ตอนที่ 105 : มู่หรงเสวี่ยเหินยอมแพ้ !
ตอนที่ 105 : มู่หรงเสวี่ยเหินยอมแพ้ !
“มู่หรงเสวี่ยเหิน ! มู่หรงเสวี่ยเหิน !”
“เทพธิดา ! ฉันรักเธอ !”
“เทพธิดา ! ฉันพร้อมทุ่มชีวิตให้เธอเลย !”
“อ๊า.....”
ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยเหินปรากกตัว ผู้คนก็พากันโห่ร้องออกมา
ทุกคนลืมเรื่องการตายของตงฟางเหอไปเลยด้วยซ้ำ พวกเขาหันมาสนใจการแข่งขันคู่ต่อไปแทน
นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายในการสอบเข้ามหา’ลัยในปีนี้
มันตัดสินแชมป์ในการสอบเข้ามหา’ลัย มันจะได้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ของเมืองปิ้นไห่ปีนี้
“ในการแข่งรอบนี้ มู่หรงเสวี่ยเหินต้องเป็นแชมป์แน่ !”
“ฉันพนันข้างมู่หรงเสวี่ยเหิน ! ในการแข่งรอบล่าสุด เธอถึงกับเรียกนางฟ้าออกมาได้ !”
“ไม่เลว ! เธอเรียกนางฟ้าออกมาเอาชนะเฉินผิงอันไปได้ง่าย ๆ หลินลั่วน่าจะรับมือไม่ไหว ?”
“ฉันคิดว่าหลินลั่วแข็งแกร่งกว่า เขาเอาชนะตงฟางเหอได้ !”
“ใช่ ด้วยสกิลวาร์ปขี้โกงที่เขามี เขาถือว่าไร้เทียมทานก็ว่าได้ !”
“จะเป็นไปได้ยังไง ? ตงฟางเหอน่ะบาดเจ็บเพราะมังกรตัวเอง ตราบใดที่เทพธิดามู่หรงผลาญพลังจิตของหลินลั่วได้ งั้นเขาต้องแพ้แน่ !”
“ฉันเองก็คิดแบบนั้น ! สกิลวาร์ปน่ะโกงก็จริงแต่มันเปลืองพลังจิตเยอะ ตราบใดที่เทพธิดามู่หรงยื้อเวลาผลาญพลังจิตหลินลั่วไปเรื่อย ๆ งั้นเธอต้องชนะแน่ !”
“เทพธิดามู่หรงคือเทวทูตแห่งแสง ตราบใดที่เธอป้องกันและรักษาตัวเองได้เรื่อย ๆ ฉันไม่คิดว่าผู้ปลุกพลังระดับทองทั่วไปจะทะลวงการป้องกันของเธอได้หรอก !”
“ไม่เลว ไม่เลว...”
ผู้ชมพากันถกเถียงกันไปต่าง ๆ นานา คนจากตระกูลใหญ่ในห้องรับรองส่วนตัวก็พากันมองไปที่ลานประลองไม่กะพริบตา
โดยเฉพาะคนจากตระกูลมู่หรง
ตอนนั้นในห้องรับรองของตระกูลมู่หรง เพราะพวกเขาส่งคนในตระกูลไปตามหาเบาะแสของมังกร มันจึงมีเพียงแค่ 3 คนในห้องรับรอง พวกเขาพากันมองไปที่ลานประลอง
“หัวหน้าตระกูล เราชนะได้แน่ !”
“ใช่ หัวหน้าตระกูล ! เสวี่ยเหินน่ะเอาชนะเฉินผิงอันมาได้ เธอแทบจะไม่ได้ใช้พลังเลยด้วยซ้ำ ถึงหลินลั่วจะวาร์ปได้ แต่ไม่ว่าเขาจะมีลูกตุกติกเยอะแค่ไหน ทว่าเขาก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของเสวี่ยเหินได้แน่ !” พ่อของมู่หรงเสวี่ยเหิน มู่หรงเต๋าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
มู่หรงเฉินฟู่ยิ้มออกมา ตอนนี้คู่ต่อสู้ของมู่หรงเสวี่ยเหินนั้นเหลือแค่หลินลั่วคนเดียว เทพธิดาแห่งชัยชนะกำลังยิ้มให้พวกเขา
“อาเต๋า !”
“พี่ใหญ่ !”
“ตลอดหลายปีมานี้นายทำได้ดีมาก นายมีโอกาสที่จะย้ายกลับไปที่ตระกูลหลัก ลูกนายนี่แข็งแกร่งจริง ๆ !”
มู่หรงเต๋าพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณหัวหน้าตระกูล ขอบคุณพี่ใหญ่ !”
เขาอยู่ตระกูลสาขา เขาปลุกพลังได้อาชีพทั่วไปมา ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่อาจจะได้ตำแหน่งในตระกูลหลักได้เลย
ไม่คิดเลยว่าลูกสาวเขาจะช่วยทำให้ฝันเขาเป็นจริง
ลูกสาวที่ล้ำค่าของเขา !
“นายไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” มู่หรงเฉินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ เสวี่ยเหินบอกว่าอยากเข้ามหา’ลัยไหน ?”
มู่หรงเต๋ารีบตอบกลับ “เสวี่ยเหินเป็นคนเงียบ ๆ เธอยังไม่ได้บอกว่าจะเข้ามหา’ลัยไหน”
“แต่ระหว่างนี้ฉันเห็นว่าเธอน่ะหาข้อมูลเกี่ยวกับมหา’ลัยหลวง เธออาจจะอยากไปเรียนที่นั่นก็ได้”
“มหา’ลัยหลวง ?” มู่หรงเฉินฟู่พูดขึ้นมา “มหา’ลัยหลวงก็ดี มันคือที่ที่คนระดับสูงไปรวมตัวกัน”
“ถึงเสวี่ยเหินไปเรียนที่นั่น แต่ฉันก็เชื่อว่าด้วยอาชีพลับระดับ S และพรสวรรค์กับความพยายามของเธอแล้ว เธอต้องกลายเป็นดาวเด่นของมหา’ลัยหลวงได้แน่ !”
“พี่ใหญ่ พี่ชมเกินไป... ”
“ผู้เข้าแข่งขันคนต่อไป !” ที่ลานประลองก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมาอีกรอบ
“จากโรงเรียนที่ 12 อาชีพระดับ D นักบวช หลินลั่ว !”
ภายใต้เสียงโห่ร้องตะโกนของผู้คนมากมาย หลินลั่วก็ค่อย ๆ เดินขึ้นเวทีประลองไป มันไม่เหมือนการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ใช้วาร์ปขึ้นเวทีประลอง เขากลับเดินขึ้นมาเอง
เมื่อคืนนี้เขาเอามังกรไปซ่อนที่ฐาน B17 และกลับมาดึก เมื่อคืนนี้เขาคิดว่าจะจัดการกับมังกรยังไงดี ทว่าเขาก็มีความคิดในใจไว้แล้ว
“หลินลั่ว !” ที่มุมหนึ่ง หยางห้าวหรานมองไปที่หลินลั่วด้วยสายตาที่ทั้งโกรธแค้นและกลัว
“การตายของตงฟางเหอเกี่ยวกับแกรึเปล่า ?”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้....เป็นฝีมือของแก !”
เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็คัน ๆ ที่ง่ามขาขึ้นมา
โรคนี่มันทรมานเขา
เมื่อคืนเขานอนดึกและตื่นมาตั้งแต่เช้า เขาพบว่ามันมีตุ่มผุดขึ้นมาอีกหลายตุ่ม !
หลังจากนี้เขาต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลอีก เมื่อคิดแบบนั้นมันก็ทำให้ความโกรธในใจมากขึ้นไปอีก แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้เขากลัวหลินลั่วมากขึ้นกว่าเดิม
“หลินลั่ว นายจะทำให้ฉันแปลกใจอะไรได้อีกมั้ยนะ ?” ที่ห้องรับรองอีกห้อง กั้วโฉวยี่ที่ยืนอยู่ที่หน้าต่างได้พึมพำออกมา
จ้าวฉือเฉิงที่บาดเจ็บสาหัสนั้นมาเมื่อคืนนี้กลับอยู่ในสภาพแข็งแรงดี
“หัวหน้า แล้วคนพวกนั้นล่ะ ?”
“ใคร ?”
“พวกคนที่ออกไปตามหามังกร !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น “หัวหน้าไม่รู้เหรอว่ามีผู้ปลุกพลังระดับทองอย่างน้อย 100 คนที่ออกไปหามังกรทั่วหุบเขาสีชาด, ป่าทมิฬ และที่ราบกระดูก บางคนถึงกับออกทะเลไปก็มี...”
“พวกเขาจะไปทำอะไรได้ ?” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “มังกรน่ะอยู่กับเรา ถึงมันจะเป็นของหลินลั่ว ทว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย”
“ไม่ต่างกันยังไง หลินลั่วน่ะ...” ตอนที่จ้าวฉือเฉิงพูดนั้น อยู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมา “หัวหน้า คุณมั่นใจเหรอว่าจะกล่อมหลินลั่วได้ ?”
“ค่อนข้างมั่นใจ” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “จากที่สังเกตมาหลายวัน ฉันพอเดาได้แล้วว่าหลินลั่วเป็นคนแบบไหน”
“เด็กวัยรุ่นทั่วไปน่ะ หลังจากที่ได้รับการยกย่องแบบนี้ พวกเขาจะหลงตัวเองและเย่อหยิ่ง”
“สำหรับหลินลั่วแล้ว ถึงเขาจะยังเด็กแต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่มีหัวคิด !”
“ในหัวเขา เขาคงมีแผนการไว้อยู่แล้ว”
“การใช้ความรู้สึกน่ะเอามาใช้กับเขาไม่ได้ ! ถ้าคิดจะดึงเขามาเข้ากลุ่ม งั้นก็ต้องให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอ”
“ให้ถ่านตอนหิมะตก ! ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ !”
“....” จ้าวฉือเฉิงคิดตาม ทว่าเขาไม่ได้แย้งอะไรออกมา
“มันอันตรายที่จะปล่อยให้คนแบบนี้ไปเป็นศัตรูของเรา แต่มันง่ายที่จะผูกมิตรกับเขาและช่วยเหลือเขาในฐานะเพื่อน !” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “กลุ่มของเราน่ะไม่เคยมีเรื่องกับเขา แถมยังเคยร่วมมือกันมาหลายครั้งแล้วด้วย”
“นี่แหละเขาถึงเรียกว่าคู่หู”
“ร่วมมือ ?” จ้าวฉือเฉิงแปลกใจ “หัวหน้า เขาจะยอมรับเหรอ ?”
“ยอมรับ ? ทำไมจะไม่รับล่ะ ?” กั้วโฉวยี่ฮึดฮัดออกมา “ตราบใดที่ให้เวลากับหลินลั่วมากพอ ฉันคิดว่าเขาต้องไปถึงระดับนั้นได้แน่”
“ดังนั้นระหว่างเรากับเขา มันมีแค่การร่วมมือกัน ไม่ใช่การควบคุม !”
“นั่น...ก็ฟังดูมีเหตุผลดี !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “หัวหน้า คุณหมายความว่าจะให้...”
....
ในตอนที่ผู้คนตะโกนโห่ร้องกันอยู่นั้น มุ่หรงเสวี่ยเหินและหลินลั่วก็ได้มายืนอยู่ใจกลางเวทีประลอง กรรมการยืนอยู่ตรงกลางส่งสัญญาณให้กับทั้งสองคน
ทั้งสองพากันพยักหน้าตอบรับ
กรรมการยกมือขึ้นและพูดขึ้นมา “การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของการแข่งแบบเดี่ยวในการสอบเข้ามหา’ลัยเริ่มได้ !”
“ตูม !”
ทันทีที่กรรมการพูดจบ เวทีประลองก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
สายตานับแสนคู่จับจ้องไปที่ทั้งสองคนบนเวทีประลอง
มู่หรงเสวี่ยเหินเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “หลินลั่ว เราเจอกันอีกแล้วนะ ?”
หลินลั่วสงสัยในใจ เจออะไร ?
มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มออกมา “หลินลั่ว ฉันอยากถามคำถามนายหน่อย”
“คำถามอะไร ?”
“เราเป็นเพื่อนกันรึเปล่า ?”
หลินลั่วตอบกลับ “ประมาณนั้น เธอกับหนิงเอ๋อเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าเราถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วย”
“งั้นนายอยากรู้มั้ยว่าหนิงเอ๋ออยู่ไหน ?”
“ไม่ใช่ว่าที่เกาะเก้าอสรพิษรึไง ?”
“งั้นนายอยากรู้มั้ยว่าทำไมเธอถึงได้ไปที่นั่น ?”
หลินลั่วคิ้วขมวด “เธอหมายความว่ายังไง ?”
มู่หรงเสวี่ยเหินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลินลั่ว อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้คิดจะขู่นาย”
“หนิงเอ๋อน่ะอยู่ที่เกาะเก้าอสรพิษจริง แต่เธอไปที่นั่นเพื่อแต่งงานกับนายน้อยของเกาะเก้าอสรพิษ จิ่วเฉอยี่ !”
“แต่งงาน ? !” น้ำเสียงของหลินลั่วเปลี่ยนไปทันที
เหลียนฉิงเอ๋อและเหลียนอี้หนิงไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้
รึว่าเธอถูกหลอกงั้นเหรอ ?
มู่หรงเสวี่ยเหินพูดขึ้น “มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตระกูลเหลียน พวกเขาเลยต้องหาคนนอกมาช่วย ลุงเหลียนเคยมีความสัมพันธ์กับเกาะเก้าอสรพิษ ดังนั้นเขาจึงต้องไปพึ่งพวกนั้น”
“กว่าฉันจะรู้เรื่องนี้ได้ก็ลำบากพอตัว แต่สำหรับว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้น ฉันเองก็ไม่รู้”
หลินลั่วพูดขึ้น “ขอบคุณนะมู่หรงที่บอกฉันเรื่องนี้”
มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มออกมา “เรียกซะห่างเหินเลย นายบอกไม่ใช่เหรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน ?”
“จะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร ?”
“นายเรียกฉันว่าเสวี่ยเหินก็ได้” มู่หรงเสวี่ยเหินหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเธอก็ยังพูดต่อ “หลินลั่ว ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายจริง ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ของขวัญนายอีกชิ้นเป็นยังไง ?”
“ของขวัญ ?”
หลินลั่วสับสน ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร ?
มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยกมือขวาขึ้นช้า ๆ ตอนที่ทั้งสองคนคุยกัน ผู้คนรอบข้างก็พากันพึมพำออกมา
“พวกเขาทำอะไร ? มาคุยกันรึไง ?”
“เร็วเข้าสิ รีบสู้ได้แล้ว ! ฉันอยากดูแล้ว !”
“ยังไม่สู้กันอีกเหรอ ? คุยกันทำบ้าอะไร ?”
“นี่คิดจะคุยกันก่อนสู้จริง ๆ เหรอ ? แต่แบบนี้ก็ดูสนุกดีเหมือนกัน !”
“เทพธิดามู่หรง ! เร็วเข้า รีบจัดการเจ้าเด็กนั่นได้แล้ว !”
“....”
“เธอยิ้มด้วย ! น่ารักชะมัด ! ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่เป็นฉันนะ !”
“ดูนั่น ! เทพธิดาจะลงมือแล้ว ! เธอยกมือขวาขึ้นแล้ว ! เธอกำลังจะโจมตีแน่ๆ !”
“เร็วเข้า เร็วเลย ! เรียกนางฟ้าออกมาเลย !”
“ฆ่าไอ้เด็กนั่นเลย ! เทพธิดา...”
ภายใต้เสียงตะโกนของคนนับแสนและภายใต้สายตาของคนตระกูลมู่หรง
ภายใต้สายตาของกั้วโฉวยี่, มู่หรงเฉินฟู่, จ้าวฉือเฉิง, เฉินผิงอัน, หยางห้าวหราน, ถังเฉิง และคนอื่น ๆ มู่หรงเสวี่ยเหินกลับค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นพร้อมเสียงที่ไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนได้ยินมันชัดเจน
“ฉัน มู่หรงเสวี่ยเหิน ขอยอมแพ้ !”