ตอนที่ 102 : [ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ]
ตอนที่ 102 : [ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ]
เสียงของจ้าวฉือเฉิงดังขึ้นมาในหูหลินลั่ว ก่อนที่เขาจะได้ฉุกคิด จ้าวฉือเฉิงก็วิ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
“หัวหน้าตระกูลตงฟาง ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ขอตัวก่อน !”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ไม่รอฟังคำตอบจากตงฟางไต้ซ่ง เขาลากหลินลั่วออกมาทันที
หลินลั่วได้แต่ต้องตามจ้าวฉือเฉิงไป
“เดี๋ยว !” ตงฟางไต้ซ่งพูดขึ้นมา เขามองไปที่หลินลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดขึ้น “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์คนนี้ด้วย หวังว่าเขาจะบอกชื่อตัวเอง ตระกูลตงฟางจะตอบแทนในอนาคตเป็นแน่ !”
มุมปากของหลินลั่วกระตุก
การขอบคุณจากตระกูลตงฟาง ล้อเขาเล่นรึไง ?
ตงฟางเหอตายด้วยน้ำมือเขา !
ไม่ไล่ล่าเขาก็บุญแล้ว แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะตอบแทนเขาด้วย
“เรียกฉันว่าผู้ชมก็ได้” เขาเดินทางมาแล้วสองโลก ในโลกนี้เขาจะถือว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ชมงั้นเหรอ ?
“นี่...” ตงฟางไต้ซ่งพึมพำออกมา อยู่ ๆ เขาก็ยกมือขึ้นเอื้อมออกมาเพื่อดึงหน้ากากของหลินลั่วออก
เป้าหมายน่ะชัดเจนอยู่แล้ว เขาอยากเห็นใบหน้าของหลินลั่ว
“หยุด !” จ้าวฉือเฉิงตะโกนออกมาและดึงมือตงฟางไต้ซ่งเอาไว้ “หัวหน้าตระกูลตงฟาง นี่คิดจะทำอะไร ?”
ตงฟางไต้ซ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ลูกชายฉันถูกฆ่า ชายคนนี้แฝงตัวร่วมมือกับอัศวินรัตติกาล แน่นอนว่าฉันควรรู้ว่าเขาเป็นใคร !”
“ฮึ่ม !” จ้าวฉือเฉิงฮึดฮัดออกมา “ฉันก็บอกไปแล้วว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ !”
“สำหรับหน้ากากผีแล้ว มันคือของที่ผู้พิทักษ์เก็บมาได้ มันถูกแจกจ่ายให้กับสายลับ ตระกูลตงฟางมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องนี้ ?”
“หึหึ...” ตงฟางไต้ซ่งเผยรอยยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นคงต้องใช้กำลังแล้วล่ะ ! ฉันหวังว่าผู้พิทักษ์จ้าวจะเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อ !”
“ฮึ่ม ! รีบไป !” จ้าวฉือเฉิงฮึดฮัดออกมาและรีบลากหลินลั่วออกมาจากที่นั่น
หลินลั่วชื่นชมในความคิดของจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้ ภายนอกแล้วพวกนี้พูดคุยกันอย่างเป็นมิตร ทว่าจริง ๆ แล้วพวกนี้กลับไม่คิดไว้หน้าใคร !
จ้าวฉือเฉิงลากเขาออกมาและกระซิบเบา ๆ “ไปได้แล้ว ! อย่าหันกลับไปมอง ! ตอนที่ออกจากหุบเขาไป มีรถมาจอดรอเราอยู่แล้ว รีบไปกันเถอะ !”
รถถูกสตาร์ทและขับออกไป
จ้าวฉือเฉิงไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปทางเมืองปิ้นไห่ ทว่าเขากลับวนรถรอบ ๆ นานกว่า 30 นาที ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ไม่น่าจะมีใครไล่ตามนายมาแล้ว หลินลั่ว นายนี่ใจกล้าจริง ๆ !”
หลินลั่วถอดหน้ากากออกและพูดขึ้น “ผมเจอหน้ากากนี่ทำงานพอดี ผมเลยเอามันออกมาดู ผมเองก็ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้..”
“แค่ก แค่ก...” จ้าวฉือเฉิงไอแห้ง ๆ ออกมาอยู่หลายรอบและพูดขึ้น “ในอนาคต ถ้ามีใครขอความช่วยเหลือรึอยากให้นายใช้สกิลวาร์ปของหน้ากาก นายอย่างใช้มันตามใจ บางทีมันอาจจะเป็นกับดัก !”
หลินลั่วถามขึ้นมา “หน้ากากนี่หาได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
“ถึงมันจะหายาก ทว่ามันก็ไม่ใช่ว่าจะหาไม่ได้ เรามีหน้ากากหลายอันที่สาขาของเมืองปิ้นไห่ !”
“หลายอัน ? นี่มันหน้ากากของพวกอัศวินรัตติกาลไม่ใช่รึไง ?”
“ใครบอกว่ามันเป็นของพวกอัศวินรัตติกาล ?” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “มันก็จริงที่นายได้มาจากพวกอัศวินรัตติกาล ทว่าคนทำหน้ากากคือปรมาจารย์เฟยหยู จุดประสงค์ในการทำหน้ากากนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ผู้ปลุกพลังติดต่อกันได้ทันท่วงที ทว่าหลังจากนั้นวิธีการผลิตก็ถูกพวกอัศวินรัตติกาลขโมยไป มันถูกพวกอัศวินรัตติกาลสร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้ติดต่อกัน”
“มันมีวิธีการสื่อสารไว้ใช้กับกลุ่มเดียวกันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องด่วน งั้นตอนที่นายสวมมัน นายจะโดนโจมตีซะเอง !”
“นี่...แบบนี้นี่เอง” หลินลั่วโยนหน้ากากผีเก็บเข้าไปในช่องเก็บของทันที
“อย่าประเมินหน้ากากผีต่ำไป มันถือว่าเป็นสมบัติ ความสามารถในการวาร์ปทำให้นายจัดกากรับผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ได้ในเวลาอันสั้น มันถือว่าช่วยด้านความสะดวกได้อย่างมาก” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น
“อย่าเอามันมาใช้ง่าย ๆ”
“เข้าใจแล้ว” หลินลั่วพยักหน้าและพูดขึ้น “แล้วตอนนี้เราจะไปไหนต่อ...”
“อ้อมกลับไปที่เมืองปิ้นไห่ !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น “นายต้องแข่งรอบชิงพรุ่งนี้ เราจะสายไม่ได้ !”
“แล้วทำไมต้องอ้อมด้วย ? นี่คุณกลัวบรรพชนตระกูลตงฟางงั้นเหรอ ?”
จ้าวฉือเฉิงพยักหน้า “ในอนาคต นายอยู่ให้ห่างพวกเฒ่าระดับอีปิคเอาไว้ นายควรวางตัวเป็นกลางไว้ดีกว่า !”
หลินลั่วลังเล “แล้วบรรพชนอู๋เยว่เป็นคนแบบไหน ?”
จ้าวฉือเฉิงคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้น “บรรพชนอู๋เยว่โด่งดังเมื่อ 200 ปีก่อน เขาปลุกพลังอาชีพระดับ A อย่างผู้ใช้ธาตุดินขึ้นมาได้ ทว่ามันไม่ได้แกร่งอะไรนัก แต่ด้วยความพยายามของเขา เขาก็แกร่งทัดเทียมกับพวกผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ S ได้ หลังจากนั้นเขาก็ก้าวขึ้นมาระดับอีปิคได้ในเวลา 100 ปีและอยู่มาถึงตอนนี้”
“สำหรับความสามารถของเขาแล้ว...” จ้าวฉือเฉิงอ้าปากค้างและพูดขึ้นมา “ผู้ใช้ธาตุดินและ...แรงโน้มถ่วง”
“แรงโน้มถ่วง ?”
“ถูกต้อง เขาสามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงและธาตุดินรอบตัวได้ ตราบใดที่เขายืนอยู่บนพื้นดิน มันก็มีพวกระดับเดียวกันไม่กี่คนที่เอาชนะเขาได้”
“ไม่ว่าหลงเหยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ทว่าเขาก็อยู่แค่ระดับทอง มันยากที่จะหนีจากเงื้อมมือของบรรพชนอู๋เยว่ได้ !”
“ผู้ใช้ธาตุดิน ? เข้าใจแล้ว...” หลินลั่วกระจ่างขึ้นมาทันทีว่าทำไมบรรพชนอู๋เยว่เดินก้าวเดียวถึงไปได้ไกลถึง 100 ม. มันน่าจะเป็นเพราะสกิลที่อีกฝ่ายมี !
ไม่ว่าจะเป็นการไล่ล่ารึหนี มันก็สะดวกอย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน ! มีบางอย่างเคลื่อนไหว !” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นพร้อมกับเหยียบคันเร่งพร้อมรถที่พุ่งออกไป
แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไป สีหน้าเขาก็บิดเบี้ยวขึ้นเรื่อย ๆ หลินลั่วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่ด้านนอกรถ ภายใต้แสงจันทร์ทีสาดลงมา มันมีเงาขนาดใหญ่ตามพวกเขามา
“จอด !” หลินลั่วตะโกนออกมา จ้าวฉือเฉิงได้แต่ต้องกัดฟันแน่นและเหยียบเบรก
เอี๊ยดด....
เสียงล้อถูกับถนนดังขึ้นพร้อมรถที่หยุด เงาขนาดใหญ่นั้นลงมาที่พื้นหยุดตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคน ทั้งสองคนพากันลงจากรถก่อนจะต้องแปลกใจ
“นี่มัน...มังกร ! ?”
จ้าวฉือเฉิงไปยืนบังหน้าหลินลั่วเอาไว้และพูดขึ้น “ทำไมมังกรถึงได้มาที่นี่ได้ ?”
“กรร...” มังกรคำรามออกมาเบา ๆ ร่างขนาดใหญ่ของมันเดินเข้าหาทั้งสองคน จ้าวฉือเฉิงได้แต่ต้องรีบถอยกลับมาและมองไปที่มังกรด้วยท่าทีกังวล
“มังกรที่ไม่มีเจ้าของน่ะอันตราย มันจะโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่มันเห็น...” ตอนที่พูดนั้น จ้าวฉือเฉิงก็ต้องอึ้ง
เขาเห็นว่ามังกรนี่กลับก้มหน้าเหมือนทำท่ากังวล
เสียงคำรามของมังกรไม่ได้ดุดันเหมือนแต่ก่อน มันทำตัวเหมือนกับเด็กผู้หญิงขี้อายด้วยซ้ำ
“มังกรนี่เป็นบ้าอะไรไป ?”
หลินลั่วเดาออกว่าจ้าวฉือเฉิงคิดอะไร เขาตบไหล่จ้าวฉือเฉิงและพูดขึ้น “มันเหมือนจะมาหาผม”
พูดจบหลินลั่วก็เดินเข้าไปหามังกร
จ้าวฉือเฉิงอึ้ง เขาถึงกับลืมไปขวางหลินลั่วเอาไว้
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วเดินเข้ามา นัยน์ตาสีทองแดงของมังกรก็จับจ้องไปที่หลินลั่วด้วยความตื่นเต้น มันยื่นหัวของมันออกมา
หลินลั่วยื่นมือออกมาลูบหัวมังกรและรู้สึกได้ถึงความอุ่นจากผิวของมัน ทว่าในหัวเขามีคลื่นแปลก ๆ ก่อตัวขึ้นมา
มันคือคลื่นพลังจิตของมังกรตรงหน้าเขา
น่าเสียดายที่มังกรนี่ยังเด็ก มันไม่อาจจะสื่อสารเป็นภาษาได้ มันได้แต่ส่งต่อความรู้สึกเท่านั้น
“[ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ] ? ”
หลินลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรมากเลย มังกรนี่กลับทำตัวเองงั้นเหรอ ?”
ตอนนั้นจ้าวฉือเฉิงที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนออกมา “หลินลั่ว มังกรนี่เหมือนจะชอบนาย เร็วเข้า รีบทำสัญญาเท่าเทียมกับมัน !”
“สัญญาเท่าเทียม ?”
จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น “นายไม่ใช่อัศวินมังกรรึนักบวชมังกร นายใช้พลังจิตเพื่อทำสัญญาเท่าเทียมกับมันไม่ได้ มันได้แต่ต้องทำสัญญาด้วยทางอื่น...”
“แต่การทำสัญญาด้วยวิธีอื่นนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ถ้ามังกรแกร่งพอ มังกรก็สามารถฉีกสัญญาได้...”
“สัญญา ?” หลินลั่วฉุกคิดถึงบางอย่างและเอาคัมภีร์สีเหลืองดำออกมาจากแหวนมิติ
“นี่....สัญญาแห่งยมโลก นายมีมันได้ยังไง ?”
“ผมเคยไปฆ่าบอสมา” หลินลั่วพูดขึ้น “ใช้นี่ได้รึเปล่า ?”
“บอสอะไรถึงได้ดรอปสัญญาแห่งยมโลก ? นายโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ !”
จ้าวฉือเฉิงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “ได้สิ ! นายใช้มันทำสัญญาได้ ! เร็วเข้า รีบทำสัญญาเท่าเทียมซะสิ ! เมื่อทำสัญญาเสร็จ นายกับมังกรนี่ก็จะถือว่าเป็นคู่หูกัน !”
‘ฉันไม่ใช่ทั้งอัศวินมังกรรึนักบวชมังกร แต่กลับมีมังกร...มีอาชีพไหนบ้างที่ทำแบบนี้ได้ ? ’ หลินลั่วคิดกับตัวเอง
เขามี [ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ] อยู่ เขาไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับมังกรใหม่เลย แต่ต่อหน้าคนอื่น เขาจะทำแบบนั้นไม่ได้
หลินลั่วได้แต่ต้องรีบลงชื่อในสัญญาและเดินเข้าไปหามังกร
มังกรเอียงหัวมองไปที่สัญญาแห่งยมโลกตรงหน้าก่อนจะใช้หัวดันสัญญากลับคืนให้กับหลินลั่ว
จ้าวฉือเฉิงส่ายหน้า “หือ ? ไม่อยากทำสัญญา ? น่าเสียดาย...”
หลินลั่วรู้ว่ามังกรคิดอะไร เขาได้เปลี่ยนสัญญาเท่าเทียมเป็นสัญญาสัตว์เลี้ยงก่อนจะยื่นให้กับมังกร
สัญญาสัตว์เลี้ยง
นี่คือสัญญาที่มีข้อจำกัดมากกว่าสัญญาเท่าเทียม !
หลังจากที่ทำสัญญาเท่าเทียม ทั้งสองฝ่ายจะถือว่ามีฐานะทัดเทียมกัน !
แต่สัญญาสัตว์เลี้ยงนั้นต่างออกไป หลังจากที่ทำสัญญา มังกรจะถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของหลินลั่วไปตลอดชีวิต ไม่อาจจะหักหลังเขาได้
มันจะมีหลินลั่วเป็นเจ้านายเพียงคนเดียว มันจะทำทุกอย่างตามที่หลินลั่วสั่ง มันไม่อาจจะหักหลังหลินลั่วได้ !
จ้าวฉือเฉิงแปลกใจ “สัญญาสัตว์เลี้ยง ? ทำไมมังกรถึงได้ยอมทำสัญญาแบบนี้ ?”
มังกรคำรามออกมาเบา ๆ ใช้หัวดันสัญญากลับ จ้าวฉือเฉิงรีบพูดขึ้นมาทันที “ฉันขอดูหน่อย”
หลินลั่วรับรู้ถึงพลังจิตที่ก่อตัวขึ้นในหัว “อยากทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ ?”
มังกรพยักหน้า มันอยากให้เปลี่ยนเป็นสัญญาเจ้านายกับทาส !
“สัญญาทาส !” จ้าวฉือเฉิงแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “ทำไมมันถึงกล้าทำสัญญาทาส ? ไม่กลัวว่ามันจะโดนเอาไปฆ่ารึไง ? มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมอง มันทำแบบนี้ได้ยังไง ?”
จ้าวฉือเฉิงอุทานออกมา ทว่ามังกรกลับแสดงท่าทีตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าสัญญาถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาทาส มังกรรีบทำสัญญาทันที
ฟรึบ !
สัญญาแห่งยมโลกเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที ในท้องฟ้า ลำแสงนี้ได้พุ่งเข้าไปในกระแสเวลา !
“บ้าน่า ! มันยอมทำสัญญาทาสจริง ๆ !”