ 5 ของระดับ S และมีสิทธิ์เลือกโปรแกรมก่อน
แต่หากเลือกโปรแกรมไม่ถูกต้อง ต่อให้จัดอันดับเป็นระดับ S ก็อาจทำลายการแสดงได้
‘สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่’ เป็นละครที่ดังมาก แทบทุกคนเคยดู
และหยวนปิงเหยียนก็เล่นเป็นซู่ซู่ ตัวละครนี้ ไม่ต้องพูดถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยม แค่ทำให้ดีก็ยากที่คนดูจะอิน
และในเวลาสั้นๆ การแสดงฉากนี้เป็นความท้าทายที่ใหญ่
แม้ว่าหยวนปิงเหยียนจะเลือกไปแล้ว เฉินผิงก็ไม่สามารถพูดให้เธอถอยกลับได้
แต่เฉินผิงกลับคิดว่าโชคดี แม้ว่าจะเป็นระดับ B และเป็นคนที่ 35 ที่เลือกโปรแกรม
แต่เขาก็ยังเลือกโปรแกรมที่พอใจ
โปรแกรมที่เขาเลือกคือ ‘อุ้ยเสี่ยวป้อ’ ซึ่งเขาจะแสดงเป็นคังซี