ตอนที่แล้วตอนที่ 104 : รอบชิง ! หลินลั่ว v มู่หรงเสวี่ยเหิน !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 106 : แชมป์ ! โลกวิเศษ !

ตอนที่ 105 : มู่หรงเสวี่ยเหินยอมแพ้ !


ตอนที่ 105 : มู่หรงเสวี่ยเหินยอมแพ้ !

“มู่หรงเสวี่ยเหิน ! มู่หรงเสวี่ยเหิน !”

“เทพธิดา ! ฉันรักเธอ !”

“เทพธิดา ! ฉันพร้อมทุ่มชีวิตให้เธอเลย !”

“อ๊า.....”

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยเหินปรากกตัว ผู้คนก็พากันโห่ร้องออกมา

ทุกคนลืมเรื่องการตายของตงฟางเหอไปเลยด้วยซ้ำ พวกเขาหันมาสนใจการแข่งขันคู่ต่อไปแทน

นี่เป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายในการสอบเข้ามหา’ลัยในปีนี้

มันตัดสินแชมป์ในการสอบเข้ามหา’ลัย มันจะได้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ของเมืองปิ้นไห่ปีนี้

“ในการแข่งรอบนี้ มู่หรงเสวี่ยเหินต้องเป็นแชมป์แน่ !”

“ฉันพนันข้างมู่หรงเสวี่ยเหิน ! ในการแข่งรอบล่าสุด เธอถึงกับเรียกนางฟ้าออกมาได้ !”

“ไม่เลว ! เธอเรียกนางฟ้าออกมาเอาชนะเฉินผิงอันไปได้ง่าย ๆ หลินลั่วน่าจะรับมือไม่ไหว ?”

“ฉันคิดว่าหลินลั่วแข็งแกร่งกว่า เขาเอาชนะตงฟางเหอได้ !”

“ใช่ ด้วยสกิลวาร์ปขี้โกงที่เขามี เขาถือว่าไร้เทียมทานก็ว่าได้ !”

“จะเป็นไปได้ยังไง ? ตงฟางเหอน่ะบาดเจ็บเพราะมังกรตัวเอง ตราบใดที่เทพธิดามู่หรงผลาญพลังจิตของหลินลั่วได้ งั้นเขาต้องแพ้แน่ !”

“ฉันเองก็คิดแบบนั้น ! สกิลวาร์ปน่ะโกงก็จริงแต่มันเปลืองพลังจิตเยอะ ตราบใดที่เทพธิดามู่หรงยื้อเวลาผลาญพลังจิตหลินลั่วไปเรื่อย ๆ งั้นเธอต้องชนะแน่ !”

“เทพธิดามู่หรงคือเทวทูตแห่งแสง ตราบใดที่เธอป้องกันและรักษาตัวเองได้เรื่อย ๆ ฉันไม่คิดว่าผู้ปลุกพลังระดับทองทั่วไปจะทะลวงการป้องกันของเธอได้หรอก !”

“ไม่เลว ไม่เลว...”

ผู้ชมพากันถกเถียงกันไปต่าง ๆ นานา คนจากตระกูลใหญ่ในห้องรับรองส่วนตัวก็พากันมองไปที่ลานประลองไม่กะพริบตา

โดยเฉพาะคนจากตระกูลมู่หรง

ตอนนั้นในห้องรับรองของตระกูลมู่หรง เพราะพวกเขาส่งคนในตระกูลไปตามหาเบาะแสของมังกร มันจึงมีเพียงแค่ 3 คนในห้องรับรอง พวกเขาพากันมองไปที่ลานประลอง

“หัวหน้าตระกูล เราชนะได้แน่ !”

“ใช่ หัวหน้าตระกูล ! เสวี่ยเหินน่ะเอาชนะเฉินผิงอันมาได้ เธอแทบจะไม่ได้ใช้พลังเลยด้วยซ้ำ ถึงหลินลั่วจะวาร์ปได้ แต่ไม่ว่าเขาจะมีลูกตุกติกเยอะแค่ไหน ทว่าเขาก็ไม่มีทางเป็นคู่มือของเสวี่ยเหินได้แน่ !” พ่อของมู่หรงเสวี่ยเหิน มู่หรงเต๋าพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

มู่หรงเฉินฟู่ยิ้มออกมา ตอนนี้คู่ต่อสู้ของมู่หรงเสวี่ยเหินนั้นเหลือแค่หลินลั่วคนเดียว เทพธิดาแห่งชัยชนะกำลังยิ้มให้พวกเขา

“อาเต๋า !”

“พี่ใหญ่ !”

“ตลอดหลายปีมานี้นายทำได้ดีมาก นายมีโอกาสที่จะย้ายกลับไปที่ตระกูลหลัก ลูกนายนี่แข็งแกร่งจริง ๆ !”

มู่หรงเต๋าพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณหัวหน้าตระกูล ขอบคุณพี่ใหญ่ !”

เขาอยู่ตระกูลสาขา เขาปลุกพลังได้อาชีพทั่วไปมา ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่อาจจะได้ตำแหน่งในตระกูลหลักได้เลย

ไม่คิดเลยว่าลูกสาวเขาจะช่วยทำให้ฝันเขาเป็นจริง

ลูกสาวที่ล้ำค่าของเขา !

“นายไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” มู่หรงเฉินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ เสวี่ยเหินบอกว่าอยากเข้ามหา’ลัยไหน ?”

มู่หรงเต๋ารีบตอบกลับ “เสวี่ยเหินเป็นคนเงียบ ๆ เธอยังไม่ได้บอกว่าจะเข้ามหา’ลัยไหน”

“แต่ระหว่างนี้ฉันเห็นว่าเธอน่ะหาข้อมูลเกี่ยวกับมหา’ลัยหลวง เธออาจจะอยากไปเรียนที่นั่นก็ได้”

“มหา’ลัยหลวง ?” มู่หรงเฉินฟู่พูดขึ้นมา “มหา’ลัยหลวงก็ดี มันคือที่ที่คนระดับสูงไปรวมตัวกัน”

“ถึงเสวี่ยเหินไปเรียนที่นั่น แต่ฉันก็เชื่อว่าด้วยอาชีพลับระดับ S และพรสวรรค์กับความพยายามของเธอแล้ว เธอต้องกลายเป็นดาวเด่นของมหา’ลัยหลวงได้แน่ !”

“พี่ใหญ่ พี่ชมเกินไป... ”

“ผู้เข้าแข่งขันคนต่อไป !” ที่ลานประลองก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมาอีกรอบ

“จากโรงเรียนที่ 12 อาชีพระดับ D นักบวช หลินลั่ว !”

ภายใต้เสียงโห่ร้องตะโกนของผู้คนมากมาย หลินลั่วก็ค่อย ๆ เดินขึ้นเวทีประลองไป มันไม่เหมือนการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ใช้วาร์ปขึ้นเวทีประลอง เขากลับเดินขึ้นมาเอง

เมื่อคืนนี้เขาเอามังกรไปซ่อนที่ฐาน B17 และกลับมาดึก เมื่อคืนนี้เขาคิดว่าจะจัดการกับมังกรยังไงดี ทว่าเขาก็มีความคิดในใจไว้แล้ว

“หลินลั่ว !” ที่มุมหนึ่ง หยางห้าวหรานมองไปที่หลินลั่วด้วยสายตาที่ทั้งโกรธแค้นและกลัว

“การตายของตงฟางเหอเกี่ยวกับแกรึเปล่า ?”

“ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้....เป็นฝีมือของแก !”

เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาก็คัน ๆ ที่ง่ามขาขึ้นมา

โรคนี่มันทรมานเขา

เมื่อคืนเขานอนดึกและตื่นมาตั้งแต่เช้า เขาพบว่ามันมีตุ่มผุดขึ้นมาอีกหลายตุ่ม !

หลังจากนี้เขาต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลอีก เมื่อคิดแบบนั้นมันก็ทำให้ความโกรธในใจมากขึ้นไปอีก แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้เขากลัวหลินลั่วมากขึ้นกว่าเดิม

“หลินลั่ว นายจะทำให้ฉันแปลกใจอะไรได้อีกมั้ยนะ ?” ที่ห้องรับรองอีกห้อง กั้วโฉวยี่ที่ยืนอยู่ที่หน้าต่างได้พึมพำออกมา

จ้าวฉือเฉิงที่บาดเจ็บสาหัสนั้นมาเมื่อคืนนี้กลับอยู่ในสภาพแข็งแรงดี

“หัวหน้า แล้วคนพวกนั้นล่ะ ?”

“ใคร ?”

“พวกคนที่ออกไปตามหามังกร !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น “หัวหน้าไม่รู้เหรอว่ามีผู้ปลุกพลังระดับทองอย่างน้อย 100 คนที่ออกไปหามังกรทั่วหุบเขาสีชาด, ป่าทมิฬ และที่ราบกระดูก บางคนถึงกับออกทะเลไปก็มี...”

“พวกเขาจะไปทำอะไรได้ ?” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “มังกรน่ะอยู่กับเรา ถึงมันจะเป็นของหลินลั่ว ทว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย”

“ไม่ต่างกันยังไง หลินลั่วน่ะ...” ตอนที่จ้าวฉือเฉิงพูดนั้น อยู่ ๆ เขาก็ยิ้มออกมา “หัวหน้า คุณมั่นใจเหรอว่าจะกล่อมหลินลั่วได้ ?”

“ค่อนข้างมั่นใจ” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “จากที่สังเกตมาหลายวัน ฉันพอเดาได้แล้วว่าหลินลั่วเป็นคนแบบไหน”

“เด็กวัยรุ่นทั่วไปน่ะ หลังจากที่ได้รับการยกย่องแบบนี้ พวกเขาจะหลงตัวเองและเย่อหยิ่ง”

“สำหรับหลินลั่วแล้ว ถึงเขาจะยังเด็กแต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่มีหัวคิด !”

“ในหัวเขา เขาคงมีแผนการไว้อยู่แล้ว”

“การใช้ความรู้สึกน่ะเอามาใช้กับเขาไม่ได้ ! ถ้าคิดจะดึงเขามาเข้ากลุ่ม งั้นก็ต้องให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอ”

“ให้ถ่านตอนหิมะตก ! ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ !”

“....” จ้าวฉือเฉิงคิดตาม ทว่าเขาไม่ได้แย้งอะไรออกมา

“มันอันตรายที่จะปล่อยให้คนแบบนี้ไปเป็นศัตรูของเรา แต่มันง่ายที่จะผูกมิตรกับเขาและช่วยเหลือเขาในฐานะเพื่อน !” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “กลุ่มของเราน่ะไม่เคยมีเรื่องกับเขา แถมยังเคยร่วมมือกันมาหลายครั้งแล้วด้วย”

“นี่แหละเขาถึงเรียกว่าคู่หู”

“ร่วมมือ ?” จ้าวฉือเฉิงแปลกใจ “หัวหน้า เขาจะยอมรับเหรอ ?”

“ยอมรับ ? ทำไมจะไม่รับล่ะ ?” กั้วโฉวยี่ฮึดฮัดออกมา “ตราบใดที่ให้เวลากับหลินลั่วมากพอ ฉันคิดว่าเขาต้องไปถึงระดับนั้นได้แน่”

“ดังนั้นระหว่างเรากับเขา มันมีแค่การร่วมมือกัน ไม่ใช่การควบคุม !”

“นั่น...ก็ฟังดูมีเหตุผลดี !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “หัวหน้า คุณหมายความว่าจะให้...”

....

ในตอนที่ผู้คนตะโกนโห่ร้องกันอยู่นั้น มุ่หรงเสวี่ยเหินและหลินลั่วก็ได้มายืนอยู่ใจกลางเวทีประลอง กรรมการยืนอยู่ตรงกลางส่งสัญญาณให้กับทั้งสองคน

ทั้งสองพากันพยักหน้าตอบรับ

กรรมการยกมือขึ้นและพูดขึ้นมา “การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของการแข่งแบบเดี่ยวในการสอบเข้ามหา’ลัยเริ่มได้ !”

“ตูม !”

ทันทีที่กรรมการพูดจบ เวทีประลองก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

สายตานับแสนคู่จับจ้องไปที่ทั้งสองคนบนเวทีประลอง

มู่หรงเสวี่ยเหินเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา “หลินลั่ว เราเจอกันอีกแล้วนะ ?”

หลินลั่วสงสัยในใจ เจออะไร ?

มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มออกมา “หลินลั่ว ฉันอยากถามคำถามนายหน่อย”

“คำถามอะไร ?”

“เราเป็นเพื่อนกันรึเปล่า ?”

หลินลั่วตอบกลับ “ประมาณนั้น เธอกับหนิงเอ๋อเป็นเพื่อนกัน แน่นอนว่าเราถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วย”

“งั้นนายอยากรู้มั้ยว่าหนิงเอ๋ออยู่ไหน ?”

“ไม่ใช่ว่าที่เกาะเก้าอสรพิษรึไง ?”

“งั้นนายอยากรู้มั้ยว่าทำไมเธอถึงได้ไปที่นั่น ?”

หลินลั่วคิ้วขมวด “เธอหมายความว่ายังไง ?”

มู่หรงเสวี่ยเหินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลินลั่ว อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้คิดจะขู่นาย”

“หนิงเอ๋อน่ะอยู่ที่เกาะเก้าอสรพิษจริง แต่เธอไปที่นั่นเพื่อแต่งงานกับนายน้อยของเกาะเก้าอสรพิษ จิ่วเฉอยี่ !”

“แต่งงาน ? !” น้ำเสียงของหลินลั่วเปลี่ยนไปทันที

เหลียนฉิงเอ๋อและเหลียนอี้หนิงไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้

รึว่าเธอถูกหลอกงั้นเหรอ ?

มู่หรงเสวี่ยเหินพูดขึ้น “มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตระกูลเหลียน พวกเขาเลยต้องหาคนนอกมาช่วย ลุงเหลียนเคยมีความสัมพันธ์กับเกาะเก้าอสรพิษ ดังนั้นเขาจึงต้องไปพึ่งพวกนั้น”

“กว่าฉันจะรู้เรื่องนี้ได้ก็ลำบากพอตัว แต่สำหรับว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้น ฉันเองก็ไม่รู้”

หลินลั่วพูดขึ้น “ขอบคุณนะมู่หรงที่บอกฉันเรื่องนี้”

มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มออกมา “เรียกซะห่างเหินเลย นายบอกไม่ใช่เหรอว่าเราเป็นเพื่อนกัน ?”

“จะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไร ?”

“นายเรียกฉันว่าเสวี่ยเหินก็ได้” มู่หรงเสวี่ยเหินหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเธอก็ยังพูดต่อ “หลินลั่ว ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายจริง ๆ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ของขวัญนายอีกชิ้นเป็นยังไง ?”

“ของขวัญ ?”

หลินลั่วสับสน ผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร ?

มู่หรงเสวี่ยเหินยิ้มกว้างออกมาก่อนจะยกมือขวาขึ้นช้า ๆ ตอนที่ทั้งสองคนคุยกัน ผู้คนรอบข้างก็พากันพึมพำออกมา

“พวกเขาทำอะไร ? มาคุยกันรึไง ?”

“เร็วเข้าสิ รีบสู้ได้แล้ว ! ฉันอยากดูแล้ว !”

“ยังไม่สู้กันอีกเหรอ ? คุยกันทำบ้าอะไร ?”

“นี่คิดจะคุยกันก่อนสู้จริง ๆ เหรอ ? แต่แบบนี้ก็ดูสนุกดีเหมือนกัน !”

“เทพธิดามู่หรง ! เร็วเข้า รีบจัดการเจ้าเด็กนั่นได้แล้ว !”

“....”

“เธอยิ้มด้วย ! น่ารักชะมัด ! ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่เป็นฉันนะ !”

“ดูนั่น ! เทพธิดาจะลงมือแล้ว ! เธอยกมือขวาขึ้นแล้ว ! เธอกำลังจะโจมตีแน่ๆ !”

“เร็วเข้า เร็วเลย ! เรียกนางฟ้าออกมาเลย !”

“ฆ่าไอ้เด็กนั่นเลย ! เทพธิดา...”

ภายใต้เสียงตะโกนของคนนับแสนและภายใต้สายตาของคนตระกูลมู่หรง

ภายใต้สายตาของกั้วโฉวยี่, มู่หรงเฉินฟู่, จ้าวฉือเฉิง, เฉินผิงอัน, หยางห้าวหราน, ถังเฉิง และคนอื่น ๆ มู่หรงเสวี่ยเหินกลับค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นพร้อมเสียงที่ไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนได้ยินมันชัดเจน

“ฉัน มู่หรงเสวี่ยเหิน ขอยอมแพ้ !”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด