ตอนที่แล้วChapter 304: Qian Ziyun, please behave yourself. I am not just any man2/2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 306: Yielding One's Body, Which Man Can Resist Such a Temptation?1/2

Chapter 305: Demon-Slaying Sect's Treasure, Heaven-Connecting Spiritual Treasure ต่อ


“ที่นี่คือใจกลางของนิกายสังหารปิศาจงั้นหรือ?”

หลังจากเข้ามาภายในอาณาเขตของค่ายกลแล้ว  โจวสุ่ยก็เห็นภาพเบื้องหน้าในทันที

หอคอยสีดำสนิทสูงเสียดฟ้า ราวกับเทือกเขาทั้งลูก แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันเก่าแก่และน่าเกรงขามของยุคบรรพกาล ยิ่งมองใกล้ ยิ่งรู้สึกถึงพลังกดดันมหาศาลประดุจดั่งอสูรกายที่แม้ขยับเพียงนิด ก็สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้

น่าเสียดายที่นิกายสังหารปิศาจถูกทำลายล้างไปนับหมื่นปีแล้ว

ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมสมบัติวิญญาณเชื่อมสวรรค์ชิ้นนี้ได้

รอบๆ หอคอย เต็มไปด้วยตำหนักอันหรูหราและเก่าแก่  ทอดยาวออกไปหลายร้อยลี้  ราวกับเป็นค่ายกลที่โอบล้อมหอคอยผนึกปีศาจแปดทิศเอาไว้

เปรียบเสมือนปราการป้องกัน  ป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกรุกเข้าไปภายในหอคอยได้

น่าเสียดายที่สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่นี่  ต่างก็พังทลาย  มีซากปรักหักพังอยู่ทั่วไป

บนพื้นดินเต็มไปด้วยหลุมบ่อและเศษหิน

ซากศพเหล่านั้น...ล้วนเป็นศิษย์ของนิกายสังหารปิศาจที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้

“โอ้สวรรค์  พวกเราเข้ามาในใจกลางของศูนย์กลางของนิกายสังหารปิศาจจริงๆ ด้วย”

“ว่ากันว่าที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่ใช้ผนึกเหล่าปิศาจจำนวนมากเอาไว้เท่านั้น”

“แต่ภายในยังมีมรดกและวิชาต่างๆ ของนิกายสังหารปิศาจ  รวมถึงสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาครอบครองอยู่”

“ถ้าโชคดี  พวกเราอาจจะได้เม็ดยาล้ำค่าและสมุนไพรวิญญาณ อายุพันปีที่นิกายสังหารปิศาจทิ้งเอาไว้ก็ได้”

เฉียน จื่อหยุน กล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย

เดิมทีนางติดตามโจวสุ่ยมา  ก็แค่อยากลองเสี่ยงดู  อยากรู้ว่าชายผู้นี้เป็นลูกรักสวรรค์จริงหรือไม่  และเขาจะสามารถหาโอกาสดีๆ ได้มากมายจริงๆ หรือ

ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะเข้าสู่ใจกลางของแดนมรณะสังหารปีศาจได้จริงๆ?

นี่เป็นสถานที่ที่แม้แต่นิกายปีศาจใหญ่ทั้งสามก็ไม่สามารถเข้าไปได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน

แต่ตอนนี้  นางกลับเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

คงต้องบอกว่า  ชายที่อยู่ตรงหน้านาง  คือลูกรักสวรรค์ตัวจริง

ตราบใดที่นางติดตามชายผู้นี้ไป  นางก็จะได้รับโอกาสดีๆ มากมาย

ฟุ่บ!

ไม่นานนัก  โจวสุ่ยและเฉียน จื่อหยุน  ก็เดินทางมาถึงตำหนักต่างๆ

แต่ละหลังล้วนมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป อาทิ หอตำรา หอเม็ดยา หอสมบัติ และหอฝึกฝน บ่งบอกถึงหน้าที่การใช้งานที่ชัดเจน

ถึงแม้ว่าตำหนักเหล่านี้จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก  เนื่องจากกาลเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนาน  และสงครามครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่นี่  ทำให้ศิษย์ของนิกายสังหารปิศาจมากมายต้องจบชีวิตลง  แต่โครงสร้างหลักของตำหนักต่างๆ ก็ยังคงอยู่  ไม่ได้ถูกทำลายจนราบคาบ

"รวยแล้ว! รวยแล้ว!"

“นี่มันขวดหยกใส  สมบัติวิญญาณที่ช่วยป้องกันไม่ให้สรรพคุณทางยาและสมุนไพรวิญญาณไม่ให้สลายไป”

“แม้เวลาจะผ่านไปนานนับหมื่นปี  สรรพคุณทางยาภายในก็แทบจะไม่ลดน้อยลงเลย”

"นิกายสังหารปีศาจทิ้งเม็ดยาระดับสี่และสมุนไพรวิญญาณพันปีไว้มากมายขนาดนี้เลยหรือ?!"

เฉียน จื่อหยุน  รีบตรงดิ่งไปยังหอเม็ดยาทันที

ดูเหมือนว่าหอเม็ดยาจะไม่มีค่ายกลใดๆ ปกป้องเอาไว้  นางจึงผลักประตูเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

ภายในมีขวดหยกสีขาววางเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก

ขวดเหล่านี้ไม่ใช่ขวดธรรมดา  แต่มันคือสมบัติวิญญาณมิติ

ภายในบรรจุเม็ดยาที่นิกายสังหารปิศาจทิ้งเอาไว้  รวมถึงสมุนไพรวิญญาณ อายุพันปี

ดวงตาคู่สวยของนางเป็นประกาย  หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว

เพราะหลังจากที่ก้าวขึ้นมาสู่ระดับแยกวิญญาณแล้ว  นางก็รู้ดีว่าเม็ดยาระดับสี่นั้นหายากเพียงใด

มันจึงเป็นอุปสรรคสำคัญ  ที่ทำให้ผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณ  พัฒนาพลังได้ยาก

แม้ว่านางจะเป็นเจ้านิกายปีศาจสวรรค์  คอยควบคุมดูแลนิกายระดับแยกวิญญาณ  แต่นางก็หาเม็ดยาระดับสี่ได้ยากยิ่ง

เพราะจำนวนผู้ต้องการมีมาก แต่จำนวนยามีจำกัด ราคาจึงสูงลิ่ว

แต่ตอนนี้  นางกลับได้เม็ดยาระดับสี่มาครอบครอง  นับร้อยขวด  และสมุนไพรวิญญาณ อายุพันปีอีกหลายร้อยต้น

มันมากกว่าที่นางสะสมมาตลอดหลายร้อยปีเสียอีก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือโชคลาภชั่วข้ามคืน

เมื่อคิดได้ดังนั้น  นางก็อดหันไปมองโจวสุ่ยไม่ได้

เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่นางคนเดียวที่เข้ามาในหอเม็ดยา  แต่ยังมีชายที่อยู่ตรงหน้านางอีกคน

เม็ดยาเหล่านี้  ย่อมต้องแบ่งให้อีกฝ่าย

และชายผู้นี้ย่อมได้ส่วนแบ่งไปมากที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว  หากปราศจากชายผู้นี้  นางย่อมไม่อาจเข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน

พูดตามตรง  ตอนนี้นางไม่มีความคิดที่จะฆ่าฟันแย่งชิงสมบัติแล้ว

ปกติแล้ว  หากนางพบเจอกับผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ  นางย่อมคิดที่จะลงมือสังหาร  กำจัดคู่แข่ง  และยึดครองสมบัติที่นี่เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

แต่ตอนนี้  นางกลับแค่อยากแบ่งปันสมบัติที่นี่กับชายผู้นี้

ต่อให้ชายผู้นี้จะเอาไปมากกว่า  นางก็ยินยอม

มันช่างขัดกับนิสัยเดิมของนางอย่างสิ้นเชิง

“เจ้านิกายเฉียน  เม็ดยาและสมุนไพรวิญญาณ เหล่านี้  เจ้าเก็บไว้เถอะ”

“ข้าต้องการเพียงวิชาบ่มเพาะและสมบัติวิญญาณที่นิกายสังหารปิศาจครอบครองอยู่ก็พอแล้ว”

โจวสุ่ยกล่าวกับเฉียน จื่อหยุน  พร้อมกับเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา

สำหรับเขาแล้ว  เม็ดยาระดับสี่และสมุนไพรวิญญาณ อายุพันปี  เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว  ด้วยพลังของกู่เม็ดยา  เขาก็สามารถเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณ อายุพันปีได้เป็นจำนวนมาก  ได้ทุกเมื่อ

เมื่อใดที่ระดับการปรุงยาของเขาก้าวหน้าขึ้น  เขาก็สามารถหลอมเม็ดยาระดับสี่ได้เช่นกัน

แน่นอนว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ  เขาต้องการช่วยเฉียน จื่อหยุน  พัฒนาพลัง

หากนางสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสร้างวิญญาณได้  เขาก็จะมีคู่หูระดับสร้างวิญญาณ

ได้ เขาก็จะมีคู่บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอยู่เคียงข้าง

การลงทุนครั้งนี้นับว่าคุ้มค่า...

“จ...จริงหรือ?”

เฉียน จื่อหยุน ตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าเขาจะตัดสินใจเช่นนี้

สำหรับผู้บ่มเพาะแล้ว  ไม่มีอะไรล้ำค่าไปกว่าเม็ดยาและสมุนไพรวิญญาณ อีกแล้ว  เพราะมันคือทรัพยากรที่ใช้ในการบ่มเพาะพลัง

ท้ายที่สุดแล้ว  ผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณคนใด  จะไม่มีวิชาบ่มเพาะระดับสูงประจำตัวกัน?

ต่อให้เป็นวิชาบ่มเพาะของนิกายสังหารปิศาจ  มันก็อาจจะไม่เหมาะกับตัวนางก็ได้

ยิ่งผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณ ยากที่จะเปลี่ยนแปลงวิชาที่ฝึกฝน

ตำราวิชาของนิกายสังหารปิศาจจึงมีค่าเพียงใช้ศึกษาเปรียบเทียบเท่านั้น

ส่วนสมบัติวิญญาณ  ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ท้ายที่สุดแล้ว  ในฐานะผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณ  เกือบทุกคนล้วนแล้วแต่มีสมบัติวิญญาณประจำตัว

ต่อให้จะมีสมบัติวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกสัก 2-3 ชิ้น  มันก็ไม่อาจเพิ่มพลังต่อสู้ของผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณได้

การใช้สมบัติวิญญาณชิ้นเดียวได้อย่างชำนาญ  ก็ถือว่าเก่งแล้ว

เปรียบเสมือนนักดาบ การมีดาบหลายเล่ม ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งกาจขึ้น

แน่นอนว่า  หากได้สมบัติวิญญาณเชื่อมสวรรค์มาครอบครอง  ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พลังของมันไม่อาจเทียบกับสมบัติวิญญาณทั่วๆ ไปได้

ปัญหาคือ  ในโลกแห่งการบ่มเพาะ  คงไม่มีสมบัติวิญญาณเชื่อมสวรรค์หลงเหลืออยู่มากนัก

แม้แต่ในโลกแห่งการบ่มเพาะยุคโบราณ  สมบัติวิญญาณเชื่อมสวรรค์ก็หาได้ยากยิ่ง  นับจำนวนได้เลยทีเดียว

ทั้งนิกายสังหารปิศาจ  มีเพียง  “หอคอยผนึกปีศาจแปดทิศ”  เท่านั้น  ที่เป็นสมบัติวิญญาณเชื่อมสวรรค์

ดังนั้นนางจึงไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

เม็ดยาและสมุนไพรวิญญาณ  คือทรัพยากรที่ทำให้ผู้บ่มเพาะระดับแยกวิญญาณ  ก้าวไปสู่ความสำเร็จ

ส่วนอย่างอื่น  ไม่ต้องพูดถึง

ด้วยเหตุนี้  นางจึงรู้สึกเหลือเชื่อกับการตัดสินใจของโจวสุ่ย

"ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้"

“หากเจ้านิกายเฉียน  ไม่รังเกียจ ก็รับไปเถอะ”

“ถือว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้กับอาจารย์เตี๋ยอี๋ก็แล้วกัน”

โจวสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ

(จบตอน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด