ตอนที่ 38: ดันเจี้ยนระดับนรก
ตอนที่ 38: ดันเจี้ยนระดับนรก
หวังยวนทราบเกี่ยวกับเขี้ยวหมาป่าเงากับเลือดของเผ่าแวมไพร์ พวกมันสามารถหาได้ในปราสาทเงาซึ่งเป็นดันเจี้ยนระดับ 15 บางครั้งก็มีขายในโรงประมูล ซึ่งราคาไม่ได้ต่ำแต่อย่างใด
แต่หวังยวนไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหัวใจของคนตายกับราชันหญ้าคืนชีพมาก่อน
“ไอ้หยา หัวใจของคนตาย! นั่นมันไอเทมที่ดรอปจากราชันโครงกระดูกลีโอริคไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวไป๋ประหลาดใจ
"ใช่แล้ว!" ต้าไป๋เอ่ยคำเช่นกัน "ราชันหญ้าคืนชีพคือสิ่งที่ทำให้วิญญาณของลีโอริคเป็นอมตะ ดูท่าว่าครั้งนี้ต้องไปบุกปราสาทเงากันแล้ว"
"ฮิฮิ! ปราสาทเงา... ช่วงเจิดจรัสของฉันมาถึงแล้ว!" หม่าซานเอ๋อร์หัวเราะขณะตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“มีผู้หญิงอยู่ในปราสาทเงางั้นเหรอ?” แซ่ไป๋ทั้งสองมองหน้ากัน
“ถุย! พวกคุณดูแคลนฉันเกินไปแล้ว! ฉันดูเหมือนคนประเภทที่คิดแต่เรื่องผู้หญิงเหรอ?”
"ก็เรื่องจริงไม่ใช่เหรอ?"
“…”
หม่าซานเอ๋อร์พูดไม่ออกชั่วขณะก่อนจะเอ่ยคำ "คุณรู้หรือเปล่าว่ามีคลังอาวุธลับอยู่ในปราสาทเงา ซึ่งที่นั่นสามารถค้นหาอาวุธสำหรับอาชีพทั้งหลายได้ แล้วหนึ่งในนั้นคือหน้าไม้อันเดดที่เป็นของนักธนูโดยเฉพาะ"
“คลังอาวุธ? ทำไมพวกฉันถึงไม่รู้ล่ะ?” แซ่ไป๋ทั้งสองค่อนข้างประหลาดใจ
“ฮิฮิ! สถาบันฝึกอาชีพมีชื่อเสียงของพวกคุณมีเรนเจอร์เพียงไม่กี่คน ซึ่งคลังอาวุธต้องใช้สกิลล็อกพิกของผู้ลอบเร้นเท่านั้นจึงจะเปิดได้” หม่าซานเอ๋อร์เอ่ยคำอย่างภาคภูมิใจ
"เอ๋..."
แซ่ไป๋ทั้งสองเงียบไปชั่วขณะ
มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถโต้เถียงได้ เมืองผู้บุกเบิกส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่อาชีพวอริเออร์ ขณะที่เมืองเวทมนตร์ที่ต้าไป๋จบการศึกษามุ่งเน้นไปที่อาชีพนักเวท โดยภายหลังต้าไป๋ทำงานในเมืองแสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นฐานฝึกอบรมสำหรับนักบวชและอัศวิน
เมืองฝึกหลักสำหรับอาชีพเรนเจอร์จำพวกนักธนูกับนักฆ่าอยู่ใน “เมืองหลินยิน” ที่หม่าซานเอ๋อร์อยู่
การย่องเบากับล็อกพิกเป็นความสามารถพิเศษของอาชีพเรนเจอร์ ซึ่งคลังขุมทรัพย์กับหีบสมบัติจำนวนมากในอาณาจักรลับสามารถเปิดได้โดยเรนเจอร์เท่านั้น
อาชีพอื่นย่อมไม่สามารถเทียบเคียงได้
…
“ปราสาทเงามีวัตถุดิบเหล่านี้หรือเปล่า?”
หลังจากได้ยินบทสนทนาของโครงกระดูกทั้งสาม หวังยวนจึงเผยท่าทีสับสน
ในเมื่ออยู่ในดันเจี้ยน ทำไมถึงไม่มีตามท้องตลาดล่ะ? หรือว่าปราสาทเงาที่นี่แตกต่างจากอาณาจักรลับปราสาทเงาในอนาคต?
"หืม!"
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังยวนก็พลันตกตะลึง
อย่าบอกนะว่า
ดันเจี้ยนในเกมแตกต่างจากอาณาจักรลับในอนาคตจริง
แซ่ไป๋ทั้งสองเคยบ่นมากกว่าหนึ่งครั้งว่ามอนสเตอร์ที่หวังยวนเผชิญในระยะนี้ล้วนอยู่ในระดับความยากของเกม แม้จะดูเหมือนกับมอนสเตอร์ที่พวกเขาเคยพบเจอมา แต่พละกำลังกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เพราะมอนสเตอร์ที่พวกเขาพบเจอนั้นคือสัตว์ประหลาดแท้จริงที่มีพละกำลังแก่กล้าน่าสะพรึง
แม้กระทั่งอาณาจักรลับที่ใช้ในการฝึกก็มีระดับความยากไม่แตกต่างจากมอนสเตอร์แท้จริง
หมายความว่าอาณาจักรลับที่พวกเขาต่อสู้กันในเกมสอดคล้องกับระดับความยากสูงสุดของดันเจี้ยน
แสดงว่ามีเพียงปราสาทเงาที่มีความยากระดับสูงสุดเท่านั้นที่สามารถหาไอเทมสองชนิดอย่างหัวใจของคนตายกับราชันหญ้าคืนชีพได้
ถ้าไม่มีอะไรผิดคาดเกิดขึ้น มันจะต้องออกมาเป็นทรงนี้
หวังยวนลอบคาดเดา
…
ตามการตั้งค่าของเกม ดันเจี้ยนจะต้องเล่นเป็นทีม
ในฐานะดันเจี้ยนแรกที่ผู้เล่นได้เข้าไปสัมผัส ปราสาทเงาถือว่าไม่ยากมาก มันเป็นดันเจี้ยนสำหรับผู้เล่นห้าคนที่สามารถเข้าได้เฉพาะทีมห้าคนเป็นอย่างน้อยเท่านั้น
ทว่าทุกครั้งที่ความยากของดันเจี้ยนจะเพิ่มขึ้น จำนวนสมาชิกสูงสุดในทีมก็จะเพิ่มขึ้นอีกห้าคน โดยขนาดทีมสูงสุดสำหรับความยากระดับนรกอยู่ที่ 25 คน มันคือดันเจี้ยนกลุ่มสุดโหดหิน ระดับความยากของมันสุดจะจินตนาการ
แน่นอนว่าหวังยวนไม่ได้สนใจถึงระดับความยาก ประเด็นอยู่ที่การหาคนมาร่วมทีมของเขาต่างหาก
หวังยวนเปิดรายชื่อเพื่อน ซึ่งในรายชื่อเพื่อนนั้นมีอยู่เพียงสองคน
สุ่ยหลิงหลง มังกรท่องโลก
หลังจากครุ่นคิดสักพัก หวังยวนจึงทำการส่งข้อความกลุ่มอย่างไม่ใส่ใจ "มีใครอยากไปปราสาทเงาระดับนรกหรือเปล่า?"
“พระเจ้า! ความยากระดับนรก ร่างกายอยากเจอความเร้าใจเหรอ?”
วินาทีต่อมา สุ่ยหลิงหลงจึงตอบกลับ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะค่อนข้างว่าง โดยคำพูดคำจาแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นสามส่วนกับความไม่เชื่อเจ็ดส่วน
ใน <<ดอว์นเบรกกิ้ง>> ดันเจี้ยนจะแบ่งออกเป็นห้าระดับ ปกติ เอลีท ยาก ฝันร้ายและนรก
ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ ความยากก็ยิ่งมากตามไปด้วย
ต้องทราบก่อนว่าผู้เล่นในตอนนี้ยังอยู่ช่วงบุกเบิก
ผู้เล่นที่มีเลเวลมากกว่า 15 นั้นหายากเนื่องจากข้อจำกัดอุปกรณ์สวมใส่กับสกิลที่ย่ำแย่
แม้แต่ดันเจี้ยนระดับปกติ ผู้เล่นส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเข้าไป ขนาดทีมหัวกะทิของกิลด์ขนาดใหญ่ยังต้องระแวดระวังเวลาเปิดดันเจี้ยน
จนถึงตอนนี้ มีทีมเพียงหยิบมือที่สามารถกวาดล้าง "ปราสาทเงา" ได้
อันดับความเร็วการกวาดล้างดันเจี้ยนหนึ่งร้อยอันดับแรกยังไม่ได้รับการเติมเต็ม
หมายความว่าทั้งเกมมีน้อยกว่าหนึ่งร้อยทีมที่สามารถกวาดล้าง “ปราสาทเงา” ธรรมดาได้
ทว่าหวังยวนส่งข้อความบอกว่าอยากลงปราสาทเงาระดับนรก ซึ่งอารมณ์ของสุ่ยหลิงหลงจะเป็นอย่างไรย่อมจินตนาการไม่ยาก ชายผู้นี้มักสรรหาความสนุกครั้งใหม่มาให้เธอเสมอ
“อื้ม! เดี๋ยวไปตามอีกสักสองสามคนมาให้ หากคนพอแล้วค่อยมาตั้งกลุ่มกัน” หวังยวนส่งภารกิจตามหาคนให้สุ่ยหลิงหลงอย่างไม่ใส่ใจ
"เดี๋ยวก่อน!"
สุ่ยหลิงหลงพิมพ์บางอย่างก่อนจะเปิดช่องทีมทันที "อยากลงปราสาทเงาหรือเปล่า? ทุกคน"
"วันนี้ลงไปแล้ว"
"น่าเบื่อจะตาย ของไม่ดรอปสักชิ้น!"
“ไม่ลงแล้วไม่ลงแล้ว! ลงแล้วซึม”
ไม่ช้า ข้อความจึงวูบไหวผ่านช่องทีมอย่างรวดเร็ว
"ความยากระดับนรก!!"
สุ่ยหลิงหลงส่งข้อความไปอีกครั้ง
“?”
“?”
“?”
…
ขณะสุ่ยหลิงหลงส่งข้อความ ช่องทีมจึงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามทันที
“ระดับนรกเหรอ? คุณป่วยหรือเปล่าเนี่ย?”
“พี่หลิง ไปโดนอะไรมาเหรอ? ผู้ชายคนไหนหักอกคุณถึงทำให้คุณเสียสติขนาดนี้ คุณอยากให้พวกฉันไปทุบหัวเขาเพื่อลากขึ้นเตียงใช่หรือเปล่า?”
“โธ่ถัง! ช่างเป็นผู้หญิงที่บ้าบิ่นอะไรอย่างนี้!”
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สุ่ยหลิงหลงทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้
“เหลวไหล! เพื่อนของฉันอยากลงดันเจี้ยนระดับนรกก็เลยมาขอให้ฉันหาคนเท่านั้นเอง” สุ่ยหลิงหลงเอ่ยคำ
“เพื่อนของคุณ? คุณมีเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกฉันด้วยเหรอ?” ทุกคนสับสน
“คนนั้นก็คือหนิวต้าลี่”
“พระเจ้าช่วย! ถ้าเป็นเขาก็พอเข้าใจได้!”
ทุกคนโล่งอกเมื่อได้ยินชื่อของหวังยวน
ยอดเยี่ยมมาก การที่คนผู้หนึ่งซึ่งกล้าท้าทายกิลด์เพียงลำพังและเอาชนะคนโหดเหี้ยมในกิลด์จนไม่กล้าออกมาเดินบนถนนถึงกับมีความคิดอยากลง “ปราสาทเงา” ระดับนรกก็นับว่ามีเหตุผล
ชายผู้นี้เหมือนกับสุ่ยหลิงหลงตรงไร้ก้านสมองจนเกิดอาการบ้าคลั่ง
“การลงดันเจี้ยนไม่เหมือนกับการ K! การสมคบคิดกับแผนการของเขาย่อมใช้ไม่ได้ผลกับมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน” ตอนนี้ คนที่ชื่อผู้มีคุณธรรมย่อมชนะทุกสรรพสิ่งตอบกลับ
ใช่แล้ว มอนสเตอร์ไม่เหมือนกับผู้เล่นที่จะมีความคิดเชิงจิตวิทยา
หวังยวนสามารถควบคุมมังกรท่องโลกได้ แต่ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนได้
ดันเจี้ยนระดับนรกไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเอาชนะได้โดยง่าย
“เขาบอกว่าหากพวกคุณกลัว เขาก็จะไปหาคนอื่น” เมื่อเผชิญกับความเคลือบแคลงของผู้มีคุณธรรมย่อมชนะทุกสรรพสิ่ง สุ่ยหลิงหลงจึงตอบเช่นนั้น
“????”
“!!!!”
"กลัวเหรอ?"
ทันทีที่สุ่ยหลิงหลงเอ่ยคำเช่นนี้ ทุกคนในช่องต่างเดือดพล่านทันที “หน็อยแน่ หมอนี่อวดดีนักนะ เขาคิดว่ามีแค่ตัวเองที่เจ๋งหรือยังไง? เขาอยู่ไหน?”
“รอพวกเราที่โรงเตี๊ยม! อีกเดี๋ยวฉันตามไป” สุ่ยหลิงหลงเอ่ยคำ “มาดูกันว่าใครมาทีหลัง คนที่มาช้าที่สุดคือคนที่กลัว”
"ไอ้สารชั่วเอ๊ย! พวกฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ!"
ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมทันทีโดยไม่เอ่ยคำอะไรอีก
ส่วนทางด้านมังกรท่องโลกถึงกับเกือบหลุดหัวเราะกับข้อความของหวังยวน "ให้ตายเถอะ หมอนี่มันไปโดนลาเตะเข้าที่หัวมาหรือไง?"