ตอนที่แล้วบทที่ 75 ขุนนางหนุ่ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 77 โจมตีเต่าด้วยน้ำแข็งและไฟ

บทที่ 76 น้ำแข็งและไฟ


ในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ หลินเป่ยดูการคัดเลือกอย่างตั้งใจ ส่วนชูเหลียงเลือกที่จะฝึกฝนด้วยตัวเอง

ที่พักของพวกเขาอยู่ในลานบ้านที่สวยงามและเงียบสงบซึ่งแยกออกจากส่วนหลักของสวนหลี่เจียจวง พวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดีที่นั่น

ตอนนี้ชูเหลียงกําลังเรียนฝึกฝนรอยประทับกระบี่เวทย์อยู่ในลานที่เงียบสงบแห่งนี้

หลังจากฝึกฝนมาระยะหนึ่ง ระดับความชำนาญของเขาก็มาถึงระดับสูงพอสมควร และการใช้พลังประสานทั้งลมและไฟก็ค่อนข้างลงตัวดี

ชูเหลียงต้องการเพิ่มจํานวนอักขระที่เขาสามารถใช้ได้ในเวลาเดียวกันเป็นสาม อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นจะยิ่งท้าทาย เพราะมันเกี่ยวข้องกับพลังของสัมผัสสึกศักดิ์สิทธิ์ของเขา อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในช่วงปลายของระดับการตระหนักรู้ทางวิญญาณแล้ว และน่าจะทำอะไรที่เหนือไปกว่ากระบี่สองอักขระในไม่ช้า

ดังนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาและฝึกการผสมอักษรอักขระมากขึ้น เขามีพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นหากเขายังคงเชี่ยวชาญอักขระมากขึ้น เขาจะสามารถใช้การผสมผสานอักขระต่างๆ กับรอยประทับกระบี่ของเขาได้มากขึ้นตามการฝึกฝนของเขา

ส่วนอักขระที่เขากำลังฝึกอยู่ตอนนี้คือน้ำแข็ง

ในบรรดาธาตุทั้งห้า ไฟเป็นอักขระพื้นฐานที่สุด บนพื้นฐานของไฟมันสามารถสร้างพลังผสมได้มากมาย กระบี่อักขระคู่ลมและไฟที่ชูเหลียงมีอยู่แล้วเป็นตัวอย่างหนึ่ง ลมจะเสริมพลังของไฟ และเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน ลมก็จะทรงพลัง พลังของมันส่งเสริมกันและกันทำให้จนทำให้มีอานุภาพที่รุนแรงมาก

ในทำนองเดียวกัน หากเขาได้เรียนรู้อักขระ สายฟ้า เขาจะสามารถสร้างการรวมกันของกระบี่สองอักขระได้อีก เช่นพลังกระบี่ไฟสายฟ้า หรือพายุสายฟ้า และการใช้รอยประทับกระบี่ที่ผสมกับพลังลม ไฟและสายฟ้าจะเพิ่มพลังของรอยกระบี่ขึ้นอย่างมาก

หรือถ้าเขาได้เรียนอักขระไม้ด้วย เขาก็สามารถรอยประทับกระบี่อักขระคู่ไฟและไม้ได้ เขาจะสามารถใช้อักขระไม้เพื่อเร่งอักขระไฟและปล่อยเปลวไฟที่ทรงพลังมากออกจากกระบี่ได้

การรวมกันเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แต่ในมุมมองของ ชูเหลียงอักขระที่ใช้เพิ่มพลังของธาตุนี้ค่อนข้างคล้ายกับกระบี่ไฟและลมของแขา การเรียนรู้พวกมันจะไม่ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สําคัญใดๆ ต่อการพัฒนาของเขา

อย่างไรก็ตาม ลักษณะของอักขระ น้ำแข็ง นั้นต่างกัน

ในบรรดาอักขระคู่ มีการดํารงอยู่พิเศษอย่างหนึ่งก็คืออักขระคู่น้ําแข็งและไฟ ซึ่งแตกต่างจากการรวมกันเพื่อส่งเสริมพลังของรอยประทับกระบี่อื่นๆ

ความพิเศษของรอยประทับกระบี่อักขระคู่ไฟและน้ำแข็ง คือมันผสมผสานสองพลังธาตุที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การรวมกันของน้ำแข็งและไฟทำให้เกิดพลังที่น่าทึ่งที่สามารถทำลายการป้องกันของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายราวกับการทุบหญ้าที่ตายแล้วและไม้เน่า พลังดังกล่าวเป็นสิ่งที่พิเศษมาก

นั่นทำให้อักขระน้ำแข็งเป็นอักขระที่ 3 ที่เขาเลือกเรียน

สำหรับชูเหลียง ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเชี่ยวชาญอักขระน้ำแข็ง เพราะเขามีประสบการณ์ในการเรียนรู้อักขระมาก่อน แม้อักขระนี้จะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงเรื่องของการฝึกซ้อมอีกหลายครั้งเท่านั้น

เขาเคยลองใช้กระบี่น้ำแข็งมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ว่าพลังกระบี่จะไปถึงไหน ลมหนาวก็จะตามไป และถ้าใครถูกกระบี่น้ำแข็งนี้ บาดแผลจะถูกเติมด้วยน้ำแข็งและปิดผนึกไว้ มันก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าบาดแผลจากกระบี่ธรรมดาเสียอีก

อย่างไรก็ตาม กระบี่น้ำแข็งและไฟเข้ากันได้นั้นยากกว่ากระบี่ลมและไฟถึงสิบเท่า ธาตุน้ำแข็งและไฟเป็นปฏิปักษ์กันจึงไม่สามารถรวมกันได้ง่ายนัก ช่วงเวลาที่อักขระปรากฏขึ้น พวกมันจะปะทะกันและระเบิดเหนือศีรษะก่อนที่พลังธาตุจะปรากฏ การปะทะกันของน้ำแข็งและไฟทําให้เกิดการระเบิดค่อนข้างแรง

เมื่อคิดอย่าละเอียด ชูเหลียงจึงเข้าใจว่า ประเด็นคือต้องไม่ให้อักขระสองตัวนี้ชนกัน เขาต้องควบคุมพวกมันด้วยพลังกระบี่ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับแนวคิดของการควบคุมที่ละเอียดอ่อนซึ่งเชื่อมโยงกับแง่มุมต่างๆ ของการบ่มเพาะอย่างไม่น่าแปลกใจ

แต่ด้วยการฝึกฝนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างหนัก ดังนั้นเขาอาจคุมสัมผัสได้ดีกว่าผู้บ่มเพาะหลายคนที่อยู่ในระยะสุดท้ายของการตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม เขายังรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอ นี่เป็นเพราะเป้าหมายของเขาไปไกลเกินกว่าระดับการบ่มเพาะของเขา ศิษย์ในวัยเดียวกันคงไม่ลองฝึกฝนรอยประทับกระบี่ที่ซับซ้อนถึงเพียงนี้

หลังจากการฝึกซ้อมตลอดทั้งเช้า ในที่สุดชูเหลียงก็ประสบความสําเร็จในการใช้รอยกระบี่คู่น้ำแข็งและไฟของเขา พลังของมันนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากระบี่ลมและไฟเลย แต่มันมีความสามารถในการทําลายวัตถุที่แข็งแกร่งกว่า พลังทําลายล้างที่น้ำแข็งและไฟทำได้นั้นน่าเหลือเชื่อทีเดียว

อย่างไรก็ตาม อัตราความสําเร็จของชูเหลียงยังค่อนข้างต่ำ เขาพยายามสิบครั้งและทําสําเร็จเพียงสามครั้งเท่านั้น

ชูเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่าเขาได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงทักษะของเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม ความสําเร็จยังคงขึ้นอยู่กับโชคในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทําอะไรกับมันได้จริง ๆ

อืม..

ขณะที่ชูเหลียงกำลังคิดถึงโชคอยู่นั้น จู่ๆ ภาพของคนคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว

ชูเหลียงรีบขึ้นไปที่ชั้นบนของศาลาและเคาะประตูห้อง

"มีอะไรหรือ" หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อเปิดประตูและถามอย่างงัวเงีย

หนูน้อยคนนี้หลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ถ้าไม่ใช่เสียงเคาะประตูของชูเหลียง เธออาจจะไม่ออกมาเลย

"แม่นางหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ ช่วยข้าเสียหน่อยได้หรือไม่" ชูเหลียงถามด้วยรอยยิ้ม

เขาผลักเด็กหญิงตัวเล็กๆ ไปตลอดทางจนถึงกลางลาน

แสงแดดที่แสบตาส่องลงบนศีรษะของเธอ ในที่สุดหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อก็ลืมตาและเอ่ยถาม "ท่านอยากให้ข้าช่วยอย่างไรหรือ"

"แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว" ชูเหลียงตอบ "อืม.. จากนั้นก็ช่วยอวยพรให้ข้าประสบความสําเร็จ”

หญิงสาวสับสน "อวยพร.. ให้สําเร็จหรือ"

“ใช่แล้ว อวยพรให้ประสบความสำเร็จ ชูเหลียงกล่าวย้ำ

ดังนั้น หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อจึงยืนอยู่ที่นั่น ด้วยสีหน้างงงวย

จากนั้นชูเหลียงก็ได้เรียกกระบี่บินออกมาเพื่อฝึกต่อไป

"น้ำแข็ง... และไฟ... ไป!"

ฟ่าว ฟ่าว

กระบี่บินเปล่งแสงเงินประหลาดในอากาศ พร้อมกับเสียงคมกระบี่ที่ตัดผ่านลม กระบี่เปล่งประกายราวดาวตกที่นํากระแสสีแดงและสีขาวที่พัวพันกันอย่างปั่นป่วนแล้วพุ่งตกลงในระยะไกล

ตูม!

เมื่อฝุ่นจางลง ก็เผยให้เห็นหลุมที่ไหม้เกรียมซึ่งปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง

"จริงหรือ..." ชูเหลียงพึมพําพลางกะพริบตา "มันได้ผลจริงหรือ"

เขาใช้กระบี่สองอักขระไฟและน้ำแข็ง อีกเก้าครั้งติดต่อกัน รวมทั้งสิ้นสิบครั้ง ความพยายามครั้งที่สิบล้มเหลวเนื่องจากชี่ที่หมดลง แต่เก้าครั้งก่อนหน้านั้นประสบความสำเร็จ!

หมายความว่าอัตราความสําเร็จของชูเหลียงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

นี่คือพลังเวทย์ของปลาคาร์ฟงั้นหรือ

เขามองไปที่หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ.. หากมีเธออยู่ข้างๆ สิ่งที่เขาจะทำได้ในอนาคตจะไม่ธรรมดาแน่นอน

เด็กหญิงตัวเล็ก รู้สึกเบื่อและหาว เธอหรี่ตาและถาม “มีอะไรกินบ้าง ข้าหิวแล้ว”

...

ชูเหลียงรีบเรียกหญิงชราคนหนึ่งของตระกูลหลี่มาทําอาหารให้หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ

บังเอิญเวลานี้ผู้ดูแลซุยก็มาหาชูเหลียงเพื่อจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา

"ข้ารู้บางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงที่ท่านให้ข้าหาข้อมูลแล้วขอรับ" ผู้ดูแลซุยพูดเบา ๆ

"งั้นหรือ" ชูเหลียงกล่าว

ผู้จัดการชุยอธิบายต่อ "มีคนพบหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับเด็กคนนั้นในคฤหาสน์เมื่อสองวันก่อน ตอนนั้นลูกชายของตระกูลจื่อซานซึ่งเป็นขุนนางได้มาจัดงานเลี้ยงในคฤหาสน์ มีคนเห็นเธอคุยกับขุนนางหนุ่มอยู่สักพักเพียงเท่านั้น จากนั้นก็ไมมีผู้ใดเห็นเธอแล้ว หากท่านอยากตามหาเธอ ท่านขุนนางอาจจะรู้ที่อยู่ของเธอ"

"ขุนนางจื่อซานงั้นหรือ"

นี่เป็นครั้งแรกที่ชูเหลียงได้ยินชื่อนี้

ผู้ดูแลซุยก็อธิบายให้ชูเหลียงฟังอย่างรวดเร็วว่า จื่อซานคือใคร

หลังจากจักรพรรดิหยูสืบราชบัลลังก์แล้ว ตระกูล รัฐมนตรีและผู้มีอํานาจจํานวนมากได้รับการแต่งตั้งเนื่องจากบุญคุณของเขา ส่วนใหญ่มาจากภาคตะวันตกและภาคใต้ที่ยากจนและแห้งแล้ง

หลังจากหลายปีของการสืบทอด ครอบครัวเหล่านี้ได้สูญเสียอํานาจที่แท้จริงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงเป็นครอบครัวที่เคารพนับถืออย่างสูง

"ข้าเข้าใจแล้ว..." ชูเหลียงกล่าว "เช่นนั้นเราไปถามท่านขุนนางกันเถิด"

"ข้าได้ส่งจดหมายเพื่อสอบถามเกี่ยวกับนางแล้วขอรับ แต่อาจจะใช้เวลานานในการตอบหากเมื่อพิจารณาถึงสถานะอันทรงเกียรติของตระกูลขุนนาง ทว่าในวันพรุ่งนี้เมื่อเราจะจัดงานเลี้ยงที่นี่ ขุนนางในเมืองจะเข้าร่วมและท่านขุนนางที่เราพูดถึงก็เป็นหนึ่งในนั้น ข้าเสนอให้ท่านและสหายของท่านเข้าร่วมงานในฐานะตัวแทนแห่งฉูซานและเข้าไปสอบถามเขาด้วยตนเองเป็นอย่างไรขอรับ" ผู้ดูแลซุยแนะนำ

"ฟังดูไม่เลวขอรับ" ชูเหลียงพยักหน้า "ขอบท่านซุยขอรับ"

"โอ้ มิได้ขอรับ" ผู้ดูแลซุยตอบด้วยรอยยิ้ม

ชูเหลียงที่กำลังจะพูดคุยกับผู้ดูแลซุยต่อแต่จู่ๆ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อนในเจดีย์ขาว

นั่นคือ เพชฌฆาตสีชาด กระบี่แห่งความชอบธรรมกำลังส่งสัญญาณ

คิ้วของชูเหลียงกระตุกเล็กน้อย

มีคนไม่ดีอยู่บริเวณนี้งั้นหรือ..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด