ตอนที่ 47 ประสบความสำเร็จ
ตอนที่ 47 ประสบความสำเร็จ
เมื่อฮงเหมยเห็นซ่งลุ่ยแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา เธอก็พูดกับเขา “ผู้ช่วยซ่ง นายออกมาจากไหนน่ะ มาที่ห้องทำงานของฉันแบบนี้ นายมีเรื่องอะไรรึเปล่า” เมื่อพูดจบ เธอก็ฉีกยิ้มออกมาทันที และไม่เพียงเท่านั้นดวงตาทั้งสองข้างยังส่งยิ้มไปให้กับซ่งลุ่ย เธอละอยากรู้จริง ๆ ว่าซ่งลุ่ยจะตอบกลับตัวเองอย่างไร
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดกับตัวเองแบบนั้น ใบหน้าที่แดงก่อนหน้านั้นก็กลับแดงขึ้นอีกครั้ง แต่ดวงตาทั้งสองกลับมาเป็นปกติ ดวงตาคู่นั้นไม่กล้าสบตากับฮงเหมยอีก แต่ใบหน้ายังคงไม่อาจหลบซ่อนความเขินอายไว้ได้ “ใช่” ซ่งลุ่ยตอบกลับ “เอ่อ เรื่องนี้รอมีโอกาสแล้วฉันค่อยมาคุยกับเธออีกทีนะ แต่ตอนนี้ที่ฉันมาห้องทำงานของเธอเพราะมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากเธอน่ะ ฟังเอาละกันว่าเธอจะช่วยฉันได้ไหม !”
ต่อมา ฮงเหมยก็ไม่รอช้า เธอตอบกลับซ่งลุ่ยทันที “โอ้ ฉันจะมีเรื่องอะไรที่สามารถช่วยผู้ช่วยซ่งได้นะ คุณยกย่องฉันเกินไปรึเปล่าคะ !” เมื่อพูดจบ เธอก็ไม่มองซ่งลุ่ยอีก แต่เธอเลือกจะหยิบแก้วน้ำที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อลุกออกไปเติมน้ำ !
ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยตอบกลับตัวเองเช่นนั้น ก่อนอื่น เขาตกใจเป็นอย่างแรก เขาไม่รู้ว่าทำไมฮงเหมยถึงใช้น้ำเสียงแบบนั้นในการพูดกับตัวเอง เขารู้สึกไม่เข้าใจมันเลยสักนิด แต่แล้ว เขาก็คิดได้ทันทีว่าตัวเองนั้นมีความผิดติดตัว ที่แท้ปัญหาก็คือน้ำเสียงที่ตัวเองใช้นี่เอง ตัวเองมาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แม้แต่หน้าเธอ เขายังไม่มอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดวงตาที่แสนจริงใจอะไรพรรค์นั้น และพูดอีกอย่าง ฮงเหมยเองก็เป็นคนโปรดของประธานจาง ตัวเองมาขอความช่วยเหลือจากเธอ ยังไงเขาก็ต้องทำตัวประจบสักเล็กน้อยซิ ตัวเองดันพูดลอย ๆ แบบนั้น มันก็เหมือนเป็นการไม่ให้เกียรติฮงเหมย ดังนั้นเธอถึงได้แสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา ถึงว่าทำไมเธอถึงทำกับตัวเองแบบนี้ !
เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงตรงนี้ เขาก็ไม่คิดถึงเรื่องทั่วไปอีก มองฮงเหมยที่เดินออกไปจากข้างกายของตัวเอง เพื่อเดินไปเติมน้ำที่ตู้น้ำเย็น เขายังไม่พูดอะไร เพราะเขารอจังหวะที่ฮงเหมยเดินจะผ่านตัวเองอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นซ่งลุ่ยรีบลุกขึ้นและหยิบแก้วน้ำของฮงเหมยทันที แน่นอนว่าการกระทำนั้นทำให้ฮงเหมยเกิดความสงสัย และตอนที่ตัวเองหยิบแก้วน้ำออกจากมือของฮงเหมย เธอก็ไม่ต่อต้านเขาแต่อย่างใด เหมือนตอนนี้ใจของเขาจะเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหน่อย เขาพาฮงเหมยไปส่งที่โต๊ะทำงานอย่างสุภาพ นำพามาทั้งความรู้สึกขอโทษ จริงใจ และแฝงด้วยการประจบอีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดกับฮงเหมยว่า
“เอ่อ ฮงเหมย เมื่อกี้ฉันทำผิดไป น้ำเสียงของฉันค่อนข้างผิดไปเล็กน้อย ฉันต้องขอโทษเธอด้วยจริง ๆ” หลังจากพูดจบเขาก็โค้งคำนับให้กับฮงเหมย
วินาทีต่อมา เขาไม่รอให้ฮงเหมยตอบโต้แต่อย่างใด เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฮงเหมยอีกครั้ง “อือ ฮงเหมย เธออย่าพึ่งพูดนะว่าเธอจะช่วยฉันได้ไหม เธอฟังสิ่งที่ฉันอยากให้เธอช่วยจบก่อน จากนั้นเธอค่อยตัดสินว่าจะช่วยฉันได้ไหม และมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเรื่องหนึ่ง สำหรับเธอแล้ว มันง่ายจนแทบไม่ต้องออกแรงเลยล่ะ ! ลองฟังดูก่อนนะ” หลังพูดจบ เขาก็มองไปทางฮงเหมยด้วยความจริงใจ เหมือนกับเมื่อกี้ไม่มีผิด ตอนนี้มันเหมือนกับเป็นศึกตัดสินระหว่างทั้งสองคน !
การกระทำครั้งนี้ของซ่งลุ่ยทำให้ฮงเหมยสามารถจินตนาการจนเห็นภาพได้เลย ! เมื่อผู้หญิงและผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสอง จะทำเรื่องอะไรได้ล่ะ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องอย่างว่าแน่ เมื่อฮงเหมยคิดถึงตรงนี้ เธอยกเปลือกตาขึ้นและหันไปมองซ่งลุ่ย แต่เธอกลับพบว่าซ่งลุ่ยกำลังมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาที่คาดหวัง ตอนนี้ใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกหยิ่งผยอง และมันยังเป็นความรู้สึกที่อวดดีมากด้วย เมื่อย้อนกลับไปตอนที่ฉันอยู่ห้องทำงานของนายเมื่อกี้ กลับแกล้งทำตัวเป็นสุภาพบุรุษใส่ฉัน ฮึ ตอนนี้ฉันรู้ไส้รู้พุงนายหมดแล้ว นายเองก็ไม่ได้เป็นของรักของหวงอะไร ดังนั้นนายจะยังมานั่งลอยหน้าลอยตาให้ฉันเห็นอีกทำไม รีบออกไปได้แล้ว ตอนนี้กล้าดียังไงถึงได้คิดจะมาปีนบนตัวฉัน นายเห็นฉันเป็นคนง่ายขนาดนั้นเลยใช่ไหมฮะ
แต่อีกใจหนึ่ง เธอก็คิดว่าถ้าซ่งลุ่ยไม่ได้มาหาตัวเองเพื่อทำเรื่องแบบนั้น งั้นมันไม่กลายเป็นว่าตัวเองปล่อยไก่ออกมาหรอกหรอ ในเวลาเดียวกัน ฮงเหมยก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ซ่งลุ่ย ในขณะนี้เธอกำลังสังเกตสีหน้าของซ่งลุ่ยและท่าทีของเจ้าหนูของเขา จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธอมีคำตอบในใจ หลังจากทำแบบนั้น เธอยิ่งเชื่อมั่นในความคิดแรกของตัวเองมากขึ้น แม้ว่าเธอจะหยุดคิดแล้ว แต่ก็ไม่ยอมพูดกับซ่งลุ่ย เธอกลับเลือกที่จะมองซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าที่หยิ่งยโส ไม่พูด ไม่บ่น แค่มองด้วยสายตาที่หยิ่งยโสเท่านั้น !
ซ่งลุ่ยเห็นว่าฮงเหมยไม่ยอมคุยกับตัวเอง และตอนนี้เขายังเห็นฮงเหมยแสดงอาการแบบนี้ออกมา ใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ ในเวลาเดียวกันนั้นเขายังแอบคิดอย่างเงียบ ๆ ด้วย ฮงเหมยต้องเดาความหมายของตัวเองผิดไปแน่ แต่ยังไงก็ต้องโทษตัวเองที่รีบร้อนเกินไป ฮงเหมยจะต้องคิดว่าตัวเองอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับเธอแน่ จากนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องความคิดและการกระทำที่ตัวเองเคยทำไว้กับฮงเหมยเมื่อก่อนหน้านี้ เธอทำสีหน้าดูดีใส่ตัวเองแบบนั้นสิถึงจะแปลก
เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงจุดนี้ เขาเกรงว่าฮงเหมยจะเข้าใจตัวเองผิดมากขึ้นไปอีก ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายให้ฮงเหมยฟังทันที “ฮงเหมย เธออย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้ซิ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่านะ ฉันไม่ได้มาหาเธอเพื่อทำเรื่องแบบนั้นน่ะ เมื่อก่อนฉันก็เคยบอกเธอแล้ว ว่าฉันจะไม่เสียใจกับมันอีก เรื่องนี้เธอสบายใจได้ และ ที่ฉันมาในครั้งนี้ก็เพื่อยืมของจากเธอ ฉันแค่อยากจะยืมกระจกน้อย ๆ ที่เธอเอาไว้ใช้แต่งหน้าน่ะ หลังใช้เสร็จ ฉันจะรีบเอามาคืนเธอเลย”
หลังจากฮงเหมยได้ยิน ก็รู้ทันทีว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อออกมา ตอนนั้นเธออับอายจนหน้าแดง แต่ตอนนี้ในสมองของเธอกลับว่างเปล่า เธอไม่รู้จะพูดกับซ่งลุ่ยยังไงดี ! แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย และกำลังบ่นซ่งลุ่ยเล็กน้อยด้วย เรื่องที่ทำให้เธอตกใจคือการที่ซ่งลุ่ยมาหาตัวเองแล้วไม่ได้คิดจะมาทำเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง แต่กลับมายืมกระจกเนี่ยนะ ! แล้วทำไมเขาต้องแสดงท่าทางออกมาจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วยล่ะ แถมมันยังทำให้ตัวเองอดคิดไม่ได้ด้วยนะ จริง ๆ เลย ฮึ ในเวลาเดียวกัน ใจฉันยังรู้สึกพ่ายแพ้อยู่นิดหน่อยแฮะ ซ่งลุ่ยไม่ได้มาหาตัวเองเพื่อนทำเรื่องแบบนั้น เฮ้อ จริง ๆ เลยซิ ฮึ !
ตอนนี้ฮงเหมยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับสีหน้าที่แดงก่ำ ไม่ว่าเธอจะนั่งท่าไหนก็ไม่รู้สึกดีเลยสักนิด บิดไปทางนี้ทีทางนั้นที เหมือนกับว่าตอนนี้ที่ก้นของเธอมีอะไรบางอย่างอยู่ แน่นอนว่าสีหน้าของเธอไม่ได้ดูหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้ ในสมองของเธอกำลังคิดอะไรมั่วซั่วไปหมด หลังจากที่คิดมาสักพัก เธอก็เหล่ตามองหน้าของซ่งลุ่ย ตอนนี้สีหน้าของซ่งลุ่ยเหมือนกับตอนที่เขาอยู่ที่ห้องทำงานเมื่อกี้เปี๊ยบ ใบหน้าเรียบง่าย สงบนิ่ง แต่ความรู้สึกสนิมสนมและห่างเหินนั้นกลับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อกี้เขาเองพึ่งตัดขาดคนทั้งสอง
ในขณะเดียวกัน เมื่อฮงเหมยเห็นหน้าของซ่งลุ่ย จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลงอีกครั้ง เธอกำลังแอบคิดในใจอย่างเงียบ ๆ เมื่อกี้สายตาคู่นั้นของตัวเองจะต้องทำให้ซ่งลุ่ยโกรธแน่ ตอนนี้ตัวเองต้องคิดหาวิธีบางอย่างเพื่อแก้ไขมัน ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ตัวเองทำไปทุกอย่างที่ห้องทำงานของเขาต้องถูกทำลายลงแน่ ! เขาจะต้องเกลียดตัวเองอีกครั้งแน่ แต่หลังจากที่ฮงเหมยได้คิดแล้วคิดอีก เธอก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่เพื่อแก้ไขมัน เธอถึงกับต้องคิดมันให้ได้ ทันใดนั้นเธอก็คิดได้ว่าซ่งลุ่ยมาขอยืมกระจกแต่งหน้าของตัวเอง จากนั้นเธอจึงรีบหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็หยิบกระจกบานเล็กออกมาได้ เธอใช้มือทั้งสองยื่นมันให้กับซ่งลุ่ย ในเวลาเดียวกันเธอก็ทำสีหน้าจริงใจออกมา น้ำเสียงที่ใช้ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยความเขินอาย “ซ่งลุ่ย ขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อกี้ถูกนายก็เดาออกจนได้ เป็นฉันเองที่เข้าใจผิด ขอโทษนะ เป็นเพราะฉันคิดมากเกินไป และเว่อร์เกินไปหน่อย อะ นี่ฉันให้ นี่เป็นกระจกของฉัน นายใช้ตามสบายเลยนะ อยากใช้ถึงตอนไหนก็ใช้ได้เลยนะ ไม่ต้องคืนก็ได้ ฉันยังมีมันอีกเยอะน่ะ” ขณะพูดเธอก็ยัดกระจกใส่มือของซ่งลุ่ย และยังมองซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าที่จริงใจ