ตอนที่แล้วตอนที่ 22 ก้าวเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24 ทำไมถึงไม่มีภาพวาดแบบอื่น?

ตอนที่ 23 หนึ่งความคิด… สวรรค์และปฐพี หนึ่งความคิด… ถึงนิรันดร์


ตอนที่ 23 หนึ่งความคิด… สวรรค์และปฐพี หนึ่งความคิด… ถึงนิรันดร์

แม้ว่าตระกูลเหยียนจะเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ในเมืองฉางถิง เมื่อเทียบกับแดนชางหยวนทั้งหมด

แต่ตำรามากมายในตระกูลเหยียนนั้น ถือว่ามีเนื้อหาที่หลากหลายมาก โดยเฉพาะสำหรับหลี่ฉางชิง ที่เป็นเหมือนคนโง่ในแดนชางหยวน

หลี่ฉางชิงไม่เคยเห็นโลกที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อน!

เขาจมดิ่งลงไปในโลกของตำรา มองดูเรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ นานา ได้รู้จักกับผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงมากมายในแดนชางหยวน

หลี่ฉางชิงยังรู้ว่าในแดนชางหยวนแห่งนี้ มีบุคคลหนึ่ง ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดของแดนชางหยวน

เขาคือจักรพรรดิแดนชางหยวน

บุคคลอันดับหนึ่งของแดนชางหยวน

ผู้ที่ไร้เทียมทาน!

มีตำนานเล่ากันว่า จักรพรรดิแดนชางหยวนอาศัยอยู่ในเมืองเทียนไห่(ทะเลสวรรค์) เขาเป็นเป้าหมายที่ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนอยากจะท้าทาย ทุกๆ ห้าสิบปี จะมีโอกาสท้าทายจักรพรรดิแดนชางหยวนหนึ่งครั้ง

ใครสามารถเอาชนะจักรพรรดิแดนชางหยวนคนปัจจุบันได้ คนๆ นั้นก็จะกลายเป็นจักรพรรดิแดนชางหยวนรุ่นใหม่

และมีตำนานเล่ากันว่า หากกลายเป็นจักรพรรดิแดนชางหยวน เขาก็จะได้รับการต้อนรับจาก "เซียน"

แต่นี่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน ในโลกนี้มีเซียนอยู่จริงหรือไม่? แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดก็ยังไม่เคยเห็น

ในตำราไม่ได้เขียนอะไรมากไปกว่านี้

ในขณะเดียวกัน หลี่ฉางชิงก็พบตำราเกี่ยวกับช่างวาดภาพเล่มหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่หลี่ฉางชิงอยากจะอ่าน

ผู้ฝึกยุทธฝึกฝนร่างกาย ช่างวาดภาพฝึกฝนจิตวิญญาณ

ปราณวิญญาณของช่างวาดภาพต้องแข็งแกร่ง ถึงจะสามารถวาดโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลได้

การบ่มเพาะปราณวิญญาณนั้น ได้มาจากการเข้าใจสวรรค์และปฐพีในระหว่างการวาดภาพ หากสามารถวาดภาพที่มีจิตวิญญาณได้ ก็จะสามารถเสริมสร้างปราณวิญญาณได้

วาดภาพเพื่อใช้ในการเสริมสร้างพลังของตัวเองสินะ?

"หรือว่าสิ่งที่ข้าสัมผัสได้ตอนแกะสลักก็คือสิ่งนี้?" หลี่ฉางชิงนึกถึงตอนที่เขาแกะสลัก ราวกับว่ามีพลังลึกลับบางอย่างเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเขา

หรือว่านั่นคือปราณวิญญาณ

หลี่ฉางชิงอ่านต่อ…

ระดับของปราณวิญญาณแบ่งออกเป็นหลายขอบเขต

บรรลุเทวะ(หรูเสิน), แปลงวิญญาณ(ฮวาหลิง), เหนือเทวะ(เสินถง), ครองบัลลังก์(หวังจั๋ว), นิรันดร(ปู้ซิ่ว), อิสระไร้สิ้นสุด(ต้าจือไจ้)

มีทั้งหมดหกขอบเขต

ส่วนขอบเขตที่สูงกว่านั้นมีหรือไม่? ไม่มีใครรู้

ช่างวาดภาพที่มีปราณวิญญาณแข็งแกร่ง หนึ่งความคิดคือจักรวาล หนึ่งความคิดคือสวรรค์และปฐพี

หนึ่งความคิดสามารถกลายเป็นะพุทธะ หนึ่งความคิดสามารถกลายเป็นปีศาจ

ทุกสิ่งทุกอย่างในสวรรค์และปฐพี ล้วนอยู่ในความคิดเดียว

หนึ่งความคิดคือชีวิต หนึ่งความคิดคือความตาย

แม้แต่สามารถมองทะลุวิทยายุทธของคนอื่น และนำมาใช้ได้อย่างง่ายดาย

พวกเขาสามารถเปลี่ยนโชคชะตา และพวกเขาสามารถย้อนเวลากลับมาได้

ตราบใดที่ปราณวิญญาณแข็งแกร่งพอ ย่อมสามารถทำได้หมด

มีตำนานเล่ากันว่า ผู้แข็งแกร่งที่บ่มเพาะจนถึงขอบเขตอิสระไร้สิ้นสุด สามารถไปถึงที่ที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ด้วยความคิดเดียว ท่องเที่ยวไปทั่วสวรรค์และปฐพี ไร้พันธนาการ อิสระอมตะนิรันดร์!

เมื่อเห็นสิ่งที่เขียนอยู่ในตำรา หลี่ฉางชิงก็ตกตะลึง

คนที่ปราณวิญญาณแข็งแกร่ง เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?

งั้นปราณวิญญาณของเขาอยู่ในระดับไหน?

หรือว่าเขาก็เก่งขนาดนั้น?

งั้นช่างวาดภาพก็ไร้เทียมทานมากใช่ไหม?

มองวิทยายุทธของคนอื่นแวบเดียวก็เรียนรู้ได้ งั้นผู้ฝึกยุทธจะทำอะไรได้?

แต่หลี่ฉางชิงคิดมากเกินไป ช่างวาดภาพสามารถทำได้จริง แต่ถ้าอยากจะมองทะลุวิทยายุทธขั้นสูงของคนอื่น แล้วนำมาใช้เป็นของตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องบรรลุถึงระดับจิตรกรศักดิ์สิทธิ์(ฮั่วเสิน)

ดังนั้นก่อนที่จะบรรลุถึงระดับจิตรกรศักดิ์สิทธิ์ ช่างวาดภาพก็แค่มีความสามารถพิเศษบางอย่าง หรือพลังในการปกป้องตัวเองเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น รอบๆ ตัวของช่างวาดภาพก็ไม่เคยขาดแคลนผู้แข็งแกร่ง

การผูกมิตรกับช่างวาดภาพ ย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพวกเขา

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ได้สมบัติล้ำค่าที่เป็นภาพวาด มันก็เป็นการเสริมสร้างพลังที่ดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกยุทธแล้ว

"ทำไมถึงไม่มีวิธีการตัดสินขอบเขตปราณวิญญาณล่ะ?" หลี่ฉางชิงพลิกตำราเล่มนี้ไปมา เขาก็ไม่พบวิธีการตัดสินขอบเขตปราณวิญญาณเลย

ปราณวิญญาณของเขาอยู่ในขอบเขตไหน?

บรรลุเทวะ?

หรือว่าแปลงวิญญาณ?

เดาไม่ออกจริงๆ

สิ่งนี้ทำให้หลี่ฉางชิงรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน แล้วใช้ปราณวิญญาณไปเรียนรู้วิทยายุทธของคนอื่นโดยประมาท เขาก็อาจจะโดนพลังตีกลับได้ง่ายๆ

ไม่เพียงแต่เรียนรู้วิทยายุทธไม่ได้ ยังอาจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บสาหัส

ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไร ใช่ไหม?

แต่หลี่ฉางชิงก็ยังอยากจะลองดูว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน ในเมื่อตำราบอกว่าช่างวาดภาพสามารถทำได้ทุกอย่างด้วยปราณวิญญาณ

งั้นเขาก็ลองทำเรื่องง่ายๆ ก่อน

หลี่ฉางชิงเห็นว่าไม่ไกลนัก มีกระถางธูปใบเล็กๆ กำลังมีควันลอยออกมา

หลี่ฉางชิงจ้องมองไปที่กระถางธูปนั้น ยื่นนิ้วออกไป กระดิกนิ้วไปที่กระถางธูปนั้น แล้วพูดว่า "มา"

พูดคำว่า "มา" กระถางธูปนั้นกลับ...

ไม่ขยับเลย!!

"เอ่อ…" หลี่ฉางชิงรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง โชคดีที่ไม่มีใครเห็น

มิฉะนั้นคงจะคิดว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ

"จริงสิ หนึ่งความคิดคือสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่พูดอะไรก็เป็นอย่างนั้น ต้องใช้ปราณวิญญาณสินะ?" หลี่ฉางชิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็พยายามสัมผัสปราณวิญญาณในทะเลจิตสำนึกของเขา

เขาสงบสติอารมณ์ลง จากนั้นโลกทั้งใบก็เหมือนจะเงียบสงบ…

ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไร โลกจิตสำนึกของเขาเป็นสีดำสนิท

เขารู้สึกว่าที่นี่เหมือนกับสวรรค์ที่แยกออกจากแดนชางหยวน

และหลังจากที่หลี่ฉางชิงเดินไปสองสามก้าว เขาก็พบว่าตรงหน้าเขามีทะเลสาบปรากฏขึ้น

น้ำในทะเลสาบนั้นสงบนิ่ง น้ำแต่ละหยดล้วนบริสุทธิ์

และเมื่อเขาเห็นทะเลสาบแห่งนี้ เขาก็เข้าใจทันที ทะเลสาบแห่งนี้คือปราณวิญญาณของเขานั่นเอง

เพียงแต่เมื่อเห็นทะเลสาบวิญญาณแห่งนี้ หลี่ฉางชิงก็ยังไม่รู้ว่าทะเลสาบแห่งนี้อยู่ในระดับไหนอยู่ดี

เขายืนอยู่ตรงหน้าทะเลสาบวิญญาณ เขารู้สึกถึงความใกล้ชิดอย่างบอกไม่ถูก

หลี่ฉางชิงรู้สึกทันทีว่า น้ำในทะเลสาบวิญญาณแต่ละหยด เหมือนกับลูกของเขา พวกมันส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข

นั่นคือความยินดีจากใจจริง!

และหลี่ฉางชิงก็รู้สึกเช่นกัน

น้ำในทะเลสาบวิญญาณแต่ละหยด เหมือนกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา รอรับคำสั่งจากเขา

ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงลืมตาขึ้น มองไปที่กระถางธูปนั้นอีกครั้ง พูดอย่างช้าๆ ว่า "มา"

กระถางธูปนั้นสั่นเล็กน้อย ในชั่วลมหายใจต่อมา มันก็ลอยขึ้นมาจริงๆ และบินตรงมาที่หลี่ฉางชิง

หลี่ฉางชิงคว้ามันไว้ในมือ

"น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" ดวงตาของหลี่ฉางชิงเป็นประกาย

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ช่างวาดภาพ แต่เขาเป็นช่างแกะสลัก จิตสำนึกเชื่อมโยงกัน พลังจิตสำนึกของเขาก็สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วย

ควบคุมสิ่งของจากระยะไกลได้ งั้นเขายังทำอะไรได้อีกล่ะ?

ในเวลานี้ หลี่ฉางชิงเหมือนกับเด็กที่พบของเล่นใหม่ เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

"ถ้าสามารถบ่มเพาะจนถึงขอบเขตอิสระไร้สิ้นสุดได้ มันก็คงจะดี" หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่เขียนอยู่ในตำรา

ไปถึงที่ที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ในพริบตา

พลังวิเศษแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เขาไปส่งอาหาร เขาก็สามารถเอาชนะคนอื่นได้!

ต่อไปนี้ อาหารในเมืองนี้จะเป็นของข้าทั้งหมด!

น่าเสียดายที่ทำได้แค่คิดฝัน หลี่ฉางชิงพบว่าตอนนี้เขายังไปไม่ถึงขอบเขตนั้น

แม้ว่าจะไปถึงขอบเขตนั้น หลี่ฉางชิงก็ไม่รู้วิธีใช้อยู่ดี

ตอนนี้เขาก็เหมือนกับผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน มีพลังภายในมากมาย แต่กลับไม่มีวิทยายุทธเลยสักวิชาเดียว

ทำได้เพียงลองผิดลองถูก…

ขณะที่หลี่ฉางชิงกำลังจะอ่านตำราเล่มอื่น จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล

หลี่ฉางชิงหันไปมอง เขาก็พบว่าเป็นผู้อาวุโสของหอว่านซูผู้นั้น

ผู้อาวุโสคนนั้นถือถาด ในถาดมีอาหารมากมาย เขายิ้มแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า "ท่านผู้อาวุโส ถึงเวลาอาหารแล้ว ท่านประมุขสั่งให้ข้านำอาหารมาให้ท่าน"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด