ตอนที่ 17 ผู้เยาว์นามว่าหลี่เหิงเซิง
ตอนที่ 17 ผู้เยาว์นามว่าหลี่เหิงเซิง
"รอหน่อย รอหน่อย ข้าขอดูก่อน" ชายร่างใหญ่หนวดเคราสีแดงเกาหัว มองกระดานหมากล้อม ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะพลิกสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?
"ไม่ต้องคิดแล้ว" เสวี่ยเฉียนไป๋ยกถ้วยชาขึ้นอย่างใจเย็น ถ้วยชานั้นมีไอร้อนลอยขึ้นมา ดูโดดเด่นมากท่ามกลางหิมะ
"เจ้าถ่วงเวลามานานพอแล้ว และคนก็จากไปแล้ว"
เสวี่ยเฉียนไป๋จิบชาหนึ่งอึก "ถ้าเจ้ายังไม่ให้ข้า ข้าก็คงต้องชักกระบี่"
"เหะๆ ดูเหมือนว่า ข้าจะแพ้จริงๆ สินะ?" ฉู่ป้ายิ้มกว้าง ลุกขึ้นยืน หยิบจดหมายออกมาหนึ่งฉบับ "นี่ๆ นี่คือข่าวลับของราชวงศ์ชิงหยางในช่วงครึ่งปีมานี้ ด้านล่างมีส่วนหนึ่งเกี่ยวกับองค์หญิง"
พูดจบ ฉู่ป้าก็ยิ้มแล้วพูดว่า "งั้นข้าไปก่อนนะ"
เสวี่ยเฉียนไป๋ไม่ได้พูดอะไร และไม่สนใจคำพูดของฉู่ป้า
ฉู่ป้าจึงหันหลังกลับ แล้วเดินจากไป
ฉู่ป้ามาที่นี่ ใช้ข่าวกรองของราชวงศ์ชิงหยางมาถ่วงเวลาเสวี่ยเฉียนไป๋
ถ้าเป็นคนอื่น เสวี่ยเฉียนไป๋คงจะชักกระบี่ฆ่าทิ้งไปนานแล้ว แต่ฉู่ป้าผู้นี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ถ้าลงมือในแดนโบราณเต๋าซานแห่งนี้ มันก็อาจจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน
เรื่องที่เกิดขึ้นนอกประตูเขา เสวี่ยเฉียนไป๋รู้ดี แต่เพราะมีซวีมู่ไห่อยู่ เสวี่ยเฉียนไป๋ก็ไม่ได้กังวลมากนัก
ถ้าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จริงๆ เสวี่ยเฉียนไป๋ก็จะลงมือ
แต่ตอนนี้ เสวี่ยเฉียนไป๋สนใจข่าวกรองของราชวงศ์ชิงหยางมากกว่า
หรือจะพูดว่า คนที่เสวี่ยเฉียนไป๋สนใจก็คือองค์หญิงของราชวงศ์ชิงหยาง
หลังจากอ่านข่าวกรองในมือจบ เสวี่ยเฉียนไป๋ก็อ่านส่วนที่เกี่ยวกับองค์หญิงอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากนั้นเสวี่ยเฉียนไป๋ก็หยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัวลงไป
จวินไหลเซี่ยนอู่
(เชิญมาร่ายรำ ซึ่งมีความหมายโดยนัยว่า "เชิญท่านมาเยี่ยนเยียน" หรือ "เชิณท่านมาเพื่อให้เกียรติ" โดยทั่วไปจะใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการหรือสุภาพ เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้มาเยือน)
หลังจากเขียนตัวอักษรทั้งสี่ตัวจบ เสวี่ยเฉียนไป๋ก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างราวกับสามารถทะลุผ่านท้องฟ้า เขาเห็นนกอินทรีสีขาวบริสุทธิ์ตัวหนึ่งบินมาจากหิมะ
นกอินทรีตัวนั้นบินลงมาตรงหน้าศาลาหิมะ
"ไป๋หลิง ฝากด้วยนะ" เสวี่ยเฉียนไป๋ใส่จดหมายลงในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็ผูกไว้ที่ขาของนกอินทรี นกอินทรีมองเสวี่ยเฉียนไป๋ สะบัดปีกขนาดใหญ่ บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
บินไปยังที่ไกลๆ
….
ดวงอาทิตย์ตกดิน
ในที่สุดศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซานก็กลับมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เกิดสงครามครั้งใหญ่ จ้าวขุนเขาสี่คนของแดนโบราณเต๋าซานลงมือพร้อมกัน บวกกับศิษย์ขอบเขตโฮ่วเทียนหลายร้อยคน ตำหนักหมิงซิ่งกับตึกสิบหยินไม่ได้เปรียบเลย
ตึกสิบหยินมีเพียงฉงอวิ๋นเหนียงมาคนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่ตำหนักหมิงซิ่งกลับมาหลายคน
เกือบทั้งหมดตาย ณ ที่นี้
เจียงหู่ได้ใช้ภาพวาดล้ำค่าเพื่อหนีไป
ส่วนฉงอวิ๋นเหนียงก็บาดเจ็บสาหัส และนางก็จากไปเช่นกัน
จ้าวขุนเขาทั้งสี่คนไม่ได้ไล่ตาม
ตอนเย็น ทุกคนก็กลับมาถึงแดนโบราณเต๋าซาน
ระหว่างทาง หลี่เหิงเซิงไม่ได้พูดอะไร เขาดูเงียบขรึมมาก
ศิษย์ที่ปกติสนิทกับหลี่เหิงเซิงก็เข้ามาทักทาย หลี่เหิงเซิงก็ไม่ได้สนใจ พวกเขาก็ได้แต่ปลอบใจ บอกว่าในอนาคตจะได้พบกับลู่เฉียวเฉียวอีกครั้งแน่นอน
เพียงแต่พวกเขาพูดแบบนั้น แต่ในใจก็รู้ดีว่าความหวังริบหรี่
ลู่เฉียวเฉียวไปที่ไหนรู้ไหม?
นั่นคือดินแดนรกร้าง!
มันคือจักรวรรดิโบราณฉางเย่ คือดินแดนของเผ่าพันธุ์ภูตผี!
ความหวังที่จะได้พบกันอีกครั้งในชาตินี้ แทบจะเป็นศูนย์…
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมลู่เฉียวเฉียวถึงถูกเลือก แต่ลู่เฉียวเฉียวก็ได้เป็นนักบุญศักดิ์สิทธิ์ของจักรวรรดิโบราณฉางเย่
ส่วนหลี่เหิงเซิงเป็นแค่ศิษย์รับใช้ของแดนโบราณเต๋าซาน ในอนาคตช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น ทั้งสองคนอยู่คนละโลกกันจริงๆ
เมื่อกลับมาถึงแดนโบราณเต๋าซาน ศิษย์ทุกคนก็โล่งใจ
บางคนสูดอากาศเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม สัมผัสได้ถึงความรู้สึกปลอดภัย
ในระยะไกล ศิษย์ของยอดเขาว่านไจ่หลายคนก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขา ราวกับว่ารู้แล้วว่าพวกเขาเจอเรื่องอะไรมาข้างนอก
หลี่เหิงเซิงเห็นสวีเยว่เยว่ในฝูงชน สวีเยว่เยว่ก็มองหลี่เหิงเซิงเช่นกัน เพียงแต่ดวงตาของนางแดงก่ำ ราวกับเพิ่งร้องไห้มา
"ข้าจะกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาบงการอีกต่อไป" หลี่เหิงเซิงพึมพำกับตัวเอง "ศิษย์น้องลู่ พวกเราจะได้พบกันอีกครั้ง คำตอบที่เจ้าต้องการ วันนั้นมาถึง ข้าจะให้คนทั้งแดนชางหยวนได้ยิน"
"กลับไปพักผ่อนกันเถอะ" ในเวลานี้ จ้าวขุนเขาคนหนึ่งเดินออกมา สายตาจับจ้องไปที่หลี่เหิงเซิง "เจ้าตามข้ามา"
"ขอรับ" หลี่เหิงเซิงรู้ว่าคนๆ นี้คือจ้าวขุนเขาแห่งยอดเขาซิงอวี้(คุมขัง) นานว่าหลี่จื้อ ดูแลเรื่องการลงโทษศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน
ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างก็พูดคุยกันเบาๆ ไม่รู้ว่าจ้าวขุนเขาแห่งยอดเขาซิงอวี้มาหาหลี่เหิงเซิงทำไม
"ตามข้ากลับไปที่ยอดเขาซิงอวี้ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า" หลี่จื้อพูดอย่างใจเย็น
ลู่เฉียวเฉียวถูกคนพาตัวไป ยิ่งไปกว่านั้น ตำหนักหมิงซิ่งกับตึกสิบหยินต่างก็แย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้แต่จักรวรรดิโบราณฉางเย่ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวก็ยังลงมือ ทำให้พวกเขาอยากรู้มากว่าลู่เฉียวเฉียวมีอะไรพิเศษ
เห็นได้ชัดว่า ลู่เฉียวเฉียวสนิทกับหลี่เหิงเซิงมาก บางทีอาจจะพบเบาะแสจากหลี่เหิงเซิงก็ไเป็นด้
พวกเขาข้ามสะพานเชือก ไม่ใช่แค่หลี่เหิงเซิงกับหลี่จื้อ จ้าวขุนเขาอีกห้าคนที่ลงมือวันนี้ก็ตามมาด้วย
พวกเขาก็อยากรู้ความจริงเช่นกัน
หลี่จื้อพาหลี่เหิงเซิงมาถึงถ้ำบ่มเพาะของเขาโดยตรง
หลี่เหิงเซิงมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยู่บ้าง สภาพแวดล้อมที่นี่สวยงาม แม้แต่รู้สึกได้ว่าปราณแก่นแท้นของสวรรค์และปฐพีก็ยังอุดมสมบูรณ์มาก ถ้าบ่มเพาะที่นี่ ความเร็วต้องเร็วขึ้นอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้หลี่เหิงเซิงแน่วแน่ในความคิดหนึ่ง ถ้าอยากจะเป็นผู้แข็งแกร่ง การอยู่ที่ยอดเขาว่านไจ่คงเป็นไปไม่ได้
ต้องออกมาจากที่นั่นให้ได้!
จ้าวขุนเขาทั้งหกคนนั่งลง
หลี่จื้อก็ไม่ได้เสียเวลา ถามหลี่เหิงเซิงเกี่ยวกับตัวตนของลู่เฉียวเฉียวโดยตรง
หลี่เหิงเซิงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องราวของลู่เฉียวเฉียวทั้งหมด
แต่หลังจากที่ทุกคนฟังจบ พวกเขาก็แสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา
สิ่งที่หลี่เหิงเซิงพูดไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นข่าวกรองที่แดนโบราณเต๋าซานสืบมาได้
"กุ่ยซิ่วพวกนี้เพิ่งปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหมิงหง เจ้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับลู่เฉียวเฉียวช่วงนี้ให้ฟังหน่อย" ซวีมู่ไห่เตรียมหาเบาะแสจากเรื่องนี้
"ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ลู่เฉียวเฉียวช่วงนี้ติดต่อกับใครบ้าง เล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้ให้พวกเราฟัง ไอ้หนู..." จ้าวขุนเขาร่างอ้วนคนหนึ่งชี้ไปที่หลี่เหิงเซิง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว "ยังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร"
"ผู้เยาว์นามว่า… หลี่เหิงเซิง" หลี่เหิงเซิงประสานมือคารวะ
"หลี่เหิงเซิง?" เมื่อได้ยินชื่อนี้ รูม่านตาของซวีมู่ไห่ก็หดเล็กลง
เขาคือหลี่เหิงเซิง?
ไม่แปลกใจเลยที่หาไม่เจอ ที่แท้ก็เป็นศิษย์รับใช้บนยอดเขาว่านไจ่
เขาคือบุตรชายของหลี่ฉางชิงที่ลึกลับผู้นั้น?
แต่ทำไมถึงธรรมดาขนาดนี้ล่ะ?
เดิมทีคิดว่าจะเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนธรรมดาขนาดนี้
แต่ซวีมู่ไห่ไม่ได้พูดอะไร
คนอื่นๆ ก็ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของซวีมู่ไห่ ต่างก็มองไปที่หลี่เหิงเซิง
หลี่เหิงเซิงก็ได้แต่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้ให้ฟังอย่างละเอียด เล่าจนถึงตอนที่เขาได้รับพัสดุที่บิดาส่งมา บอกว่าลู่เฉียวเฉียวเอาแผ่นเหล็กอันนั้นไป ทำเป็นของแทนใจ
"เดี๋ยวก่อน!"
หลี่จื้อแสดงสีหน้าแปลกๆ "แผ่นเหล็กอันนั้น เจ้าบอกว่ามีตัวอักษรเขียนอยู่ มันเขียนว่าอะไร?"
"岐" หลี่เหิงเซิงพูดตามตรง
(ฉี แปลว่าทางแยก หรือแยกออก)