ตอนที่ 1 ตระกูลลู่
ตอนที่ 1 ตระกูลลู่
ในวิหารบรรพบุรุษตระกูลลู่ ชายในชุดขาวขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและไม่เต็มใจ
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อลู่ซวน เป็นผู้นำตระกูลลู่ เขาได้มาถึงขอบเขตก่อตั้งรากฐานแล้วเมื่ออายุได้ 17 ปี เขาถือเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง
ตามหลักเหตุผลแล้ว ชายหนุ่มที่ร่ำรวย และหล่อเหลาเช่นนี้ควรอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต และไม่มีเหตุผลที่จะต้องมืดมน
“นายน้อย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลังเล ท่านควรตัดสินใจแต่เนิ่นๆ” ผู้อาวุโสลู่ซานเห็นความลังเลในใจของลู่ซวน และเขาก็ถอนหายใจเบาๆ
“ลุงสอง ข้าสัญญากับพ่อก่อนที่เขาจะจากไปว่าข้าจะปล่อยให้บรรพบุรุษของเราได้พักผ่อนอย่างสงบ และเจ้าก็รู้ดีว่าบรรพบุรุษของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากในตอนนี้ บางทีเขาอาจจะ…” ลู่ซวนเปิดปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความลังเลใจ
ในขณะนี้ มีเสียงตะโกนแห่งความตายดังมาจากภายนอก และมีกลิ่นเลือดรุนแรงพัดเข้ามา
“นายน้อย เจ้าจะทนเห็นรากฐานนับหมื่นปีของตระกูลหลูถูกทำลายภายในวันเดียวได้งั้นรึ ข้าเชื่อว่าหากบรรพบุรุษของเรามองอยู่ เขาจะต้องเข้าใจเราอย่างแน่นอน!” ดวงตาของผู้อาวุโสสองเบิกกว้าง และเขาคำรามใส่ลู่ซวน
ตอนที่ลู่ซวนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็มีร่างที่น่าสังเวชพังประตูเข้ามา
รางนั้นเป็นชายชราผมขาว ลมหายใจของเขาอ่อนแรงมากในขณะนี้ เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาอยู่ตลอดเวลา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านเป็นยังไงบ้าง?” ผู้อาวุโสสองรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยชายชรา
“ข้าถูกพวกเขาหลอก ข้ากลัวว่าเวลาของข้ากำลังจะหมดลงแล้ว” ชายชราไอสองครั้ง ใบหน้าของเขาซีดลง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
“ท่านปู่ โปรดอย่าพูดเช่นนั้น ท่านจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน” ลู่ซวนพูดกับผู้อาวุโสสูงสุด โดยกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ข้าเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี ข้าเกรงว่าคราวนี้ข้าจะต้องตายจริงๆ ซวนเอ๋อร์ข้ารู้ว่าเจ้าเคารพบรรพบุรุษมากกว่าใคร และถือว่าเขาเป็นแบบอย่างจึงไม่ต้องการรบกวนชีวิตหลังความตายของเขา แต่ในใจของข้า มรดกของตระกูลลู่นั้นสำคัญกว่า มิฉะนั้น หากตระกูลลู่ล้มลง เราจะกล้าไปพบหน้ากับบรรพบุรุษได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสสูงสุดเหลือบมองลู่ซวน และพูดอย่างจริงจัง
“ท่านปู่…” ลู่ซวนพึมพำ
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่สนใจลู่ซวน แต่เดินไปที่ด้านหลังของวิหารบรรพบุรุษ เอื้อมมือออกไป และกดภาพจิตรกรรมฝาผนังบนนั้น
คลิก
กลไกเปิดออก และประตูลับก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ลู่ซวนต้องการที่จะหยุดอีกฝ่าย แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ และล้มเลิกความคิดนั้น
เขารู้แล้วว่าตอนนี้ตระกูลหลูสิ้นหวังแล้วจริงๆ
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดเดินเข้าไปในประตูลับ เขาก็เดินผ่านทางเดินมืด และเดินเข้าไปในห้องลับที่ซ่อนอยู่
นี่คือสถานที่ๆ สำคัญที่สุดของตระกูลลู่ และความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลลู่นั้นซ่อนอยู่ในนั้น
ห้องโถงบรรพบุรุษด้านนอกนั้นเป็นของปลอม แม้ว่าจะได้รับการบูชาไม่เคยขาด แต่ก็เป็นเพียงส่วนที่ไม่มีนัยสำคัญเท่านั้น
ตระกูลลู่มีประวัติยาวนานมาก มีการสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ต่อมาก็เสื่อมถอยลง
ในช่วงเวลานั้นมีหลายชื่อที่ดังก้องไปทั่ว และทุกชื่อในนั้นเคยมีตำนานที่น่าทึ่ง
“ทายาทผู้ไร้ความสามารถ ลู่ถง คารวะบรรพบุรุษทุกท่าน” ผู้อาวุโสสูงสุดคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดด้วยความเคารพ
ป่ายวิญญาณเหล่านั้นเป็นเพียงป่ายวิญญาณธรรมดาๆ ไม่มีอะไรมหัศจรรย์เกี่ยวกับพวกมัน โดยธรรมชาติแล้วย่อมจะไม่ตอบคำพูดของลู่ถง
แต่ลู่ถงยังคงแสดงความเคารพอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการตำหนิตนเอง
สำนักสวินเต๋า และตระกูลลู่ได้รับการสืบทอดมาเป็นเวลา 100,000 ปี อย่างไรก็ตาม ในมือของลูกหลานรุ่นหลัง พวกเขาถดถอยลงมากขึ้นเรื่อยๆ ลู่ถงจึงไม่สามารถให้อภัยตัวเองจากความผิดนี้ได้ เขาได้สร้างความอับอายให้กับบรรพบุรุษของตน ลู่ถงน้ำตาไหลอาบหน้า เขาสำลักน้ำตาแล้วมองดูป้ายวิญญาณต่างๆ
ถัดจากป้ายวิญญาณเหล่านั้น มีโลงศพที่ทำจากไม้พะยูนทั้งหลัง ซึ่งดูสง่างามอย่างยิ่ง
"บรรพบุรุษเก่าแก่ เราทำให้ท่านผิดหวัง เมื่อไม่มีท่าน เราก็ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อเทียบกับท่านที่เป็นดั่งตำนานแล้ว เราไม่สามารถทืบทอดเกียรติยศนั้นให้สานต่อไปได้ สิ่งนี้นำไปสู่ความเสื่อมถอยของตระกูลลู่ จนถึงตอนนี้ เราต้องรบกวนท่านครั้งแล้วครั้งเล่า” ลู่ถงน้ำตาไหล และยิ่งเขาพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนทำให้บรรพบุรุษต้องอับอายมากเท่านั้น
"ข้า ลู่ถง สัญญาว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะใช้ร่างของท่าน" ลู่ถงสูดหายใจลึกๆ คุกเข่า และโขกศีรษะต่อหน้าโลงศพ จากนั้น พูดอะไรบางอย่างด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
ลู่ถงเปิดโลงศพด้วยมือที่สั่นเทา
ภายในโลงศพ ร่างชายหนุ่มที่สวมผ้าห่อศพมีใบหน้าราวกับหยกกำลังนอนอย่างสงบ
ลู่ตงจะตกใจมากทุกครั้งที่เห็นบรรพบุรุษของตน
แม้ว่าเขาจะตายไปกว่าหนึ่งแสนปีแล้ว ร่างกายของเขาก็ยังคงไม่เน่าเปื่อย ไม่มีร่องรอยการสลายตัว และยังคงมีพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งในร่างกายนี้ พลังของบรรพบุรุษนั้นไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ
ลู่ถงขอโทษในใจก่อน จากนั้นจึงพาชายหนุ่มออกจากโลงศพ แบกขึ้นหลังแล้วพาออกไปข้างนอก
หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ลู่ถงก็รู้สึกเวียนหัว และแทบจะล้มลงกับพื้น
แต่เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ทนต่ออาการบาดเจ็บในร่างกาย และในที่สุดก็เดินออกจากห้องลับ
ในขณะนี้ ตระกูลลู่ได้มาถึงช่วงเวลาวิกฤตแห่งชีวิต และความตายอย่างแท้จริงแล้ว
ชายชุดดำจำนวนมากมาจากทุกทิศทุกทาง และปิดล้อมรอบวิหารบรรพบุรุษของตระกูลลู่เอาไว้
“ฮ่าๆๆ ขอข้าดูหน่อยสิว่าตระกูลที่สืบสานกันต่อมานับพันปีจะมีความสามารถมากแค่ไหน?” ชายวัยกลางคนๆ หนึ่งลอยอยู่ท้องฟ้าพร้อมกับสีหน้าสนุกสนาน
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ตระกูลพันปีในตำนาน สำนักสวินเต๋าที่ครั้งหนึ่งเคยโด่งดัง” ทันใดนั้นชายชราอีกคนก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“สองแก่นทองคำ จบสิ้นลง…” ผู้อาวุโสหลายคนรู้สึกหดหู่ใจเมื่อเห็น
มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดเพียงคนเดียวในตระกูลลู่ที่อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น ผู้อาวุโสที่เหลือก็ต่างอยู่ในขอบเขตก่อตั้งรากฐานเท่านั้น
"คิดไม่ถึงว่าสำนักสวินเต๋าจะถดถอยถึงเพียงนี้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ" ชายชราในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวออกมาจากอากาศ โดยมีออร่าที่บดขยี้ทุกสิ่ง
“นี่คือ... ขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม?”
คนของตระกูลหลูยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีก พวกเขาไม่คาดคิดว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้จะปรากฏตัว
รุ่นเยาว์หลายคนของตระกูลลู่หมดความตั้งใจที่จะต่อต้านหลังจากได้เห็นผู้ฝึกฝนยุทธ์ขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม และหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“ที่นี่ พวกเจาไม่สิทธิ์ที่จะทำตัวหย่อหยิ่ง!” ลู่ถงลอยขึ้นไปในอากาศ และมองตรงไปที่ชายชราในชุดคลุมดำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ลู่ถง? เจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ?” ชายชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าลู่ถงตายไปแล้ว
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ วันนี้เจ้าต่างหากที่ต้องตาย!” ลู่ตงเยาะเย้ย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ แค่แก่นทองคำขั้นต้น เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้งั้นรึ?” ชายชราดูเหมือนจะได้ยินเรื่องตลกที่น่าสนใจ และเขาก็หัวเราะเสียงดัง
“ศิษย์ตระกูลลู่ ฟังคำสั่งของข้า ทุกคนจงคุกเข่าลง!” ทันใดนั้นลู่ถงก็ตะโกน
แม้ว่าศิษย์หลายคนของตระกูลลู่จะสับสน แต่ความน่าเกรงขามของผู้อาวุโสสูงสุดยังคงอยู่ ทำให้พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่รู้ตัว
เหล่าศิษย์ของตระกูลลู่คุกเข่าลงทีละคนรวมทั้งผู้อาวุโสด้วย
“เจ้ากำลังทำอะไร อย่าคิดว่าคุกเข่าแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าไป” ชายชราในชุดคลุมดำสับสนเล็กน้อย และพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้า ลู่ถง ขออัญเชิญบรรพบุรุษของตระกูลลู่!”
ลู่ถงคำราม เขาฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายของชายหนุ่ม แล้วโยนเขาออกไปอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีใครเทียบก็ปะทุขึ้น การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป ร่างกายของพวกเขาเริ่มสั่นสะท้านโดยไม่สมัครใจ และในที่สุดพวกเขาก็ตกลงมาจากอากาศ และคุกเข่าลงบนพื้น
วินาทีต่อมา คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของชายหนุ่ม และกวาดไปทุกทิศทาง
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน ทุกอย่างก็ถูกทำลายล้างจนกลายเป็นความว่างเปล่า และชายชุดดำเหล่านั้นก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นเถ้าถ่าน และสลายหายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง