ตอนที่แล้วบทที่ 195 หมีขาวแห่งขั้วโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 197 การเปลี่ยนแปลง

บทที่ 196 ไต้ฝุ่น


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel  แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 196 ไต้ฝุ่น

หลังจากออกจากเมืองนีโอเลซุนด์ ซุนเฉิงก็ใช้เวลาสักครู่ในการกำหนดทิศทางแล้วบินตรงไปยังเซเวโรดวินสค์ ซึ่งเป็นท่าเรือในแคว้นอารฺ์คันเกลสค์ ประเทศรัสเซีย!

เขาพุ่งไปจนกระทั่งอยู่ห่างจากเซเวโรดวินสค์ไม่ถึงร้อยกิโลเมตร จากนั้นเขาก็ลงมาจากระดับความสูงกว่า 20,000 เมตรและเข้าไปในเซเวโรดวินสค์อย่างลับ ๆ จากใต้ผิวน้ำทะเล

มันต่างจากประเทศจีน ซุนเฉิงไม่ได้มีความรู้สึกเชิงบวกอะไรต่อรัสเซียเลย เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ประเทศรัสเซียเพิ่งจะยึดครองดินแดนของจีนไปหลายล้านตารางกิโลเมตรนี้เอง

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะวางแผนที่จะเป็นพันธมิตรกับรัสเซียและสนับสนุนให้ต่อสู้กับสหรัฐอเมริกา แต่ว่าในการพบกันครั้งแรกนี้ เขาก็ไม่ได้เตรียมที่จะเข้าไปพบอย่างเป็นทางการ แต่เขาเลือกสร้างข่าวใหญ่โตแทน

หลังจากพิจารณาบางอย่าง ซุนเฉิงก็หันความสนใจไปที่ท่าเรือทางตอนเหนือที่ห่างไกลของรัสเซียอย่าง เซฟเวอร์ดวินสค์

ในโลกของทรานส์ฟอร์เมอร์ส ถึงสหภาพโซเวียตจะสลายตัวไปนานแล้ว...

แต่ในฐานะผู้สืบทอดหลักของสหภาพโซเวียตอันดั้งเดิม รัสเซียจึงได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินจำนวนมหาศาล เซเวโรดวินสค์ที่เป็นเมืองท่าริมมหาสมุทรอาร์กติกจึงเป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าที่สุดในหมู่สมบัติที่เหลือไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จะมีประชากรจะมีจำนวนน้อยกว่าสามแสนคน แต่ก็มีโรงงานต่อเรือทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย และอาจถึงขั้นใหญ่สุดในยุโรปทั้งหมด มันคือศูนย์การผลิตเครื่องจักรแห่งทางเหนือ!

ซึ่งในระหว่างที่มา ซุนเฉิงก็เห็นกองเรือที่ทรุดโทรมของรัสเซีย สภาพเลวร้ายยิ่ง!

ตัวกองเรือทั้งหมดของรัสเซียจะมีเรือลาดตระเวนชั้นคิรอฟ  เพียงไม่กี่ลำที่มีขนาดเกินกว่า 25,000 ตันและบรรจุขีปนาวุธได้มากกว่า 400 ลูกบนเรือ ซึ่งพอจะทำให้หวนนึกถึงอดีตอันน่าสะพรึงกลัวของยักษ์แดงตนนี้ได้บ้าง!

ทว่าเป้าหมายของซุนเฉิงในครั้งนี้ไม่ใช่ชั้น "คิรอฟ" สายตาของเขาเปลี่ยนไปจับจ้องที่อู่ต่อเรือเซเวอร็อดวินสค์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของสมาคมการผลิตและการผลิตเครื่องจักรทางเหนือ

มันเป็นโรงงานลับที่มีจุดมุ่งหมายให้กับการสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในยุคโซเวียต แต่ปัจจุบันเป็นอู่ต่อเรือผลิตเรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีบางอย่างที่เขาปรารถนาอย่างมากที่มันถูกเรียกว่า "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นไต้ฝุ่น"

"เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นไต้ฝุ่น" เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์รุ่นที่สี่ที่ประจำให้กับกองทัพเรือรัสเซีย

ถึงมันจะดูคล้ายกับ "เรือลาดตระเวนชั้นคิรอฟ" แต่ "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นไต้ฝุ่น" ถือเป็นจุดสูงสุดของขีดความสามารถด้านพลังงานนิวเคลียร์ของอดีตสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น

มันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อต่อสู้และเหนือกว่า "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ระดับโอไฮโอ" ของสหรัฐอเมริกา เรือดำน้ำประเภทนี้สามารถบรรทุกขีปนาวุธ P-39 ได้ยี่สิบลูก โดยขีปนาวุธแต่ละลูกสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้สิบหัว เรือดำน้ำเพียงลำเดียวก็สามารถส่งประเทศขนาดกลางกลับไปยังยุคหินได้เลย

ในช่วงยุคสหภาพโซเวียต เดิมมีการวางแผนก่อสร้างเรือชั้นไต้ฝุ่นทั้งหมด 10 ลำ ทว่าในโลกนี้ สหภาพโซเวียตได้ล้มสะลายตัวลงในปี 1991 ส่งผลให้มีการสร้างเรือชั้นไต้ฝุ่นเพียง 7 ลำก่อนการสลายตัว

จากทั้งหมดนี้ 6 ลำเสร็จสมบูรณ์และประจำทัพก่อนที่จะสลายตัวไป ซึ่งอีก 1 ลำถูกรื้อถอนก่อนที่จะเสร็จสมบูรณ์

หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต รัสเซียต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน และเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูง พวกมันจึงถูกบังคับให้ปลดประจำการและรื้อเรือสามลำ มันจึงเหลือเพียงสามลำที่ยังคงประจำการอยู่

เป้าหมายของซุนเฉิงคือ "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ขีปนาวุธชั้นไต้ฝุ่น" สองลำของรัสเซียที่กำลังประจำการในอู่ต่อเรือเซเวอร็อดวินสค์ ภายใต้ข้ออ้างของ "การบำรุงรักษา" ตั้งแต่ต้นปีนี้

ทั้งที่ในความเป็นจริง…พวกมันอยู่ในสถานะกึ่งปลดประจำการแล้ว

ในปีค. ศ. 2007 เศรษฐกิจและความแข็งแกร่งของรัสเซียได้สู่ช่วงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขามีประธานาธิบดีที่เอาเรื่องอยู่พอควร

ซึ่งทำให้พวกเขาเพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นไปอีก แต่เรือดำน้ำ "ชั้นไต้ฝุ่น" ก็ยังไม่อาจเอามาประจำการได้อยู่ดี

เรือลำนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเหมือนดั่งสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เหนือกว่า "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ระดับโอไฮโอ" ของสหรัฐอเมริกา

เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นนี้มีการความกว้างเกือบสองเท่าของเรือชั้นโอไฮโอ แต่พลังนิวเคลียร์ของพวกมันต่ำกว่า

ทางฝั่งอเมริกา เรือดำน้ำชั้นโอไฮโอ 8 ลำแรกที่ประจำการกับกองทัพเรือสหรัฐติดตั้งขีปนาวุธตรีศูล-I (C4) 24 ลูก ส่วนเรือดำน้ำ 9 ลำถึง 18 ลำหลังนั้นบรรทุกขีปนาวุธตรีศูล-II 24 ลูก

ซึ่งทางฝั่งรัสเซีย เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นสามารถบรรทุกขีปนาวุธ P-39 (ชื่อรหัสนาโต: SS-N -20) ได้เพียง 20 ลูกเท่านั้น

นอกจากนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งของอดีตสหภาพโซเวียตมีความก้าวหน้าน้อยกว่าสหรัฐ จึงทำให้ขีปนาวุธ P-39 และ ตรีศูล มีความแตกต่างกันอย่างมาก

ควบคู่ไปกับขนาดที่ใหญ่มหึมาของมัน ทำให้ง่ายต่อการตรวจจับและยากในการบำรุงรักษา มันจึงเป็นของล้าสมัยที่ถูกทิ้งโดยรัสเซียไปเสียแล้ว

ซึ่งเมื่อ "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นโบเร" ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสิ้นปี 2005 เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นที่ยังคงประจำการในรัสเซียก็มีอยู่สองลำ

นั่นคือ อาร์คันเกลสค์ และ เซเวอร์สตาลี่ พวกมันถูกกำหนดให้เป็นเรือสำรองเพื่อสนับสนุนเรือดำน้ำ "ดีมิตรี ดอนสคอย" ตั้งแต่นั้นมา พวกมันประจำการที่ท่าเรือของกองทัพเรือภาคเหนือเป็นระยะเวลานานแล้ว

แต่ในช่วงต้นปีนี้เอง ได้มีคำสั่งโยกย้าย อาร์คันเกลสค์และเซเวอร์สตาลี่ จนท้ายที่สุดมันก็ถูกมายังอู่ต่อเรือเซเวโรดวินสค์

รอคำคำสั่งหน่วยงานระดับสูงเพื่อให้ปลดประจำการพวกมันและรื้อถอนออกไป

กองเรือทางตอนเหนือของรัสเซียประจำอยู่ที่เซเวโรดวินสค์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ซุนเฉิงพยายามเข้าใกล้ท่าเรือจากทะเล

มันเลยบ่ายสามไปแล้ว เมืองเซเวโรดวินสค์อยู่ใต้ท้องฟ้าที่มีเมฆหมอกมากมาย ไร้แสงแดดจนทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม

ในเดือนตุลาคม ท่าเรือทหารของเซเวโรดวินสค์ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว แม้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคม แต่หิมะก็เพิ่งจะตกลงมา ทำให้อุณหภูมิต่ำกว่าลบยี่สิบองศาไปแล้ว

ช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ เมืองต่าง ๆ ในอาร์กติกเซอร์เคิลมักจะหนาวเย็นเช่นนี้อยู่ตลอด

ด้วยการหลบเลี่ยงแนวป้องกันความปลอดภัยของกองทัพรัสเซีย ซุนเฉิงจึงสามารถเข้าไปในบริเวณท่าเรือทหารของท่าเรือเซเวโรดวินสค์และปีนขึ้นฝั่งอย่างเงียบ ๆ ได้สำเร็จ

ร่างกายจักรกลของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำทะเล

ซุนเฉิงหยุดนิ่ง สะบัดชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ออกจากร่างจักรกลของเขา และมองไปในระยะไกลที่ท่าเรือทหารที่มีแสงสลัว ๆ เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก

ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบของเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่น นักออกแบบได้คำนึงถึงพื้นที่เพื่อให้มันเพียงพอสำหรับการปรับปรุงให้ทันสมัยในอนาคต

นั่นหมายความว่า เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นนี้มีศักยภาพที่สามารถอัปเกรดได้

ครั้งหนึ่งกองทัพรัสเซียได้พิจารณาให้มีการพัฒนาเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นในปี 2003 มีรายงานข่าวระบุว่าอู่ต่อเรือเซเวโรดวินสค์ได้เสนอเงิน 485,000 ล้านรูเบิล (ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการอัปเกรดมัน

แต่สุดท้าย…ความคิดในการยกระดับเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นนี้ก็ถูกปัดตกไป

เพราะการลงทุนงบประมาณของเรือดำน้ำโบรีที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดนั้นมีราคาอยู่ที่ 26,000 พันล้านรูเบิลเท่านั้น

คิดดูสิว่าระหว่างเอาเงินไปพัฒนาเรือรุ่นเก่า กับเอาไปพัฒนาเรือรุ่นใหม่ อันไหนคุ้มค่ากว่ากัน?

จนผลสุดท้าย เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นจึงได้กลายเป็นภาระหนักอึ้งสำหรับรัสเซียในปัจจุบัน

แต่กับซุนเฉิงมันไม่ใช่ภารพเลย หากเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นขนาดมหึมานี้ถูกดัดแปลงโดยเหล่าดีเซปติคอน มันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ใช้มันเป็นฐานใต้น้ำเคลื่อนที่ของเขาเองอีกแล้ว

เนื่องจากยังไม่มืดสนิท ซุนเฉิงจึงพยายามค้นหาจุดหลบซ่อนภายในท่าเรือทหารและซ่อนตัวอยู่ที่นั่นสักครู่หนึ่ง เมื่อมืดสนิทแล้ว เขาจึงโผล่ออกมาจากที่ซ่อนของเขา

ในเวลากลางคืน ท่าเรือเซเวโรดวินสค์ไม่มีมนุษย์อยู่ แม้แต่อู่ต่อเรือเซเวโรดวินสค์ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงแสงสลัว ๆ สองสามดวงเท่านั้นที่ปรากฏอยู่

ในคืนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ ไม่มีแม้แต่ทหารลาดตระเวนที่ภายในท่าเรือทหาร

ซึ่งสถานการณ์ในยามนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อซุนเฉิงยิ่ง

เขาปล่อยอุปกรณ์ลาดตระเวนขนาดเล็กหลายหน่วยออกไป

ในขณะนั้นเอง แมลงเหล่านี้ก็ได้ส่งข้อมูลการลาดตระเวนกลับไปยังแกนหลักของเขาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลและเข้าใจแบบแปลนท่าเรือทหารอย่างรวดเร็ว

อู่ต่อเรือเซเวโรดวินสค์ ซึ่งได้รับการสำรวจอย่างละเอียดโดยซุนเฉิง มันตั้งอยู่ภายในท่าเรือทหารและใช้พื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้ไป

อู่ต่อเรือแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1950 ได้ผลิตเรือของกองทัพเรือที่โดดเด่นมากมาย รวมถึงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ขีปนาวุธชั้น G เรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีชั้นวิคเตอร์ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นอาคูลา เรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นไต้ฝุ่น  และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ขีปนาวุธชั้นออสการ์ มันทำหน้าที่เป็นเหมือนหัวใจของเรือดำน้ำของรัสเซีย

ปัจจุบันอู่ต่อเรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีชั้นเซเวโรดวินสค์ของรัสเซียและเรือดำน้ำขีปนาวุธชั้นชั้นโบเร นอกจากนี้พวกเขากำลังผลิตเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าชั้นกิโล และปรับปรุงเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นเคียฟ เรือชั้นแอดมิรัลกรีกอโรวิชให้กับอินเดีย

กล่าวโดยสรุปคือ รัสเซียในโลกนี้มีเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นจาก 10 ลำเหลือแค่ 2 ลำประจำการอยู่ท่าเรือแห่งนี้ จุดประสงค์ของเขาคือการเอามันมา

เรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นสองลำมีชื่อเรียกว่า อาร์คันเกลสค์และเซเวอร์สตาลี ซึ่งกำลังรอการปลดประจำการในอู่ต่อเรือแห่งนี้

ซึ่งพอเข้ามา ซุนเฉิงก็รู้สึกท้อแท้ใจเล็กน้อยกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่น่ากังวลของรัสเซีย

แม้ว่าท่าเรือทหารจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่มันก็แค่ภายนอกที่แน่นหนา ด้านในหละหลวมยิ่ง อู่ต่อเรือเองก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คน

เมื่อเขาทะลุผ่านมาแล้ว เขาก็เข้าไปหาเรือดำน้ำระดับไต้ฝุ่นทั้งสองลำทันที

ในไม่ช้า เรือดำน้ำขนาดมหึมาสองลำที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะที่ลอยอยู่ในท่าเรือจอดเงียบ ๆ ในท่าเรือหมายเลข 3 คล้ายดั่งปราการเหล็ก ก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

“แกเกิดอยู่ผิดที่ผิดเวลามากเลยนะ!”

ซุนเฉิงยืนอยู่บนท่าเรืออย่างเงียบ ๆ จ้องมองเรือสองลำนี้ ซึ่งถือเป็นสุดยอดของอุตสาหกรรมการทหารของสหภาพโซเวียต เขาครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งและรู้สึกถึงอารมณ์ที่หลั่งไหลเข้ามา

ไม่ว่าจะเป็นโลกของทรานฟอรเมอร์หรือโลกแห่งความเป็นจริง ประเทศเขาก็พอมีเงินมาพัฒนาเรือลำนี้อยู่หรอก เสียอย่างเดียวคือประเทศเขาดันขาดความสามารถทางเทคโนโลยีในการผลิตเสียนี้สิ

น่าเสียดายที่ประเทศที่มีความสามารถในการผลิตนี้กลับไม่มีหนทางที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของสิ่งนี้เอาไว้ได้

ตลกร้ายเหลือเกิน

เขากระโดดลงจากท่าเรือและลงจอดบนตัวเรือของอาร์คันเกลสค์ ซุนเฉิงเดินไปครู่หนึ่งจนไปถึงแท่นควบคุมของเรือดำน้ำ เขาเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเงียบ ๆ

นี่คือเรือผ่านศึกที่รอการปลดประจำการและรื้อถอน แต่มันก็ยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวพอที่จะทำลายโลก

นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ!

เขาปีนขึ้นไปในเรืออย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล

ถึงแม้ว่าช่องประตูจะถูกปิดอย่างแน่นหนา แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ สำหรับเขาเลย

ในไม่ช้า ช่องของเรือดำน้ำก็เปิดออก

โชคดีที่ช่องทางเข้าด้านบนของเรือดำน้ำชั้นไต้ฝุ่นนั้นกว้างขวางมาก แม้ว่าเขาอาจต้องใช้ความพยายามอีกนิด แต่ก็พอเข้าได้อยู่

ในตอนนี้ ซุนเฉิงได้เข้าควบคุมร่างกายจักรกลลอบเข้าไปยังอาร์คันเกลสค์อย่างระมัดระวัง

แม้ว่าเรือชั้นไต้ฝุ่นจะไม่ดีเท่าชั้นโอไฮโอในแง่ของประสิทธิภาพ แต่ด้วยปริมาตรมหาศาลมากกว่า 24,000 ตัน ห้องโดยสารของที่นี่จึงกว้างขวางกว่าที่ซุนเฉิงจินตนาการไว้มาก

กองทัพเรืออาจได้รับข่าวว่าเรืออาร์คันเกลสค์กำลังจะปลดประจำการ ลูกเรือบนเรือดำน้ำจึงได้อพยพไปยังเรือดำน้ำลำอื่นกันแล้ว

สิ่งนี้สามารถยืนยันได้จากชั้นฝุ่นหนาทึบที่ซุนเฉิงเห็นในห้องบัญชาการ ห้องโดยสาร ห้องทหารเรือ และสถานที่อื่น ๆ ในขณะที่เดินลงมา

ด้วยขนาดร่างกายของเขา เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในเรือดำน้ำนี้ ซุนเฉิงจึงได้แต่ใช้เครื่องตรวจจับขนาดเล็กเพื่อสำรวจภายในเรือดำน้ำแทนไปสำรวจเอง

หลังจากเดินไปรอบ ๆ สักพัก ซุนเฉิงก็ลองมาดูด้วยตัวเอง เขาเดินเข้ามาในห้องโดยสารของเรือดำน้ำเป็นครั้งแรก มันใหญ่โตมากสมกับเป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์...

จริงสิ เขาเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวสักหน่อย

หลังจากพังประตูห้องรับรองอย่างรุนแรงและเข้าไปข้างใน หัวใจของซุนเฉิงก็เต้นแรง เขาเรียกทีมวิศวกรของดีเซปติคอนจากมิติว่างเปล่า

เขาก้าวไปข้างหน้าและปลุกวิศวกรทีละตน เห็นได้ชัดว่าจิตสำนึกของวิศวกรสับสนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ฟื้นคืนสติกลับมได้ครบถ้วน

ดูเหมือนว่าครั้งก่อนที่เขาทำให้พวกเขาหมดสติไป ก็เลยทำให้วิศวกรพวกนี้กลัวเป็นอย่างมาก

หลังจากตื่นขึ้นมา วิศวกรดีเซปติคอนทุกตนก็มองดูซุนเฉิงด้วยสายตาที่หวาดกลัว ไม่มีใครกล้าพูดหยาบคายแล้ว

ขณะที่ซุนเฉิงเริ่มใจร้อนและกำลังจะออกคำสั่ง วิศวกรตนหนึ่งก็เดินออกจากแถว เดินเข้ามาหาเขาอย่างประจบประแจงและถามว่า "นายท่าน มีอะไรให้ข้ารับใช้ท่านบ้างไหม...?"

หลังจากมองดูวิศวกรตรงหน้าแล้ว ก็มีรอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏบนใบหน้าของเขา

“ข้าจำเจ้าได้...อืม จากนี้ไปเจ้าจะถูกเรียกว่า 'เฮเฟสตัส' เจ้าจะเป็นผู้จัดการทีมวิศวกรชุดนี้…”

วิศวกรตนนี้ที่กล้าออกมาประจบประแจงเขาคือคนแรกที่แสดงความภักดีต่อเขาระหว่างการถูกบุกโจมตีที่ฐานทัพ

ซุนเฉิงไม่ได้เกลียดคำเยินยอ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงวิศวกรดีเซปติคอนก็เถอะ

ตัวเขาน่ะมายังโลกนี้มานานแล้ว

เพราะเขาต้องรับมือกับสิ่งมีชีวิตจักรกลเหล่านี้ที่มาจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน เขาจึงคุ้นเคยกับสิ่งมีชีวิตอย่างดีเซปติคอนอย่างสมบูรณ์

จนเขาไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นเครื่องจักรอีกต่อไปแล้ว

ต่อให้เขาจะกลับสู่ความเป็นจริงหลายครั้ง เขาก็จะมักรู้สึกขัดแย้งกันในใจ คิดอยู่เสมอว่าร่างกายของเขาด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นเครื่องจักร

ในตอนนั้น ความคิดที่กวนใจเขายามนี้กลับเลือนหายอย่างรวดเร็วเพราะเสียงอันปลาบปลื้มของเฮเฟสตัส

“ขอบคุณนายท่านสำหรับชื่อนี้ เฮเฟสตัสจะน้อมรับใช้ท่านด้วยใจจริง!”

การตั้งชื่ออย่างกะทันหันของซุนเฉิงทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่วิศวกรดีเซปติคอนทันที

ซุนเฉิงออกคำสั่งอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าที่ดูไม่สนใจนัก "ไปซะ เฮเฟสตัส จงพาวิศวกรเหล่านี้ไปสำรวจเรือดำน้ำมนุษย์ลำนี้ ข้าให้เวลาเจ้าแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น จงคิดวิธีการดัดแปลงมันมาให้ข้า!"

“นายท่าน เราใช้เวลาไม่นานนัก! อีกสักพักคงจะเสร็จแล้ว!”

เฮเฟสตัสตอบสนองอย่างรวดเร็ว จากนั้นหันกลับมามองวิศวกรดีเซปติคอนที่ดูอิจฉาและไม่เป็นมิตรโดยรอบ เขาตะโกนสั่งเสียงดังทันที "พวกเจ้าได้ยินที่ข้าพูดไปใช่ไหม? จงรีบทำงานเดี๋ยวนี้!"

แหม ประจบเก่งนะเรา!

ซึ่งซุนเฉิงก็เพียงแค่เหลือบมองเฮเฟสตัสเท่านั้นพลางพยักหน้าเล็กน้อย "อืม จงมาหาข้าในอีกครึ่งชั่วโมง ข้าต้องการแผนการพัฒนาเรือดำน้ำลำนี้ให้มันสมบูรณ์แบบ!"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด