บทที่ 86 เผชิญการโจมตีเชิงรุกอันดุดัน
กระบี่เป็นอาวุธสังหารชั้นยอด!
มั่นใจได้เลยว่า การสู้รบที่แท้จริงนั้นคือการฝึกฝนเพลงกระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ว่าได้!
หลัวเฉิงจมดิ่งเข้าไปในห้วงฝึกกระบี่อย่างสมบูรณ์
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร……”
โม่หลินที่กำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ เมื่อเห็นหลัวเฉิงทำเช่นนั้น แววตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
ในสนามรบแท้จริงขณะนี้ตกอยู่ในความโกลาหล จนทำให้ผู้คนโดยรอบไม่ทันได้สังเกตเห็น แต่ตัวเขานั้นมองเห็นการร่ายรำกระบี่ได้อย่างชัดเจน
ในตอนแรก การออกกระบวนท่ากระบี่ของหลัวเฉิงนั้นไร้ซึ่งระเบียบไม่ราบรื่นพริ้วไหว เขาเพียงฟาดฟันออกไปโดยไร้ซึ่งกระบวนท่า เห็นได้ชัดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้จับกระบี่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ หลัวเฉิงกลับสามารถร่ายรำกระบี่ออกมาได้อย่างพริ้วไหวดุจเมฆและลื่นไหลราวกับสายธาร ประหนึ่งว่าเป็นมือกระบี่ที่ได้รับการขัดเกลาฝีมือมาอย่างยาวนาน!
หากเขามิได้ประสบพบเห็นด้วยตาตนเอง โม่หลินคงไม่มีทางเชื่อว่า จะมีใครสักคนในยุทธภพสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่จนคล่องแคล่วได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้!
“ช่างเป็นอัจฉริยะในด้านวรยุทธกระบี่ที่ไร้ผู้ใดเปรียบ! แต่ช่างน่าเสียดายที่เขาได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา น่าเสียดายพรสวรรค์เช่นนี้ยิ่งนัก…”
โม่หลินพึมพำกับตนเองด้วยความรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด
หากหลัวเฉิงปลุกได้วิญญาณยุทธ์ระดับสูง ฝึกฝนควบคู่ไปกับพรสวรรค์ด้านกระบี่ เขาจะต้องกลายเป็นมือกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่แน่ในอนาคต!
“เฮ้ย…ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าสงสารนัก…”
โม่หลินทอดถอนใจอีกครั้ง
แม้นจะฝึกฝนวรยุทธจนบรรลุระดับสูงสุด แต่กลับปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา นี่มันก็ไม่ต่างอันใดกับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งยากหาใดเปรียบหากเทียบกับทารก!
สุดท้ายแล้วพรสวรรค์นี้ก็ไร้ค่าอยู่ดี ด้วยเรื่องเช่นนี้จะไม่ให้โม่หลินพึมพำด้วยความสงสารได้อย่างไร
“พวกเจ้าคุกเข่าลงแล้วยอมให้ข้าสังหารแต่โดยดี!”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนแข็งกร้าวอย่างเย็นชาก็ดังขึ้น พร้อมกับชายวัยกลางคนร่างสูงถือหอกยาววิ่งเข้าไปหาหลัวเฉิงท่ามกลางการต่อสู้
“ผู้อาวุโสหลินเย่!”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนร่างสูง บรรดาปรมาจารย์ของตระกูลหลินคนอื่นๆ ก็รีบก้าวถอยออกเป็นวงกว้างทีละคน
โม่หลินเห็นว่าหลินเย่คนนี้อยู่ที่ระดับที่สามของขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ เขาใคร่ครวญด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ลงมือ
เนื่องจากก่อนสงครามกลางเมืองจะเริ่มขึ้น หลัวเฉิงเคยกล่าวไว้ว่า นอกจากชีวิตเขาจะตกอยู่ในอันตรายก็ไม่จำเป็นต้องลงมือใดๆ ทั้งสิ้น
“ไอ้เด็กสารเลว ไปตายซะ!”
ผู้อาวุโสหลินเย่ทะยานร่างขึ้นสูงเหนือนภากาศ พร้อมกับหอกยาวที่เต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาตจำนวนมาก แล้วแทงทะลวงเข้าใส่หลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหลัวเฉิงหรี่ลง ในเวลาเดียวกันเขาก็ยกกระบี่ยาวในมือขึ้นมาปัดป้อง
ประกายไฟอันเกิดจากแรงปะทะแตกกระจายอย่างต่อเนื่อง พานให้หลัวเฉิงถึงกับต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“นับว่าเจ้ายังพอมีฝีมืออยู่บ้าง! แต่ช่างน่าเสียดายที่เจ้าต้องตายตรงนี้! ประกายเพลิงเมฆา!”
ผู้อาวุโสหลินเย่เหยียดยิ้มอำมหิต ขณะที่หอกในมือประหนึ่งมีชีวิตขึ้นมา เขาจ้วงแทงหลัวเฉิงอย่างรวดเร็วสิบแปดครั้งติดต่อกันในไม่ถึงลมหายใจ ปลายหกประกายแสงเยือกเย็นพร้อมเปลวไฟประกายอยู่ปลายหอกแตกกระจายอย่างต่อเนื่อง!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวเฉิงได้ประมือกับผู้แข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม และได้เผชิญกับการโจมตีเชิงรุกอันรุนแรงดุดันเช่นนี้ จนบีบบังคับให้เขาถึงกับต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หลินเย่ไม่มีทางปล่อยโอกาสที่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบให้หลุดมืออย่างแน่นอน เขาแทงหอกอย่างรุนแรงทีละครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่แทงเขาตั้งใจจะทะลวงอกของหลัวเฉิงให้เป็นรู!
ทันใดนั้น แววตาของหลัวเฉิงก็ทอประกายแสงเย็นวาบ ขณะเดียวกันเขาก็จดจำเคล็ดวิชากระบวนท่าแรกของทลายสวรรค์สี่กระบวนได้แล้ว ซึ่งนี่เป็นกระบวนท่าทำลายการโจมตีในครั้งเดียว!
“สวรรค์ถล่มสายลมชะงัก กระบวนท่าแรก!”
ขณะที่ท่องเคล็ดวิชาทลายสวรรค์สี่กระบวนในใจอย่างเงียบๆ ปราณอันแหลมคมกริบก็พุ่งออกจากกระบี่ในมือของหลัวเฉิง ประหนึ่งว่าพลังที่ถูกปิดผนึกไว้ถูกปลดปล่อย
ปราณกระบี่วาบวับหายไปคล้ายดั่งสายลม
ฉัวะ!
ทันใดนั้น แขนขวาของหลินเย่ที่คว้าหอกแทงเมื่อครู่ ก็สะบั้นขาดลอยกระเด็นออกไป พร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น
“เจ้า นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”
หลินเย่เหลือบมองแขนขวาของตนบนพื้น ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองหลัวเฉิงด้วยสีหน้าประหลาดใจยิ่ง
ฉัวะ!
ขณะที่หลินเย่กำลังตกตะลึง หลัวเฉิงก็เวียงกระบี่เข้าใส่ลำคอของเขาจนสะบั้นขาด แววตาของเขายังเบิกกว้างมองหลัวเฉิงอยู่เช่นนั้นก่อนมันจะมืดดับลงพร้อมกับศีรษะที่ร่วงหล่นสู่พื้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองนั้นตายอย่างไร
ไม่เพียงแค่หลินเย่เท่านั้น กระทั่งผู้คนโดยรอบที่จับจ้องสถานการณ์ก็มิอาจล่วงรู้ได้เช่นเดียวกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่หลัวเฉิงเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนมิใช่หรือ แต่ไฉนหลินเย่กลับพ่ายแพ้ในชั่วพริบตา?”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วเกินไปจนข้าไม่อาจมองได้ทันว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผู้คนโดยรอบต่างผงะตกใจมิแพ้กัน
มีเพียงโม่หลินผู้ชาญฉลาดเท่านั้น ที่มองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
แม้นหอกของหลินเย่จะว่องไวมากก็จริง แต่ทว่า เพลงกระบี่ของหลัวเฉิงนั้นกลับเร็วยิ่งกว่า!
โม่หลินยังคงพบอีกว่า ตัวเขาเองนั้นยังประเมินพรสวรรค์ด้านกระบี่ของหลัวเฉิงต่ำไป!