ตอนที่แล้วบทที่ 29 วิชาปีกหิมะลมสงบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 เทพธิดาฉิงเก๋อ

บทที่ 30 เทือกเขาหนานซาน


ตอนที่ 30 เทือกเขาหนานซาน

สามารถมองทะลุและเลียนแบบวิชาปีกหิมะลมสงบได้อย่างง่ายดาย ปราณวิญญาณระดับนี้ ในสายตาของซวีมู่ไห่ ปราณวิญญาณของหลี่ฉางชิงต้องบรรลุถึงระดับจิตรกรศักดิ์สิทธิ์แล้ว

จิตรกรศักดิ์สิทธิ์!

เป็นกลุ่มคนที่ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดของแดนชางหยวน

จิตรกรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนในแดนชางหยวนล้วนมีชื่อเสียงโด่งดัง แค่จามก็สามารถทำให้ทั้งแคว้นสั่นสะเทือนได้

การบ่มเพาะของพวกเขาลึกลับ และไร้ขอบเขต พวกเขารวบรวมวิทยายุทธได้มากมาย ลงมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงสวรรค์และปฐพีได้

ในสายตาของคนธรรมดา พวกเขาไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้า

ภาพวาดของจิตรกรศักดิ์สิทธิ์ หายากมาก

ทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติล้ำค่า!

ดังนั้นในสายตาของซวีมู่ไห่ หลี่ฉางชิงต้องมีอดีตที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ มิฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับจิตรกรศักดิ์สิทธิ์ จะยอมมาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเหยียนเล็กๆ นี้ได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังปิดบังวิทยายุทธของตัวเองอย่างมิดชิด ก็เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ที่มาของเขา

ซวีมู่ไห่ถอนหายใจเบาๆ

แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับจิตรกรศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังต้องยอมแพ้ต่อโชคชะตางั้นหรือ?

หลี่ฉางชิงไม่รู้เลยว่า ซวีมู่ไห่ที่อยู่ข้างหลังเขากำลังมองแผ่นหลังของเขา ในสมองกำลังคิดเรื่องราวที่ซับซ้อน

ถ้าหลี่ฉางชิงรู้เข้า เข้าคงจะอาเจียนเป็นเลือดแน่แท้!

การที่เขาไม่ได้ใช้วิชาตัวเบา นั่นเพราะเขาไม่รู้วิชาตัวเบาอะไรเลยต่างหาก!

ถ้าไม่เรียนรู้วิชาปีกหิมะลมสงบของซวีมู่ไห่ ตอนนี้เขาก็คงจะยังวิ่งไม่ออกจากประตูตระกูลเหยียนเลยมั้ง!

จนกระทั่งถึงตอนเย็น ทั้งสองคนก็มาถึงเขตเทือกเขาหนานซาน

"ท่านผู้อาวุโสฉางชิง พวกเรามาถึงแล้ว" ซวีมู่ไห่กับหลี่ฉางชิงยืนอยู่บนต้นไม้โบราณ มองไปข้างหน้า

เทือกเขาที่ทอดยาว ดูสูงตระหง่าน แถมตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ทิวทัศน์กลับมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

เมฆยังคงลอยอยู่บนยอดเขา ลมพัดมา พัดพากลิ่นหอมของป่า

"เหมืองสองแห่งของตระกูลเหยียนอยู่ที่นี่" ซวีมู่ไห่แนะนำ "ในเทือกเขานี้ มีหุบเขาเก้าแห่ง เมืองสิบแปดแห่ง หมู่บ้านเล็กหมู่บ้านใหญ่นับร้อยแห่ง"

ระหว่างทาง หลี่ฉางชิงก็ได้ยินซวีมู่ไห่เล่าเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่

มีคนมากมายเห็นดาวตกตกลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาก็หมดสติไป พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าอายุขัยลดลง

คนงานเหมืองต่างก็หนีไปหมด แม้ว่าจะให้เงินมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครยอมมา

เรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ

แม้แต่ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลเหยียนก็ยังถูกดูดพลังไป ตอนนี้เหลือแค่ขอบเขตทุยฟ่าน

มันคืออะไรกันแน่?

หลังจากที่ฟังจบ หลี่ฉางชิงก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองมา

สิ่งที่น่ากลัวแบบนี้ ถ้ากลับไปแล้วเขาอาจจะกลายเป็นตาแก่ก็เป็นได้

"ท่านคิดออกแล้วเหรอ?" หลี่ฉางชิงมองซวีมู่ไห่แล้วถาม

"ก็ประมาณนั้น" ซวีมู่ไห่พยักหน้า เขามีข้อสันนิษฐาน แต่ไม่กล้าฟันธง

"ท่านผู้อาวุโส คงจะคิดออกอยู่แล้วใช่ไหม?" ซวีมู่ไห่มองหลี่ฉางชิงอย่างจริงจัง ในสายตาของเขา เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ หลี่ฉางชิงคงจะรู้ดี

"อืม" หลี่ฉางชิงตอบรับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

"ขอคำแนะนำจากท่านผู้อาวุโส" ซวีมู่ไห่รีบพูดด้วยความตื่นเต้น

"ก็เหมือนกับที่เจ้าคิด" หลี่ฉางชิงพูดอย่างจริงจัง

"แล้วก็ ท่านอย่าเรียกข้าว่าท่านผู้อาวุโสเลย ฟังแล้วดูแก่ยังไงไม่รู้ เรียกชื่อข้าก็พอ"

"นี่..." ซวีมู่ไห่ตกตะลึง หลี่ฉางชิงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ เขาจะกล้าเรียกชื่อได้อย่างไร?

"ถ้าไม่ชิน งั้นก็เรียกข้าว่าพี่ฉางชิงก็ได้" หลี่ฉางชิงพยักหน้า

ก่อนที่ซวีมู่ไห่จะพูดอะไร หลี่ฉางชิงก็แกล้งทำเป็นพูดอย่างลึกลับว่า "ท่านไม่สังเกตเห็นเหรอ? สิ่งนั้นซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาหนานซานแห่งนี้ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่"

ซวีมู่ไห่มองไปที่ป่า "ท่านผู้...เอ่อ พี่ฉางชิง ท่านมองเห็นอะไรงั้นเหรอ?"

"ในป่ามีลมพัดมา แต่กลับไม่มีเสียงสัตว์"

"เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่าง" หลี่ฉางชิงพูดอย่างช้าๆ

"จริงด้วย" ซวีมู่ไห่เพิ่งสังเกตเห็น ปกติแล้วน่าจะได้ยินเสียงนกร้องบ้าง แต่ที่นี่กลับไม่มีอะไรเลย

"เข้าไปดูกันเถอะ"

ในเมื่อมาถึงแล้ว หลี่ฉางชิงก็ทำได้เพียงกัดฟันเดินหน้าต่อ

เขาหวังว่าในช่วงเวลาสำคัญ ซวีมู่ไห่จะลงมือจัดการ ถ้าซวีมู่ไห่จัดการไม่ได้ หลี่ฉางชิงก็ไม่กลัว เขาแค่วิ่งหนีให้เร็วก็พอ

ยังไงซวีมู่ไห่ก็วิ่งไม่เร็วเท่าเขา!

ถ้ามีสัตว์ประหลาดจริงๆ ร่างกายของซวีมู่ไห่ก็คงจะทำให้สัตว์ประหลาดนั้นกัดได้สักพัก เพียงพอให้เขาหนีไปได้

แม้ว่าจะรู้สึกผิดต่อซวีมู่ไห่ แต่เขาจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี หาไม้ที่ดีที่สุด มาแกะสลักเป็นป้ายหลุมศพให้ซวีมู่ไห่

ซวีมู่ไห่ไม่รู้เลยว่า ทั้งสองคนยังไม่ได้เข้าไปในเทือกเขาหนานซาน 'ผู้เชี่ยวชาญไร้เทียมทาน' หลี่ฉางชิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็คิดไปแล้วว่าจะสลักตัวอักษรอะไรบนป้ายหลุมศพของเขา…

หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปในภูเขาก็พบว่า ไม่พบร่องรอยของสัตว์ป่าในป่าเลย

ราวกับว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่

ไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดลง ทั้งสองคนเห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ จึงเดินไปทางแสงไฟนั้น

เขาพบว่าเป็นหมู่บ้าน

หมู่บ้านนั้นไม่เล็ก น่าจะมีประมาณสองถึงสามร้อยหลังคาเรือน

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูต่อหลี่ฉางชิงกับซวีมู่ไห่ที่เป็นคนนอก มีเพียงเด็กๆ หลายคนที่มองทั้งสองคนด้วยความอยากรู้อยู่บ้าง

"บรรยากาศที่นี่ดีจัง ไม่ใช่ว่ามีปีศาจร้ายอาละวาด ทำให้ไม่มีใครกล้าออกมาหรอกเหรอ?" หลี่ฉางชิงพูดอย่างไม่เข้าใจ

"พี่ฉางชิง พวกเราหาคนมาถามก็รู้แล้ว" ซวีมู่ไห่พูดจบ ก็เตรียมตัวหาคนมาถาม

"พวกท่านเป็นใคร?" ในเวลานี้ ก็มีเสียงเย็นชาหนึ่งเสียงดังขึ้น

ซวีมู่ไห่กับหลี่ฉางชิงมองไปตามเสียงนั้น พบว่าบนหลังคา มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถือกระบี่อยู่ในมือ กำลังมองซวีมู่ไห่กับหลี่ฉางชิงด้วยสีหน้าจริงจัง

เด็กหนุ่มคนนั้นดูสง่างาม สวมชุดสีขาว กระบี่ที่อยู่ข้างเอวก็ดูมีค่า

"ไม่เคยเห็นพวกท่านมาก่อน พวกท่านไม่ใช่คนในหมู่บ้าน มาที่นี่ทำไม?" เด็กหนุ่มพูดจบ ก็กระโดดลงมาจากหลังคา

เขามองซวีมู่ไห่กับหลี่ฉางชิงด้วยความระมัดระวัง

ซวีมู่ไห่มองเด็กหนุ่มตรงหน้า มองขึ้นมองลง ยิ้มแล้วพูดว่า "ดูจากเสื้อผ้าของเจ้ากับกลิ่นยาสมุนไพรบนตัวเจ้าแล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวะใช่ไหม?"

เด็กหนุ่มได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ไม่ได้ลดความระมัดระวัง กระบี่ในมือชักออกมาแล้ว "พวกท่านเป็นใครกันแน่?"

นี่แหละยุทธภพ

มาถึงก็ชักดาบ พบหน้าก็ฆ่าคน…

หลี่ฉางชิงมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เตรียมตัวไว้แล้ว เดี๋ยวถ้าสู้กัน เขาต้องหลบให้ไกลๆ

อย่าให้เลือดกระเด็นมาโดนตัวเขาก็พอ

"เสียมารยาท!" ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้น

นี่เป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดที่หลี่ฉางชิงเคยได้ยินตั้งแต่ทะลุมิติมา

เสียงนั้นราวกับสามารถชำระล้างจิตวิญญาณ เข้าไปในหัวใจของผู้คน

เห็นร่างหนึ่งลอยมา และเป็นหญิงสาว

นางสวมชุดสีขาว ดวงตาราวกับดวงดาว เหมือนกับนางฟ้าที่ลงมาจากสวรรค์

"ท่านอาจารย์" เด็กหนุ่มรีบเก็บกระบี่ โค้งคำนับอย่างนอบน้อม

"ถ้าข้าเดาไม่ผิด สหายเต๋าคงจะเป็นซวีมู่ไห่ จ้าวขุนเขาแห่งยอดเขามู่ไห่ของแดนโบราณเต๋าซานใช่หรือไม่?" ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แต่ละก้าวราวกับเหยียบดอกบัว…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด