บทที่ 35 ดินแดนลับภูเขานานซาน
ตอนที่ 35 ดินแดนลับภูเขานานซาน
หลี่ฉางชิงจับคออสูรจินซือราวกับจูงสุนัข เหยียบกระบี่เหินกลับมา
(ขอเรียกสัตว์อสูรจินซือหลินหลาง ว่าอสูรจินซือนะครับ สั้นดี)
เขากระโดดลงจากกระบี่อย่างแผ่วเบา โยนอสูรจินซือไปด้านข้าง และพูดว่า "อยู่เฉยๆ นะ อย่าวิ่งไปไหนมาไหนล่ะ"
น่าแปลกมาก อสูรจินซือในตอนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฉางชิง มันกลับมีแววตาหวาดกลัว หมอบราบกับพื้น เหมือนสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่งเจ้านาย
หลี่ฉางชิงสะบัดแขนเสื้อ กระบี่ก็พุ่งออกไป เสียงดังแกร๊งก็กลับเข้าไปในฝักของอิ๋นชางหลี
"ไอ้หนู ขอบใจนะ" หลี่ฉางชิงพูดอย่างพอใจ "เป็นกระบี่ที่ดีจริงๆ"
"เอ่อ..." อิ๋นชางหลียังคงตกตะลึงกับการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลราวกับสายน้ำของหลี่ฉางชิงเมื่อครู่นี้
นี่แหละคือเซียนกระบี่ในใจของเขา!
เหยียบกระบี่เหินเวหา สะบัดมือควบคุมกระบี่ สังหารศัตรูพันลี้!
นี่ไม่ใช่เซียนกระบี่แล้วจะเป็นอะไร ใช่ไหม?
"พี่ฉางชิง ท่านทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริงๆ" ซวีมู่ไห่มองดูอสูรจินซือที่นอนสงบนิ่งราวกับสุนัขบนพื้น เขารู้สึกพูดไม่ออกยังไงไม่รู้จริงๆ
"ท่านผู้อาวุโส มู่ฉิงเก๋อไม่รู้จักตัวตนของท่าน เมื่อครู่นี้เสียมารยาทไป ขอท่านผู้อาวุโสอภัยให้ด้วย" มู่ฉิงเก๋อก็เดินเข้ามา นางพูดอย่างตรงไปตรงมา
ถูกหญิงงามเช่นนี้เรียกว่าท่านผู้อาวุโส หลี่ฉางชิงรู้สึกอึดอัด ราวกับว่าเขากลายเป็นญาติสูงอายุของมู่ฉิงเก๋อจริงๆ
"อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสเลย เรียกข้าว่าสหายเต๋าฉางชิง เหมือนกับที่เรียกจ้าวขุนเขาซวีก็พอ" หลี่ฉางชิงพูด
"สหายเต๋าฉางชิง" มู่ฉิงเก๋อก็พยักหน้าอย่างจริงจัง ในเวลานี้ แววตาที่นางมองหลี่ฉางชิงก็เปลี่ยนไป
เพียงแค่ทักษะควบคุมกระบี่เมื่อครู่นี้ มู่ฉิงเก๋อก็พอจะเดาได้
หลี่ฉางชิงไม่ใช่ผู้ฝึกตน
เขาน่าจะเป็นจิตรกร
ยิ่งไปกว่านั้น ขอบเขตบ่มเพาะไม่ธรรมดา เขาน่าจะเป็นจิตรกรศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ในแดนชางหยวนแห่งนี้ จิตรกรศักดิ์สิทธิ์มีไม่มาก ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่มีชื่อเสียงเลยล่ะ?
หรือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เร้นกาย?
"จ้าวขุนเขาซวี อสูรโกลเด้นตัวนี้ เอ่อ… ไม่สิ อสูรจินซือตัวนี้ รบกวนท่านพามันไปให้เหิงเซิงตอนที่ท่านกลับไปที่แดนโบราณเต๋าซานได้ไหม? ถ้ามีมันคอยปกป้องเหิงเซิง ความปลอดภัยของเหิงเซิงก็จะมีหลักประกัน" หลี่ฉางชิงชี้ไปที่อสูรจินซือข้างๆ
"หา?" ซวีมู่ไห่ได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดว่า "ข้าไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น"
"อย่างแรก ตอนนี้ขอบเขตบ่มเพาะของหลี่เหิงเซิงยังอ่อนแอมาก เพิ่งจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝน จิตวิญญาณภาพวาดตัวนี้เป็นระดับขอบเขตเสียนเทียนแล้ว แม้ว่ามันจะเชื่อฟังท่าน แต่ถ้าอยู่ในมือของหลี่เหิงเซิง คงจะควบคุมได้ยาก"
"บางทีมันอาจจะทำร้ายหลี่เหิงเซิง"
"อีกอย่าง เส้นทางการบ่มเพาะของผู้ฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ถ้ามีสิ่งนี้คอยพึ่งพา เขาคงจะประสบความสำเร็จได้ยาก"
"ถ้าวันหนึ่งหลี่เหิงเซิงก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียน ค่อยให้อสูรจินซือตัวนี้คอยอยู่เคียงข้างเขาเถอะ" ซวีมู่ไห่วิเคราะห์ให้หลี่ฉางชิงฟัง
หลี่ฉางชิงฟังคำพูดของซวีมู่ไห่ เขาก็ขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด "จริงด้วย ถ้ามีสิ่งนี้ ไอ้หนูนั่นคงจะไม่ตั้งใจฝึกฝนสินะ?"
"งั้นข้าจะเลี้ยงมันไว้ก่อนก็แล้วกัน" หลี่ฉางชิงยื่นมือไปลูบหัวอสูรจินซือ
อสูรจินซือก็ไม่กล้าขยับ มองหลี่ฉางชิงด้วยแววตาเว้าวอน ราวกับกลัวว่าหลี่ฉางชิงจะลบมันทิ้ง
"สหายซวี พวกเราสองคนร่วมมือกันยังจับอสูรจินซือไม่ได้ แต่มันกลับเชื่อฟังสหายฉางชิงราวกับสุนัข ทำให้ข้ารู้สึกท้อแท้จริงๆ" มู่ฉิงเก๋อยิ้มแห้งๆ "ปกติข้าไม่ค่อยออกจากหุบเขาหมอเทวะ ไม่คิดเลยว่าโลกใบนี้จะกว้างใหญ่ขนาดนี้"
"เทพธิดาฉิงเก๋อ โชคดีที่พี่ฉางชิงจับอสูรจินซือได้ บางทีอาจจะมีข่าวของดอกสามกำเนิดก็ได้นะ?" ซวีมู่ไห่มองดูอสูรจินซือ แล้วพูดเตือนนาง
"จริงด้วยสิ" มู่ฉิงเก๋อก็เหมือนกับเพิ่งนึกอะไรออก
หลี่ฉางชิงนั่งยองๆ ลูบหัวอสูรจินซือ ยิ้มแล้วพูดว่า "ไอ้หนูนี่ เจ้าบินได้สินะ? งั้นข้าตั้งชื่อให้เจ้าว่าอาเฟย(เหินบิน) เจ้าว่าดีไหม?"
"โฮ่ง" อสูรจินซือเห่าเบาๆ เหมือนกับว่าไม่ได้คัดค้าน
"อาเฟย พาพวกเราไปที่รังของเจ้าหน่อยสิ" หลี่ฉางชิงเงยหน้าขึ้น พูดกับซวีมู่ไห่ "ในเมื่อจิตวิญญาณภาพวาดตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ งั้นก็แสดงว่าที่นี่ต้องมีภาพวาดของสัตว์อสูรจินซือหลินหลางอยู่ ใช่ไหม? บางทีอาจจะมีอย่างอื่นด้วย"
"ข้าก็คิดแบบนั้น" ซวีมู่ไห่พยักหน้า เขาพูดต่ออีกว่า "ในภูเขานานซานแห่งนี้ อาจจะมีดินแดนลับอยู่ก็เป็นได้"
"ดินแดนลับเหรอ?" มู่ฉิงเก๋ออดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ถ้ามีดินแดนลับอยู่จริง บางทีอาจจะเป็นของที่จิตรกรเซียนทิ้งเอาไว้"
"ดินแดนลับ?" หลี่ฉางชิงได้ยินคำนี้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพราะสิ่งนี้มักจะปรากฏในนิยาย ดังนั้นหลี่ฉางชิงจึงเข้าใจได้
ในใจของหลี่ฉางชิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าเพิ่งมาถึงโลกนี้ไม่นาน เขาก็จะได้เจอเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้ แถมเขายังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างกะทันหัน
ในดินแดนลับ คงจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายรอให้เขาไปค้นหา เมื่อได้สมบัติล้ำค่ามา เขาก็สามารถขายแล้วเอาเงินไปให้บุตรชายฝึกฝนได้ เยี่ยม!
"อาเฟย นำทางไป" หลี่ฉางชิงตะโกน
อสูรจินซือไม่กล้าละเลย มันรีบลุกขึ้น วิ่งไปที่ไกลๆ
"พวกเราตามมันไปเถอะ"
ทุกคนเดินตามอสูรจินซือไป
"ท่านผู้อาวุโสฉางชิง ท่านผู้อาวุโสฉางชิง ท่านไม่บินแล้วเหรอ? ข้าน้อยให้ท่านยืมกระบี่ได้นะขอรับ!" อิ๋นชางหลีเดินตามมา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ตะโกนเรียกหลี่ฉางชิง
"ไอ้เด็กเวรนี่!" มู่ฉิงเก๋อพูดไม่ออก "ปกติกระบี่ของเจ้า แม้แต่ข้าที่เป็นอาจารย์ยังแตะไม่ได้ ตอนนี้กลับยื่นให้คนอื่นใช้เนี้ยนะ?"
"อีกอย่าง ถ้าสหายฉางชิงบิน พวกเราจะตามทันได้อย่างไร? คิดซะบ้างสิ!"
มู่ฉิงเก๋อถลึงตาใส่อิ๋นชางหลี นางรู้สึกว่าศิษย์คนนี้คงจะเก็บไว้ไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ยังอยากจะไปที่แดนโบราณเต๋าซานเพื่อพบกับเสวี่ยเฉียนไป๋
ตอนนี้กลับดียิ่งนัก เปลี่ยนใจกลายเป็นหลี่ฉางชิงเสียแล้ว
เจ้านี่ช่างเป็นผู้ชายหลายใจจริงๆ!
หลี่ฉางชิงใช้วิชาปีกหิมะลมสงบ เหินทะยานอยู่ข้างหน้าอย่างแผ่วเบา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาก็หันกลับมายิ้ม "ไอ้หนู กระบี่ของเจ้าเป็นกระบี่ที่ดี เก็บไว้เถอะ ข้าคิดว่าในอนาคตเจ้ามีโอกาสเป็นเซียนกระบี่อยู่นะ"
"จริงเหรอขอรับ?" อิ๋นชางหลีตื่นเต้นมาก
"ไอ้เด็กเวรนี้ยังไม่รู้ตัวอีก ฟังยังไงก็เป็นคำพูดเพื่อมารยาท" มู่ฉิงเก๋อพูดไม่ออก นางได้แต่คิดอยู่ในใจ
ทุกคนเดินตามอสูรจินซือไปทางทิศใต้ ใช้เวลาสองเค่อ จึงเห็นหุบเขาอยู่ข้างหน้า
"ซู่ๆๆ"
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงน้ำไหลดังมาจากหุบเขา มองดูก็เห็นแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านหุบเขานั้น
กระแสน้ำเชี่ยวกราก ไหลเร็วมาก ถ้าคนธรรมดาตกลงไป คงจะถูกพัดหายไปในพริบตา
ใครจะไปรู้ว่าในเวลานี้ อสูรจินซือกลับกระโดดลงไปในแม่น้ำ
"หรือว่าทางเข้าอยู่ในแม่น้ำ?" ซวีมู่ไห่เอ่ยพลางมองดูแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว
"เข้าไปดูก็รู้แล้ว" มู่ฉิงเก๋อยิ้มตอบ
หลี่ฉางชิงกลับลำบากใจ เขาว่ายน้ำไม่เป็นนี่นา!