ตอนที่แล้วบทที่ 31 เทพธิดาฉิงเก๋อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 สัตว์อสูรจินซือหลินหลาง

บทที่ 32 ตำรามีค่าดั่งทองคำ


ตอนที่ 32 ตำรามีค่าดั่งทองคำ

แค่เจ้าที่อยู่ในขอบเขตทุยฟ่าน?

"จ้าวขุนเขาซวี ท่านอย่าดูถูกข้าน้อยเชียวนะ เป้าหมายของข้าน้อยคือการเป็นเซียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า! ข้าน้อยเชื่อว่าข้าน้อยทำได้" อิ๋นชางหลีพูดอย่างมุ่งมั่น

"เป็นเซียนกระบี่อะไรของเจ้า!" พอพูดจบ มู่ฉิงเก๋อที่อยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือออกมา ตบหัวอิ๋นชางหลี

"โอ๊ย! ท่านอาจารย์ ตบหัวข้าอีกแล้ว ระวังข้าจะโง่เอานะ" อิ๋นชางหลีมองมู่ฉิงเก๋ออย่างน้อยใจ

"โง่แล้วข้าก็รักษาให้ได้!" มู่ฉิงเก๋อพูดอย่างไม่พอใจ "เจ้าเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวะ เจ้าที่มีกายไม้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่ตั้งใจเรียนแพทย์ศาสตร์ กลับอยากจะฝึกกระบี่ เจ้าเป็นบ้าหรือไง!?"

โดนมู่ฉิงเก๋อดุ อิ๋นชางหลีก็ทำสีหน้าเศร้าๆ

ซวีมู่ไห่ก็ยิ้ม เด็กหนุ่มอย่างอิ๋นชางหลี ย่อมมีความทะเยอทะยานและความฝัน

ใครตอนเด็กๆ ไม่เป็นแบบนี้บ้าง ใช่ไหม?

"พี่ฉางชิง พวกเราไปหาที่พักผ่อนกันเถอะ" ซวีมู่ไห่มองไปที่หลี่ฉางชิงที่นั่งอยู่บนก้อนหินในระยะไกล

แต่หลี่ฉางชิงกลับไม่ขยับ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่ซวีมู่ไห่พูด

ซวีมู่ไห่ก็รู้สึกประหลาดใจ หลี่ฉางชิงกำลังบ่มเพาะอยู่เหรอ?

"คนผู้นี้..." เมื่อได้ยินซวีมู่ไห่เรียกหลี่ฉางชิงว่าพี่ฉางชิง มู่ฉิงเก๋อก็รู้ว่าหลี่ฉางชิงคงไม่ใช่แค่บ่าวรับใช้ของซวีมู่ไห่

ดังนั้นมู่ฉิงเก๋อจึงถามด้วยความสงสัย "ท่านผู้นี้… เป็นคนของแดนโบราณเต๋าซานพวกท่านงั้นหรือ?"

"พี่ฉางชิงไม่ใช่คนของแดนโบราณเต๋าซาน เขาเป็นแค่สหายของข้า" ซวีมู่ไห่ยิ้มตอบเล็กน้อย

ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะหลี่ฉางชิงไม่ได้พูดอะไร ซวีมู่ไห่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

มู่ฉิงเก๋อมองหลี่ฉางชิงอย่างตั้งใจ ดูเหมือนจะเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ นางพยายามสัมผัสอีกครั้ง แต่นางก็ยังไม่รู้สึกถึงปราณหยวนบนร่างกายของเขาเลย

ดูเหมือนว่าสหายของผู้ฝึกยุทธก็อาจจะเป็นแค่คนธรรมดาได้สินะ?

"ในเมื่อสหายเต๋าซวีมาแล้ว พรุ่งนี้พวกเราก็จะจากไป" มู่ฉิงเก๋อพูดพลางยิ้ม "ในเมื่อมีท่านอยู่ ชาวบ้านที่นี่ก็จะปลอดภัย ส่วนอายุขัยที่พวกเขาเสียไป ข้าก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ"

"ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปแล้วหรือ? ในเมื่อมาแล้ว พวกเราไม่ไปเที่ยวที่แดนโบราณเต๋าซานหน่อยล่ะ?" อิ๋นชางหลีพูดอย่างร้อนใจ

"ไปแดนโบราณเต๋าซานอะไรของเจ้า!" มู่ฉิงเก๋อยกมือขึ้น อิ๋นชางหลีรีบเอามือปิดหัวทันที

แต่มู่ฉิงเก๋อกลับไม่ได้ตบลงไป

ซวีมู่ไห่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ไอ้หนู อยากจะท้าทายจ้าวขุนเขาเฉียนเสวี่ย พลังของเจ้ายังไม่พอ รอให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นก่อน ค่อยมาท้าทาย"

"ข้าชื่ออิ๋นชางหลี ไม่ใช่ไอ้หนู" อิ๋นชางหลีพูดอย่างไม่พอใจ "ข้าน้อยรู้ว่าตอนนี้ข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวขุนเขาเฉียนเสวี่ย แต่ข้าน้อยอยากจะเห็นกระบวนท่าสิบสามกระบี่สายฟ้าของจ้าวขุนเขาเฉียนเสวี่ย!"

"ข้าน้อยได้ยินมาว่า จ้าวขุนเขาเฉียนเสวี่ย แม้ว่าจะเป็นคนของแดนโบราณเต๋าซาน แต่กลับไม่ได้เข้าใจตราประทับห้าขุนเขาของแดนโบราณเต๋าซานพวกท่าน ตั้งใจแต่ฝึกฝนวิชากระบี่ จึงบรรลุถึงขั้นนี้ ดังนั้นข้าน้อยก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับแพทย์ศาสตร์..."

พูดไปพูดมา อิ๋นชางหลีก็รู้สึกขนลุกซู่ ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ของมู่ฉิงเก๋อที่อยู่ข้างๆ

เขาจึงรีบปิดปาก

"ฮ่าๆๆ" ซวีมู่ไห่หัวเราะ "อาจารย์ของเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นกายไม้ศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายแบบนี้ ถ้าไม่เรียนแพทย์ศาสตร์ก็เสียดายแย่ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าต้องฝึกฝนวิชากระบี่อย่างเดียว ถึงจะกลายเป็นมือกระบี่ที่แข็งแกร่งได้นะ"

ได้ยินซวีมู่ไห่พูดแบบนี้ อิ๋นชางหลีก็ยังคงบ่นพึมพำอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าคำพูดของทั้งสองคน ไม่สามารถทำให้เขาเลิกฝึกกระบี่ได้แน่นอน

และในเวลานี้เอง หลี่ฉางชิงที่นั่งอยู่บนก้อนหินก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน

ในดวงตาของเขามีแสงสว่าง เขาไม่คิดเลยว่า แม้ว่าจะไม่สามารถเรียนรู้วิทยายุทธจากละครโทรทัศน์ได้ แต่เขากลับเรียนรู้วิทยายุทธหนึ่งอย่างจากคำอธิบายในนิยายที่เขานึกถึงได้!

หลี่ฉางชิงในเวลานี้รู้สึกเสียใจอย่างมาก เข้าใจแล้วว่าตำรามีค่าดั่งทองคำ!

ถ้าหากก่อนหน้านี้เขาตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน ตอนนี้คงจะเป็นปรมาจารย์ด้านวิทยายุทธไปแล้ว

น่าเสียดายที่นิยายที่เขาเคยอ่าน จำคำอธิบายเกี่ยวกับวิทยายุทธไม่ได้แล้ว

แต่มีก็ยังดีกว่าไม่มี อย่าโลภมาก มีวิทยายุทธหนึ่งอย่างไว้ป้องกันตัว มันก็ยังดีกว่าไม่มี

"หืม?" และในเวลานี้ หลี่ฉางชิงก็เงยหน้าขึ้น มองไปบนท้องฟ้า

"พี่ฉางชิง ท่านตื่นแล้ว?" ซวีมู่ไห่เดินเข้ามาใกล้ มู่ฉิงเก๋อพาอิ๋นชางหลีเดินมาเช่นกัน มู่ฉิงเก๋อรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้เป็นใคร ถึงสามารถเป็นพี่น้องกับซวีมู่ไห่ได้

หลี่ฉางชิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด

"พี่ฉางชิง ท่านเป็นอะไร?" ซวีมู่ไห่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย แต่บนท้องฟ้ากลับไม่มีอะไรเลย

หลี่ฉางชิงขมวดคิ้ว พูดว่า "ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังมา"

"มีบางอย่าง?"

ได้ยินคำพูดนี้ มู่ฉิงเก๋อก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน แต่ก็เหมือนกับซวีมู่ไห่ นางไม่เห็นอะไรเลย

"หรือว่าสิ่งนั้นกำลังมา?" สีหน้าของซวีมู่ไห่จริงจังขึ้น

จิตวิญญาณของหลี่ฉางชิงแข็งแกร่ง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเขาเทียบได้ ดังนั้นถ้ามีบางอย่างกำลังมา หลี่ฉางชิงสัมผัสได้ พวกเขาสัมผัสไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ

"ไม่มีอะไรเลย ท่านลุง ท่านคงจะละเมอแล้วล่ะ" อิ๋นชางหลีก็พูดด้วยความสงสัย

"ใกล้เข้ามาแล้ว" หลี่ฉางชิงลุกขึ้นยืน จ้องมองไปที่ทิศทางนั้น

"ระวังตัว!"

ซวีมู่ไห่ก็พูดอย่างจริงจัง

มู่ฉิงเก๋อเห็นซวีมู่ไห่พูดแบบนี้ นางก็จริงจังขึ้นเช่นกัน

ผ่านไปสิบกว่าลมหายใจ บนท้องฟ้าก็ปรากฏจุดแสงสีทองเล็กๆ จุดแสงนั้นราวกับดาวตก พุ่งตรงมาที่หมู่บ้านแห่งนี้

"ดาวเคราะห์ร้ายมาแล้ว!"

ชาวบ้านในหมู่บ้านก็เห็นดาวตกสีทองนั้น สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะพวกเขารู้ดีว่าทุกครั้งที่ดาวตกสีทองนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็จะถูกขโมยอายุขัย แก่ลงหลายสิบปี

ชาวบ้านต่างก็แตกตื่น รีบวิ่งกลับบ้านทันที

"มาจริงๆ" มู่ฉิงเก๋อตกใจ

นางตกใจที่หลี่ฉางชิงรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้กำลังมา

ตั้งแต่หลี่ฉางชิงพูดว่าสิ่งนี้กำลังมา จนถึงตอนที่มันปรากฏขึ้น ใช้เวลาสิบกว่าลมหายใจ

นางกับซวีมู่ไห่ต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสียนเทียน แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย

คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?

แสงสีทองนั้นเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ พอมาถึงเหนือหมู่บ้าน มันก็พุ่งตรงมาที่มู่ฉิงเก๋อ

ราวกับดาวตก

มู่ฉิงเก๋อใช้วิชาเงาบัวคราม เท้าเหยียบดอกบัว ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็สะบัดฝ่ามือ เข็มเงินหลายเล่มพุ่งออกไป ราวกับฝนดอกไม้ บินตรงไปที่แสงสีทองนั้น

แต่แสงสีทองนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลบไปในพริบตา

"ย่างก้าวเทวะ!"

ร่างของซวีมู่ไห่ก็ราวกับแสง พุ่งตรงไปที่แสงสีทองนั้น ความเร็วเพิ่มขึ้นมาก

ในขณะเดียวกัน ซวีมู่ไห่ก็ใช้ฝ่ามือตบลงไป

"ผนึกหยวน!"

ฝ่ามือที่รวบรวมปราณหยวน ตบลงไป ราวกับจะผนึกทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่แสงสีทองนั้นเร็วเกินไป แม้ว่าซวีมู่ไห่จะเร็วขนาดนี้ แต่ก็ยังช้ากว่ามันเล็กน้อย

ฝ่ามือหนึ่งครั้ง ทำให้พื้นดินเป็นหลุมลึก

แต่แสงสีทองนั้นกลับหลบไปไกลๆ

และเมื่อแสงสีทองนั้นหยุดลง ทุกคนก็เห็นแล้วว่าแสงสีทองนั้นคืออะไร…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด