ตอนที่ 15 จักรวรรดิโบราณฉางเย่
ตอนที่ 15 จักรวรรดิโบราณฉางเย่
มงกุฎนั้นแผ่ซ่านความกดดันออกมาอย่างเลือนลาง ราวกับแฝงไปด้วยพลังลึกลับ
เด็กหนุ่มหาวออกมา สีหน้าดูเบื่อหน่าย
เมื่อคนยักษ์ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ พื้นดินก็สั่นสะเทือน บรรยากาศที่น่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายมโหฬาร ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่กล้าลงมือ
"อานู่ หยุดตรงนี้แหละ" เด็กหนุ่มพูดอย่างแผ่วเบา
คนยักษ์เชื่อฟัง หยุดอยู่ตรงนั้น และไม่เดินต่อ
และในเวลานี้ เด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้น
ในขณะที่เขาลืมตาขึ้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกใจ เพราะดวงตาทั้งสองข้างของเด็กหนุ่ม ไม่ใช่ดวงตาของคนปกติ
ดวงตาทั้งสองข้างนั้น หยินหยางแบ่งครึ่ง ราวกับวงกลมไท่จี๋
มันดูแปลกประหลาดมาก
สายตาของเด็กหนุ่มมองไปที่ลู่เฉียวเฉียวเช่นกัน จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า "เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ"
ถูกเด็กหนุ่มจ้องมองแบบนี้ ลู่เฉียวเฉียวก็รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะดวงตาทั้งสองข้างนั้น ยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
"ท่านเป็นใคร?" เมื่อเผชิญหน้ากับคนยักษ์และเด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ฉงอวิ๋นเหนียงกับเจียงหู่ก็รู้สึกสับสน พวกเขารู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นกุ่ยซิ่วเช่นกัน แต่เขาเป็นคนของอิทธิพลใดกันแน่?
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเจียงหู่กับฉงอวิ๋นเหนียง เด็กหนุ่มกลับไม่สนใจ เพียงแต่พูดกับลู่เฉียวเฉียวต่อ "เจ้าคือลู่เฉียวเฉียวใช่ไหม? ไปกับข้าเถอะ"
"ทำไมต้องไปกับเจ้า" ในเวลานี้ หลี่เหิงเซิงจ้องมองเด็กหนุ่มโดยไม่หวาดกลัว
กำปั้นของเขาขาวซีด แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง
เด็กหนุ่มมองหลี่เหิงเซิง ยิ้มแล้วพูดว่า "อยากจะปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก? ความคิดก็ดี แต่ความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนแอเกินไป อ่อนแอจนในสายตาของข้า เจ้าไม่ต่างอะไรกับมด"
"ข้ากำลังคุยกับลู่เฉียวเฉียว ไม่ได้คุยกับเจ้า พูดให้ถูกก็คือ มดอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะคุยกับข้า แต่วันนี้ท่านอ๋องน้อยอารมณ์ดี จึงพูดกับเจ้าสองสามประโยค เจ้ายังไม่ขอบคุณอีก?" เด็กหนุ่มยิ้มแล้วพูด
ถูกดูถูกเช่นนี้ หลี่เหิงเซิงอยากจะเข้าไปฉีกปากของมัน แต่หลี่เหิงเซิงรู้ดีว่า ถ้าเขาเข้าไป คนที่ตายก็คือเขา
"อ๋องน้อย?"
เมื่อได้ยินคำเรียกขานนี้ รูม่านตาของฉงอวิ๋นเหนียงก็หดเล็กลง แม้แต่ลมหายใจก็ยังถี่ขึ้น "เจ้าเป็นคนของจักรวรรดิโราณฉางเย่? หรือว่าเจ้าคือฉู่ฉางคง"
"ฉู่ฉางคง?" เมื่อได้ยินชื่อนี้ แม้แต่เจียงหู่ก็ยังตกใจ
จักรวรรดิโบราณฉางเย่เคยมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเพราะอะไร จักรวรรดิโบราณฉางเย่กลับหายไปในชั่วข้ามคืน จากนั้นก็หายไปนานถึงห้าสิบปี
และหลังจากผ่านไปห้าสิบปี ผู้เชี่ยวชาญของจักรวรรดิโบราณฉางเย่ก็ปรากฏตัวขึ้น ฉู่ไร้ชีวีกลายเป็นจักรพรรดิรุ่นใหม่ของจักรวรรดิโบราณฉางเย่
เขาท้าทายผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ต่อมาก็ไปท้าทายเจียงเทียนอวิ๋น จักรพรรดิแห่งอาณาจักรชางหยวนที่เมืองเทียนไห่ ผลแพ้ชนะของการต่อสู้ครั้งนั้นไม่มีผู้ใดรู้
จักรวรรดิโบราณฉางเย่ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของผู้คนอีกครั้ง เพียงแต่คนของจักรวรรดิโบราณฉางเย่ไม่ค่อยปรากฏตัวในอาณาจักรชางหยวน แม้แต่ไม่มีใครรู้ว่าจักรวรรดิโบราณฉางเย่อยู่ที่ไหน?
และเมื่อสิบห้าปีก่อน จักรวรรดิโบราณฉางเย่ก็มีอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง เขาเกิดมาพร้อมกับดวงตาหยินหยาง และมีชื่อว่าฉู่ฉางคง
อายุหกขวบก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตโฮ่วเทียน
อายุสิบเอ็ดขวบก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสียนเทียน
มีข่าวลือว่าในอนาคต คนผู้นี้มีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเสินเซียน กลายเป็นตี้เสินเซียน(เซียนเดินดิน) คนที่สองต่อจากฉู่ไร้ชีวี
(ตี้เสินเซียน 地神仙 เซียนที่ยังอาศัยอยู่ในโลกเพื่อสอนเต๋าแก่มนุษย์ เมื่อสั่งสมบุญจนเพียงพอก็จะได้รับอาณัติสวรรค์ให้เลื่อนขั้นไปอยู่บนสวรรค์)
ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เจอฉู่ฉางคงที่นี่
เจียงหู่กับฉงอวิ๋นเหนียงไม่คิดเลยว่า แม้แต่จักรวรรดิโบราณฉางเย่ที่ลึกลับ ก็ยังเข้ามายุ่งเรื่องนี้
หากฉู่ฉางคงยืนกรานจะพาลู่เฉียวเฉียวไป ตำหนักหมิงซิ่งกับตึกสิบหยินจะหยุดได้งั้นหรือ?
"ลู่เฉียวเฉียว กลับไปที่จักรวรรดิโบราณฉางเย่กับท่านอ๋องน้อยคนนี้เป็นอย่างไร?" ฉู่ฉางคงยิ้มแล้วพูดว่า "แค่เจ้ามา ข้าจะให้พระบิดาแต่งตั้งเจ้าเป็นนักบุญหญิงของจักรวรรดิโบราณฉางเย่ เจ้าจะได้ทรัพยากรที่ดีที่สุด"
"เฮอะ! ตำหนักหมิงซิ่งข้าก็ให้ได้" ในเวลานี้ เจียงหู่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า "แค่มาที่ตำหนักหมิงซิ่ง ข้ารับรองว่าในอนาคตเจ้าจะได้เข้าไปในดินแดนภาพวาดดาราจักรของตำหนักหมิงซิ่ง บ่มเพาะภาพวาดดวงดาราผู้ยิ่งใหญ่"
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พลิกผัน ฉงอวิ๋นเหนียงก็รีบร้อน รีบพูดว่า "ตึกสิบหยินข้ามีภาพวาดล้ำค่ามากมาย ภาพวาดระดับแนวหน้าก็มีนับไม่ถ้วน แค่เจ้ามา ข้อเรียกร้องใดๆ ของเจ้า พวกเราก็จะตอบสนอง"
สถานการณ์พลิกผันอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนงุนงง
ลู่เฉียวเฉียวมีอะไรดี ถึงทำให้พวกเขาแย่งชิงกันขนาดนี้?
"น่าเสียดาย ลู่เฉียวเฉียวเป็นศิษย์ของแดนโบราณเต๋าซาน พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์พานางไป" ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีร่างหลายร่างพุ่งเข้ามาจากระยะไกล
ทุกคนสวมชุดของแดนโบราณเต๋าซาน
เมื่อเห็นคนของแดนโบราณเต๋าซานมา จ้าวขุนเขาหลินเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองรอดแล้ว
ฉงอวิ๋นเหนียงก็ตกใจ แต่เมื่อนางเห็นว่าในฝูงชนไม่มีเสวี่ยเฉียนไป๋ นางก็รู้สึกโล่งใจ
"น่ารำคาญ ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วขนาดนี้" ฉู่ฉางคงพูดอย่างจนใจ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย
"ผู้เชี่ยวชาญของแดนโบราณเต๋าซาน"
"พวกเรารอดแล้ว!"
ศิษย์ของยอดเขาว่านไจ่ดีใจจนร้องไห้ออกมา หลี่เหิงเซิงก็โล่งใจ เขาดึงมือของลู่เฉียวเฉียวด้วยความตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ศิษย์น้องลู่ พวกเราปลอดภัยแล้ว"
ลู่เฉียวเฉียวมองไปที่คนของแดนโบราณเต๋าซานที่กำลังเดินเข้ามา สีหน้าของนางกลับดูเฉยเมย
"ฟุบฟุบฟุบ!"
ร่างหลายร่างล้อมรอบทุกคนเอาไว้ คนที่มามีหลายร้อยคน ล้วนแต่เป็นศิษย์สำนักในของแดนโบราณเต๋าซาน!
ขอบเขตบ่มเพาะของทุกคนล้วนไม่ธรรมดา
และร่างหกคนที่อยู่ข้างหน้าสุด ยิ่งแผ่ซ่านบรรยากาศของขอบเขตเสียนเทียนออกมา
"แดนโบราณเต๋าซานช่างระมัดระวังจริงๆ พวกเรามีแค่ไม่กี่คน แต่กลับทำให้จ้าวขุนเขาทั้งหกคนของแดนโบราณเต๋าซานต้องมาด้วยตนเอง" ฉู่ฉางคงยิ้มแล้วพูด
เจียงหู่กับฉงอวิ๋นเหนียงก็วางมือลงบนอาวุธ
"พวกผีเน่า พวกเจ้าช่างกล้าจริงๆ กล้ามาอาละวาดในเขตของแดนโบราณเต๋าซาน" จ้าวขุนเขาชุดแดงคนหนึ่งเดินออกมาพูด
"หลินเฟิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?" ในเวลานี้ ซวีมู่ไห่เดินออกมา เมื่อเห็นว่าแขนของจ้าวขุนเขาหลินเฟิงยังคงมีเลือดไหลอยู่ เขาก็รีบหยิบยาห้ามเลือดออกมาให้จ้าวขุนเขาหลินเฟิง
"อาละวาดก็อาละวาดแล้ว อยากจะลงมืออีกหรือ?" ฉู่ฉางคงไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยิ้มแล้วพูดว่า "พูดตรงๆ เลยนะ ถ้าเสวี่ยเฉียนไป๋มาเอง บางทีข้าอาจจะต้องเกรงใจบ้าง แต่พวกเจ้าแค่หกคน อานู่คนเดียวก็ฆ่าได้สามคน ท่านอ๋องน้อยคนนี้จัดการพวกเจ้าสองคนก็ไม่มีปัญหา..."
"ขยะสองคนจากตำหนักหมิงซิ่งกับตึกสิบหยิน ร่วมมือกันจัดการคนเดียวก็คงได้ เจ้าคิดว่าแดนโบราณเต๋าซานของพวกเจ้ามีโอกาสชนะมากแค่ไหน?" ฉู่ฉางคงยักไหล่
"ต้องลองดูถึงจะรู้" ซวีมู่ไห่ยังคงดูสกปรกเหมือนเดิม แต่ต่างจากวันปกติก็คือ ในเวลานี้ สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก
บรรยากาศในที่เกิดเหตุเริ่มตึงเครียด
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะลงมือ ลู่เฉียวเฉียวก็ปล่อยมือของหลี่เหิงเซิง เดินออกมา พูดกับฉู่ฉางคงว่า "อย่าลงมือ ข้าจะไปกับท่าน"