บทที่ 33 สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง
ตอนที่ 33 สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง
มันคือสัตว์อสูรตัวหนึ่ง ร่างกายเปล่งประกายสีทอง กำลังหมอบอยู่บนพื้น แยกเขี้ยวขู่คำรามใส่ซวีมู่ไห่และคนอื่นๆ
บางทีมันก็ไม่คิดว่า วันนี้เพียงออกมาล่าเหยื่อ มันกลับเจอคนที่จัดการยาก!
ตอนที่ซวีมู่ไห่ลงมือ มันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย
ถ้าไม่ใช่เพราะความเร็วของมัน แล้วโดนฝ่ามือของซวีมู่ไห่เข้าไป มันคงแย่แนน่ๆ ภายใต้ฝ่ามือของซวีมู่ไห่ มันก็รู้แล้วว่าไอ้อ้วนผู้นี้ยุ่งด้วยไม่ได้
"นี่มัน..." มู่ฉิงเก๋อเดินเข้ามาใกล้ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง!"(ไหมทองประกาย)
"แม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูรจินซือหลินหลาง แต่นี่ไม่ใช่สัตว์อสูรจริงๆ แต่มันเป็นจิตวิญญาณภาพวาด" ซวีมู่ไห่จ้องมองไปที่สัตว์อสูรตัวนั้น แล้วเอ่ยออกมา
"จิตวิญญาณภาพวาด?"
มู่ฉิงเก๋อเพ่งมองอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "จริงด้วย!"
มีเพียงหลี่ฉางชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่มึนงง
สัตว์อสูรจินซือหลินหลางอะไรกัน?
พูดซะฟังดูยิ่งใหญ่
นี่มันไม่ใช่แค่สุนัขตัวหนึ่งงั้นเหรอ?
แถมยังเป็นพันธ์โกลเด้นอีกด้วย
ชาติก่อนพบเห็นได้ทั่วไป ทำไมพอมาถึงแดนชางหยวนแห่งนี้ ไหงชื่อมันถึงได้ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ล่ะเนี้ย?
"จิตวิญญาณภาพวาดคืออะไร?" หลี่ฉางชิงไม่เคยเห็นบันทึกในตำรา แต่เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็น และอยากจะถาม
แต่ถ้าถามออกไป ซวีมู่ไห่ต้องสงสัยแน่ๆ ว่าผู้เชี่ยวชาญไร้เทียนทานอย่างเขา ทำไมถึงไม่รู้ว่าจิตวิญญาณภาพวาดคืออะไร?
"ท่านอาจารย์ จิตวิญญาณภาพวาดคืออะไร?" ในเวลานี้เอง อิ๋นชางหลีที่เดินตามหลังมู่ฉิงเก๋อ เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เด็กดี มีอนาคต" หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะมองอิ๋นชางหลีด้วยสายตาชื่นชม
"สัตว์อสูรจินซือหลินหลางตัวนี้ไม่ใช่สัตว์อสูรจริงๆ แต่มันเป็นภาพวาด ส่วนจิตวิญญาณภาพวาดก็คือ สัตว์อสูรจินซือหลินหลางในภาพวาด ดันเกิดมีวิญญาณขึ้นมา แล้ววิ่งออกมาจากภาพวาด มันจึงกลายเป็นแบบนี้"
มู่ฉิงเก๋อยิ้มเบาๆ "ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดชาวบ้านถึงเสียอายุขัย"
ซวีมู่ไห่ก็พยักหน้า "สัตว์อสูรจินซือหลินหลางตัวนี้ น่าจะเป็นผลงานของผู้แข็งแกร่งคนไหนก็ไม่รู้ หลังจากเกิดจิตวิญญาณขึ้นมา ผ่านไปนานหลายปี ปรารวิญญาณก็เริ่มหายไป วิญญาณจึงวิ่งออกมาจากภาพวาด"
"มันใช้การล่าเหยื่อ ดูดพลังบ่มเพาะและอายุขัยของคนอื่น มาเติมเต็มจิตวิญญาณของตัวเอง"
ซวีมู่ไห่ยังคงตกใจอยู่บ้าง "วิญญาณภาพวาดที่เกิดขึ้นมา กลับมีขอบเขตบ่มเพาะเสียนเทียน บางทีอาจจะเป็นจิตรกรเซียนรุ่นไหนก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นกู้หานซีก็เป็นได้"
"กู้หานซี!" เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของมู่ฉิงเก๋อก็เป็นประกาย "แบบนี้ก็หมายความว่า สุดท้ายกู้หานซีอาจจะเคยมาที่นี่จริงๆ สินะ?"
"บางทีอาจจะพบเบาะแสของดอกสามกำเนิดก็ได้" ซวีมู่ไห่หัวเราะเสียงดัง นางม้วนแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็พูดว่า "แต่ก่อนอื่น เราต้องจับวิญญาณภาพวาดตัวนี้ให้ได้ก่อน"
"สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง ถ้าจับมันได้ กลับไปให้เจ้าตึกฝูถูในแดนโบราณเต๋าซานคิดหาวิธีผนึกพลังวิญญาณของมันไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะเพิ่มพลังให้กับแดนโบราณเต๋าซานได้"
"แต่สหายเต๋าซวี จิตวิญญาณภาพวาดตัวนี้ หุบเขาหมอเทวะของพวกเราก็อยากได้เช่นกัน" มู่ฉิงเก๋อก็ยิ้มแล้วพูด
"จ้าวขุนเขาซวี ไอ้นี่มันแพงมากหรือเปล่า?" ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงที่จ้องมองสุนัขพันธ์โกลเด้นตัวนี้มาโดยตลอด เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
"แพง?" เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ ซวีมู่ไห่ก็ตกตะลึง เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนใช้คำว่าแพงมาอธิบายจิตวิญญาณภาพวาด
หรือว่าหลี่ฉางชิงไม่รู้คุณค่าของจิตวิญญาณภาพวาด?
แต่ต่อมาซวีมู่ไห่ก็เข้าใจ เพราะหลี่ฉางชิงไม่ได้เดินบนวิถีของการวาดภาพ แต่เขาเดินบนวิถีของการแกะสลัก ถ้าไม่รู้จักจิตวิญญาณภาพวาด ย่อมเป็นเรื่องปกติ
"พี่ฉางชิง จิตวิญญาณภาพวาดไม่ใช่สิ่งที่ซื้อได้ด้วยเงิน โดยเฉพาะสัตว์อสูรจินซือหลินหลาง มันเป็นสัตว์อสูรที่หายาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผลงานของจิตรกรเซียน ดังนั้นมันจึงเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง"
"มีสัตว์อสูรขอบเขตเสียนเทียนอยู่ข้างกาย ทำอะไรก็สะดวก แม้แต่ตอนสู้กับคนอื่น มันก็สามารถเพิ่มพลังให้กับท่านได้อย่างมาก" ในดวงตาของซวีมู่ไห่มีแสงสว่าง ราวกับว่าสัตว์อสูรจินซือหลินหลางตัวนี้เป็นของเขาแล้ว
"พลังของศิษย์หุบเขาหมอเทวะของพวกเรา ด้อยกว่าคนของแดนโบราณเต๋าซานอยู่แล้ว สิ่งนี้อยู่ข้างกายข้า ถึงจะดีที่สุด" เห็นได้ชัดว่ามู่ฉิงเก๋อไม่ยอมแพ้ นางเองก็อยากจะได้เช่นกัน
"พลังขอบเขตเสียนเทียน..." หลี่ฉางชิงลูบคาง เขาจ้องมองไปที่หมาโกลเด้นตัวนั้น พึมพำกับตัวเอง "ถ้าไอ้นี่อยู่ข้างกายบุตรชาย บุตรชายก็ไม่ต้องกลัวผู้ฝึกยุทธขอบเขตเสียนเทียนสินะ?"
"ความปลอดภัยมีหลักประกันแล้ว!" หลี่ฉางชิงมองไปที่หมาโกลเด้น เอ่อ… ไม่สิ สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง เขาก็รู้สึกคาดหวังขึ้นมา
"เทพธิดาฉิงเก๋อ พวกเราสองคนจับมันก่อน แล้วค่อยว่ากัน ไอ้นี่มันเร็วมาก ถ้าอยากจะจับมัน คงต้องใช้พลังอยู่บ้าง" ซวีมู่ไห่ขยับคอ
"ได้" มู่ฉิงเก๋อสะบัดฝ่ามือ เข็มเงินหลายสิบเล่มก็ลอยอยู่ตรงหน้านางในพริบตา
สัตว์อสูรจินซือหลินหลางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย มันจ้องมองทั้งสองคนด้วยความระมัดระวัง
และในชั่วลมหายใจต่อมา ทั้งสองคนก็ลงมือพร้อมกัน
ด้วยวิชาย่างก้าวเทวะ ความเร็วของซวีมู่ไห่รวดเร็วมาก ร่างกายทิ้งร่องรอยไว้หลายรอย ในขณะเดียวกัน ปราณหยวนรอบๆ ตัวก็พุ่งพล่าน บนฝ่ามือมีอักขระปรากฏขึ้น
"ตรึงร่าง!"
พร้อมกับเสียงตะโกนเบาๆ อักขระบนฝ่ามือของซวีมู่ไห่ก็กลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ในพริบตา ใหญ่กว่าฝ่ามือที่เขาใช้ก่อนหน้านี้มาก มันปกคลุมท้องฟ้า ราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่าง
พลังของอักขระตราประทับห้าขุนเขาขั้นที่สี่ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ…
พลังของซวีมู่ไห่ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งมากจริงๆ
"วิชาตราประทับห้าขุนเขาของสหายเต๋าซวี ช่างเก่งกาจยิ่งนัก ฝึกฝนจนถึงขั้นที่สี่อย่างตรึงร่างแล้ว" มู่ฉิงเก๋อตกใจอยู่บ้าง
สัตว์อสูรจินซือหลินหลางคำรามเบาๆ ร่างกายกลายเป็นแสงสีทองอีกครั้ง หลบการโจมตีของซวีมู่ไห่ไปได้อย่างหวุดหวิด ความเร็วก็ยิ่งรวดเร็วกว่าเดิม
ในขณะเดียวกัน กรงเล็บที่แหลมคมก็ตะปบลงมา ราวกับจะแยกภูเขาออกเป็นสองส่วน
"ไร้ชีวี!"
ซวีมู่ไห่ตะโกนเสียงดัง ร่างกายเปล่งประกายสีทอง ในขณะเดียวกันก็ต่อยหมัดออกไป ชนกับสัตว์อสูรจินซือหลินหลางโดยตรง
ด้วยทักษะไร้ชีวี สัตว์อสูรจินซือหลินหลางทำอะไรซวีมู่ไห่ไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ถูกซวีมู่ไห่กระแทกถอยหลังไป
"โอกาสดี" เมื่อเห็นสัตว์อสูรจินซือหลินหลางถูกกระแทกถอยหลัง มู่ฉิงเก๋อที่รอโอกาสอยู่ นางก็ลงมือในที่สุด
เข็มเงินหลายสิบเล่มในมือนางพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว บนเข็มเงินนั้นมีด้ายพันอยู่ ในพริบตาก็ทอเป็นตาข่ายอยู่ด้านหลังสัตว์อสูรจินซือหลินหลาง ในขณะเดียวกัน มู่ฉิงเก๋อก็งอนิ้วชี้ จากนั้นเข็มเงินจำนวนมากพุ่งตรงไปที่จุดชีพจรต่างๆ บนร่างกายของสัตว์อสูรจินซือหลินหลาง
"เวรเอ๊ย! ตงฟางปุ๊ป้ายชัดๆ!" หลี่ฉางชิงมองอย่างตกตะลึง
ไม่ว่าจะเป็นตราประทับห้าขุนเขาที่ซวีมู่ไห่ใช้ หรือเข็มไท่อี่เสวียนของหุบเขาหมอเทวะ หลี่ฉางชิงก็รู้สึกว่ามันเก่งกาจมาก
"วืด!"
ในเวลานี้ สัตว์อสูรจินซือหลินหลางเงยหน้าขึ้น บินขึ้นไปบนท้องฟ้า สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ สัตว์อสูรจินซือหลินหลางกลับมีปีกงอกออกมา!
หมาโกลเด้น มีปีกงอกออกมา? เรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ หลี่ฉางชิงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจริงๆ!
แม่งเอ้ย! ช่างเหลือเชื่อชะมัด!