ตอนที่ 19 เช้าวันใหม่ที่แสนสบาย
ตอนที่ 19 เช้าวันใหม่ที่แสนสบาย
"ถามอีกคนหนึ่ง?"
หลี่เหิงเซิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ซวีมู่ไห่อยากจะรับศิษย์ ยังต้องถามอีกคนหนึ่ง?
ถามใคร?
หรือว่าเป็นเจ้าสำนัก?
แต่ในฐานะจ้าวขุนเขาแห่งยอดเขามู่ไห่ เขาน่าจะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้
แม้ว่าในใจจะมีข้อสงสัย แต่หลี่เหิงเซิงก็ไม่ได้ถามมาก ตอนนี้เขามองเห็นแสงสว่างแล้ว
ถ้าได้เป็นศิษย์ของยอดเขามู่ไห่ บางทีเขาอาจจะมีโอกาสก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียนจริงๆ
ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียน ก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า
ในอนาคต เมื่อเผชิญหน้ากับลู่เฉียวเฉียว เขาก็จะมีพลังปกป้องนางแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้น
แสงแดดที่สว่างไสวแต่ไม่แสบตา ส่องลงมาทั่วเมืองฉางถิง เมืองเล็กๆ ก็เริ่มคึกคักขึ้น
พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มออกมาทำมาค้าขาย เสียงตะโกนเรียกลูกค้าทำให้ผู้คนรู้สึกถึงบรรยากาศของตลาด
"เถ้าแก่ ขอโจ๊กหนึ่งชาม โหยวปิ่ง(แป้งทอด) หนึ่งชิ้น"
ชายสวมชุดสีเขียวคนหนึ่งนั่งลง พูดกับเถ้าแก่ร้านข้างทางที่กำลังยุ่งอยู่
"จิตรกรหลี่ เชิญเลย" เถ้าแก่รีบยิ้มแล้วพูดว่า "รอสักครู่นะ เดี๋ยวข้าจัดการให้"
พูดจบ เถ้าแก่ร้านข้างทางก็รีบวางงานในมือ เช็ดมือกับเสื้อผ้า หยิบที่คีบขึ้นมา คีบโหยวปิ่งชิ้นที่ใหญ่ที่สุดใส่จาน
จากนั้นก็ใช้ทัพพีตักโจ๊กที่ข้นที่สุดในหม้อ ใส่ลงในชามอย่างระมัดระวัง โรยเกลือกับต้นหอมเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้ม เดินมา วางของไว้บนโต๊ะ
ทำเสร็จแล้ว เขาก็หันหลังกลับ หยิบจานเล็กๆ มาอีกใบ ในจานมีผักดองอยู่
"จิตรกรหลี่ นี่เป็นผักดองที่ภรรยาข้าทำเมื่อวาน ท่านลองชิมดู"
"ได้ ขอบใจนะ" หลี่ฉางชิงพยักหน้า
เขาคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่แล้ว รู้สึกว่าชีวิตที่นี่ไม่ค่อยมีความกดดัน เทียบกับชาติก่อนแล้ว ดีกว่ามาก
แม้ว่าก่อนหน้านี้เงินส่วนใหญ่จะส่งไปให้หลี่เหิงเซิง แต่เงินที่เหลือก็เพียงพอที่จะทำให้หลี่ฉางชิงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
เพราะตอนนี้หลี่ฉางชิงไม่ต้องซื้อกระดาษกับพู่กันราคาแพงพวกนั้นแล้ว
ทุกวันเดินเล่น กินข้าว เลี้ยงดอกไม้ บางครั้งก็แกะสลักเล็กๆ น้อยๆ ชีวิตก็แสนสบาย
ช่วงนี้หลี่ฉางชิงซื้อตำรามาหลายเล่มจากร้านข้างทาง แม้ว่าตำราเหล่านี้จะเป็นนิยายผี แต่หลี่ฉางชิงก็เข้าใจเรื่องราวของโลกนี้ เข้าใจผู้ฝึกยุทธกับช่างวาดภาพจากตำราเหล่านี้
โดยเฉพาะช่างวาดภาพ หลี่ฉางชิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก
ในตำราบรรยายเรื่องของช่างวาดภาพได้อย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าปราณวิญญาณที่แข็งแกร่งนั้น มันสามารถทำได้ทุกอย่าง ทำให้หลี่ฉางชิงรู้สึกอยากรู้ เขาไม่ใช่ช่างวาดภาพ เป็นแค่ช่างแกะสลัก งั้นเขามีปราณวิญญาณที่แข็งแกร่งแบบนั้นหรือเปล่า?
ถ้ามี เขาจะใช้มันอย่างไร?
ถ้ามีจริงๆ ปราณวิญญาณของเขาอยู่ในระดับไหน?
หลี่ฉางชิงรู้สึกอยากรู้เรื่องเหล่านี้มาก
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้จักช่างวาดภาพคนไหน จึงไม่มีใครให้สอบถาม
เพียงแค่นิยายผีพวกนี้ ย่อมไม่มีทางอ้างอิงได้
ดูเหมือนว่าเมืองฉางถิงแห่งนี้จะเล็กเกินไป เขาควรจะออกไปข้างนอก เดินทางไปทั่วโลกใบนี้ดีกว่าสินะ?
ปกติแล้ว ในแดนชางหยวนแห่งนี้ ช่างวาดภาพต้องออกเดินทาง
ชมทิวทัศน์ของแดนชางหยวน ชมทิวทัศน์อันมหัศจรรย์ต่างๆ เห็นสัตว์ประหลาดต่างๆ ยิ่งเห็นมาก ก็ยิ่งวาดออกมาได้มาก
เห็นน้อย ช่างวาดภาพก็วาดอะไรไม่ออก
เพราะช่วงนี้ไม่ขาดแคลนเงิน หลี่ฉางชิงจึงแกะสลักเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ทำอย่างอื่น
เพราะงานแกะสลักของเขาดูเหมือนจะมีความสามารถพิเศษ ไม่ด้อยไปกว่าภาพวาดเลย หลี่ฉางชิงกลัวว่าถ้าแกะสลักออกมา จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน
เขาเป็นแค่คนธรรมดา ถ้าไม่มีพลังปกป้องตัวเอง ย่อมไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย
"อร่อยจริงๆ เถ้าแก่ ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลย" หลี่ฉางชิงกินโหยวปิ่งกับโจ๊กจนหมดเกลี้ยง "ผักดองนี้ก็อร่อย"
"ขอบคุณจิตรกรหลี่ที่ชม ท่านชอบก็ดีแล้ว" บนใบหน้าของเถ้าแก่มีรอยยิ้ม
ตั้งแต่หลี่ฉางชิงมาที่นี่กินข้าว ย่อมดึงดูดลูกค้ามาให้เขาโดยอ้อม
แม้แต่ช่างวาดภาพก็ยังรู้สึกว่าของที่นี่อร่อย คนอื่นๆ ก็อยากจะมาลองชิม
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงรถม้าดังมาแต่ไกล เห็นรถม้าสิบกว่าคันที่บรรทุกสินค้ากำลังเคลื่อนที่มาอย่างช้าๆ บนรถคลุมด้วยผ้าใบ บรรทุกสินค้าเต็มคันรถ
"สินค้าเยอะจัง" หลี่ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
"เป็นสินค้าของหอการค้าตระกูลเหยียน ทุกเดือนช่วงนี้พวกเขาจะไปรับสินค้า นี่เพิ่งกลับมา" เถ้าแก่ร้านข้างทางก็อธิบายให้หลี่ฉางชิงฟัง
"ตระกูลเหยียน?" หลี่ฉางชิงเลิกคิ้ว ใช่แล้ว ถ้าอยากจะหาข้อมูลพวกนี้ ตระกูลเหยียนน่าจะมี
ตระกูลเหยียนก็เป็นตระกูลใหญ่
ในบ้านน่าจะมีตำราเยอะ
บางทีอาจจะมีสิ่งที่เขาต้องการ
ส่วนวิธีไปอ่านตำราที่ตระกูลเหยียน หลี่ฉางชิงก็ไม่ได้กังวล เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เหยียนป๋อเทาจากไป เคยให้ป้ายหยกเขาไว้
มีป้ายหยกที่ประมุขตระกูลเหยียนให้ไว้ อยากจะเข้าไปในตระกูลเหยียนยังยากอีกหรือ?
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่ฉางชิงก็โยนเงินลงบนโต๊ะ เดินไปที่ตระกูลเหยียนทันที
ในเมืองฉางถิง ตระกูลเหยียนเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ เหยียนป๋อเทาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตโฮ่วเทียน
ดังนั้นทุกวัน จึงมีคนมากมายมาเยี่ยนเยียนตระกูลเหยียน
ตระกูลเหยียนมีธุรกิจมากมายในเมืองฉางถิง มีทั้งคนที่อยากจะมาหางานทำที่ตระกูลเหยียน และคนที่อยากจะใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเข้าไปในตระกูลเหยียน เพื่อเป็นองครักษ์
มีคนมากมายหลากหลายจีิงๆ
ตอนที่หลี่ฉางชิงมาถึงหน้าประตูตระกูลเหยียน เขาก็พบว่ามีคนสิบกว่าคนรออยู่ที่นี่แล้ว
แต่พวกเขาเข้าไปไม่ได้
"ตระกูลเหยียนนี่เป็นที่นิยมจริงๆ" หลี่ฉางชิงพึมพำ
จากนั้นก็จัดเสื้อผ้า เดินไปที่ประตูตระกูลเหยียน
คนที่รออยู่ข้างนอก เห็นหลี่ฉางชิงเดินเข้าไปตรงๆ พวกเขาก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ย
พวกเขารอให้พ่อบ้านของตระกูลเหยียนออกมาคัดเลือก คนผู้นี้กลับดีมาก ไม่เห็นมีของกำนัลอะไร เจ้าก็อยากจะเข้าไปในตระกูลเหยียนงั้นเหรอ?
คงไม่ใช่คนโง่หรอกมั้ง?
"หยุด รออยู่ข้างนอก" องครักษ์สองคนที่อยู่หน้าประตู เห็นหลี่ฉางชิงอยากจะเข้าไป ก็รีบขวางไว้
แต่หลี่ฉางชิงก็ไม่มีอารมณ์เล่นบทคนโง่ หยิบป้ายหยกออกมา วางไว้ตรงหน้าทั้งสองคน
องครักษ์สองคนเห็นป้ายหยกในมือของหลี่ฉางชิง พวกเขาก็ตกใจทันที
นี่ไม่ใช่ป้ายหยกธรรมดา
นี่คือป้ายหยกต้ากงเฟิง! (กงเฟิงแปลว่าผู้มีเกียรติหรือผู้อาวุโสทรงเกียรติ ต้ากงเฟิงคือผู้มีเกียรติระดับสูงสุด)
"เชิญเลย เชิญท่านเลยขอรับ" องครักษ์สองคนรีบพูดกับหลี่ฉางชิง
"ขอบคุณ" หลี่ฉางชิงพูดขอบคุณ จากนั้นก็เดินเข้าไปในตระกูลเหยียน
ทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกตกตะลึง
มันเกิดอะไรขึ้น?
"ทำไมเขาถึงเข้าไปได้ แต่พวกเราเข้าไปไม่ได้" ชายร่างใหญ่คนหนึ่งตะโกนใส่หน้าองครักษ์สองคนด้วยความโกรธ
พวกเขารู้แค่ว่าหลี่ฉางชิงหยิบป้ายอะไรบางอย่างออกมาให้องครักษ์สองคนดู แต่พวกเขามองไม่เห็นว่ามันคืออะไร?
องครักษ์ของตระกูลเหยียนก็ขี้เกียจสนใจพวกเขา
ในเวลานี้ ชายสวมชุดสีขาวคนหนึ่งในฝูงชนเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "ข้าก็มีป้ายเช่นกัน พี่ชายทั้งสอง ช่วยหน่อยนะ"
พูดจบก็หยิบป้ายออกมาหนึ่งอัน ยื่นให้ทั้งสองคนดู
องครักษ์สองคนมองดู บนป้ายนั้นมีตัวอักษรหนึ่งตัว
凤 เฟิ่ง… (นกฟีนิกซ์จีน ตัวผู้เรียก เฟิ่ง ตัวเมียเรียก หวง)
ชายคนนั้นยิ้มกว้าง "บัตรส่วนลดของหอเฟิ่งชิง พี่ชายทั้งสอง ใช้บัตรนี้ลดได้สามส่วน ข้าสามารถพาพวกพี่ไปเที่ยวได้นะ"
"ไสหัวไป"