ตอนที่ 23 หอพักหญิงงาม
ตอนที่ 23 หอพักหญิงงาม
ด้วยความเอาใจใส่ของอวิ๋นเมิ่ง อาการบาดเจ็บของหลินมู่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ครึ่งเดือนต่อมา หลินมู่ก็สามารถลุกจากเตียง และเดินได้แล้ว
แต่ในขณะที่เดิน เขายังคงรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ทว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงนัก
“ศิษย์พี่ ให้ข้าขออยู่ดูแลท่านอีกสักสองสามวันดีกว่า” อวิ๋นเมิ่งยืนกราน
หลินมู่รู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นมากแล้ว จึงขอให้อวิ๋นเมิ่งกลับไปฝึกฝน ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา หญิงสาวผู้นี้ทุ่มเทดูแลเขาอย่างสุดกำลัง เขาเกรงใจนางมากแล้ว
“ตอนนี้ข้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว ไม่เชื่อเจ้าลองดูสิ” หลินมู่ยืนอยู่ในห้องเงียบ ยืดแขนและเตะขาพลางหัวเราะ
อวิ๋นเมิ่งคลายใจลงก่อนจะพูดว่า “งั้นข้ากลับก่อนนะ ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าฝืนฝึกฝนจนกว่าอาการบาดเจ็บจะหายสนิทด้วย”
หลินมู่ยิ้มและตอบว่า “เข้าใจแล้ว เมื่อข้าหายดีแล้ว ข้าจะไปขอบคุณเจ้าถึงที่”
ใบหน้าเล็กของอวิ๋นเมิ่งขึ้นสีแดงระเรื่อ นางพูดเบา ๆ ว่า “แค่ท่านหายดี ข้าก็พอใจแล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
หลินมู่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นับตั้งแต่เข้าสำนักดาบพันปักษา นางเป็นคนแรกที่จริงใจต่อเขาอย่างแท้จริง
หลังจากส่งอวิ๋นเมิ่งออกจากเรือนเล็ก หลินมู่โบกมืออำลานางด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นเมิ่งหันกลับมามองหลายครั้งด้วยความอาลัย ในดวงตาของนางมีน้ำตาคลอ นางเกือบจะร้องไห้ออกมา
หลินมู่ก็รู้สึกใจหายเช่นกัน ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้เขารู้สึกว่าอวิ๋นเมิ่งเป็นคนดี นางไม่เพียงดูแลเขาอย่างสุดกำลัง แต่ยังไม่เคยบ่นสักคำ ทุกวันนางมีแต่รอยยิ้มและพยายามทำให้เขาหัวเราะ เพื่อไม่ให้เขาเบื่อหน่ายกับการนอนอยู่บนเตียง หลินมู่จดจำทุกสิ่งนี้ไว้ในใจ
จนกระทั่งร่างของอวิ๋นเมิ่งหายลับไป หลินมู่จึงค่อย ๆ เดินกลับเข้าไปในห้องเงียบ เตียงในห้องยังคงอยู่ อวิ๋นเมิ่งยืนยันที่จะทิ้งมันไว้ โดยบอกว่าอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดีและยังคงต้องพักผ่อนให้มาก หลินมู่ลูบผ้าห่มบนเตียง ความรู้สึกซาบซึ้งใจเอ่อล้นขึ้นมา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในห้องเงียบ หลินมู่ก็ได้สติ เขาส่ายหัว ปิดประตูและหน้าต่าง แล้วหายตัวเข้าไปในมิติวังวนจันทรา
ภายในมิติวังวนจันทรา หญ้าวิญญาณเขียวขจี เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
หลินมู่ตรวจสอบการเติบโตของหญ้าวิญญาณและพบว่าทุกอย่างเป็นปกติ เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลินมู่ไม่เคยเข้าไปในมิติวังวนจันทราเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่ได้ปล่อยให้จี้วังวนจันทราดูดซับแสงจันทร์ แต่โชคดีที่ภายในมิติวังวนจันทรามีพลังวิญญาณหนาแน่นจึงไม่เกิดข้อผิดพลาด สีของจี้วังวนจันทราไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนจากสีเขียวอ่อนเป็นสีเขียวเข้ม
หลินมู่ไม่รีบร้อน ที่ดินวิญญาณระดับสามในมิติวังวนจันทราเพียงพอสำหรับเขาแล้ว ในตอนนี้หญ้าวิญญาณที่เขาปลูกส่วนใหญ่เป็นระดับหนึ่ง มีหญ้าวิญญาณระดับสองเพียงสามชนิด ที่ดินวิญญาณระดับสามจึงเหลือเฟือ
เพียงแต่เนื่องจากอวิ๋นเมิ่งอยู่ที่นี่ หลินมู่จึงไม่ได้เข้าไปในมิติวังวนจันทรา ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อใจอวิ๋นเมิ่ง แต่จี้วังวนจันทรานี้เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา หากมันรั่วไหลออกไป เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่อวิ๋นเมิ่งก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย
ดังนั้นหลินมู่จึงไม่กล้าประมาท
โชคดีที่จี้วังวนจันทรายอมรับเขาเป็นเจ้านายแล้ว คนนอกจึงไม่สามารถมองเห็นความผิดปกติของมันได้ ตราบใดที่หลินมู่ไม่พูดจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ตลอดไป
ภายในมิติวังวนจันทรา พลังวิญญาณบริสุทธิ์อุดมสมบูรณ์ หลินมู่เชื่อว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหายดีได้อย่างรวดเร็วในที่แห่งนี้
เขานั่งขัดสมาธิในกระท่อม หลินมู่เริ่มฝึกฝนวิชาจิตเก้าทิศอย่างเงียบ ๆ
พลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ฟื้นฟูส่วนที่ได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก อาการบาดเจ็บของเขาค่อย ๆ ดีขึ้น
…
เวลาภายนอกผ่านไปเพียงครึ่งเดือน แต่ภายในมิติวังวนจันทราหลินมู่ได้ใช้เวลาอยู่ในนี้ยาวนานถึงหนึ่งเดือนเต็ม
ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บของเขาหายดีเป็นปลิดทิ้ง รอยแผลเป็นที่หน้าอกถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อใหม่สีชมพูอ่อน ในไม่ช้ามันก็จะกลมกลืนกับผิวหนังรอบข้าง และกลับมาเป็นปกติ
แววตาของหลินมู่ฉายแววดีใจ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวที่ไม่สะดวกทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว
เมื่ออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว หลินมู่ก็ออกจากมิติวังวนจันทราด้วยความยินดี เขาชำระล้างร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ความหม่นหมองที่สะสมมานานกว่าหนึ่งเดือนก็หายไปในพริบตา
หลินมู่ก้าวออกจากเรือนเล็ก มุ่งหน้าไปยังยอดเขาตะวันออกด้วยฝีเท้าที่เบิกบาน
ยอดเขาตะวันออกส่วนใหญ่เป็นที่อยู่ของศิษย์หญิง ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณนานาชนิด ทัศนียภาพงดงามน่าชม
หลินมู่เดินทอดน่องไปตามหมู่มวลดอกไม้ด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลาย
เมื่อเดินไปถึงยอดเขา ด้านหน้าปรากฏกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่หลายสิบหมู่ ป้ายชื่อเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว : หอพักหญิงงาม
ที่นี่คือที่พักของเหล่าศิษย์หญิง อวิ๋นเมิ่งก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน
หลินมู่เดินเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน พลันมีเสียงตะโกนเย็นชาว่า “หยุดอยู่ตรงนั้น!”
หญิงสาวรูปโฉมงดงาม ใบหน้าขาวซีดราวกับน้ำแข็งเดินออกมาจากด้านใน “หอพักหญิงงามเป็นที่พักของเหล่าศิษย์หญิง ศิษย์ชายห้ามเข้าโดยพลการ เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
สีหน้าของหลินมู่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ศิษย์ผู้นี้อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้า แต่กลับหยิ่งยโสโอหัง แต่เมื่อมาถึงถิ่นของผู้อื่น หลินมู่ก็ไม่อยากหาเรื่องจึงทำเป็นไม่สนใจ
“ข้ามาหาศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่ง รบกวนแจ้งให้นางทราบด้วย” หลินมู่ตอบกลับอย่างใจเย็น
ศิษย์หญิงผู้นั้นยังคงมีสีหน้าเย็นชา นางสำรวจหลินมู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “รอสักครู่ ข้าจะไปถามศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่งก่อน”
นางเพิ่งจะก้าวเข้าไปในประตู แต่ก็หันกลับมาถามว่า “เจ้าชื่ออะไร?”
“หลินมู่” หลินมู่ไม่อยากพูดกับนางมาก ผู้หญิงแบบนี้มักจะสร้างปัญหาไม่น่ารู้จัก เขาจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว
หานเสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อหลินมู่ที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก
“รออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปถามนางก่อน” หานเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พูดจบ นางก็หันหลังกลับเข้าไปในลาน เดินผ่านลานหลายแห่งมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด
วันนี้หานเสวี่ยรู้สึกหงุดหงิดมาก นางแอบถอนหายใจที่ตัวเองโชคร้ายที่ต้องมาเจอกับงานแบบนี้
เหล่าศิษย์หญิงผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าประตูเพื่อต้อนรับแขก งานนี้ปกติแล้วค่อนข้างสบาย แต่ถ้ารวมหลินมู่ด้วย วันนี้นางต้อนรับแขกไปแล้วสามสิบแปดคน
แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้นางหงุดหงิด สาเหตุที่ทำให้นางหงุดหงิดคือ แขกทั้งสามสิบแปดคนล้วนเป็นผู้ชาย และนอกจากหลินมู่แล้ว อีกสามสิบเจ็ดคนที่มาต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน
นับตั้งแต่ศิษย์พี่หญิงมู่ชิงออกจากการการฝึกฝนสันโดษ ผู้คนก็มาเยือนหอพักหญิงงามไม่ขาดสาย พวกเขาต่างต้องการชื่นชมความงามของนาง
แต่ทั้งหมดถูกหานเสวี่ยปฏิเสธ อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นยังคงไม่ยอมแพ้ พวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา
ยังมีคนหน้าไม่อายคนหนึ่งมาที่นี่ และบอกว่าจะเข้าไปหาคุณย่าของตน
หานเสวี่ยรู้ดีว่าศิษย์หญิงที่นี่แทบจะไม่มีใครอายุเกินสามสิบปี จะมีคุณย่าได้อย่างไร แม้แต่คุณปู่ก็ไม่มี!
นางรู้สึกโมโหคนพวกนี้จริง ๆ
ในสายตาของนาง หลินมู่ไม่ได้แตกต่างจากชายหนุ่มอีกสามสิบเจ็ดคนก่อนหน้านี้
นางไม่เชื่อว่าหลินมู่มาหาศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่งจริง ๆ ศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่งอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปี ยังเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา แต่นางเคยได้ยินมาว่าศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่งสนิทสนมกับศิษย์พี่มู่ชิงมาก
หลินมู่นี่ช่างรู้จักหาข้ออ้าง รู้จักวิธีอ้อมค้อมเสียจริง!
เขาต้องมาในนามของการมาหาศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่ง เพื่อหวังจะเข้าใกล้ศิษย์พี่มู่ชิง หานเสวี่ยลอบคิดอย่างมั่นใจ
ความงามของศิษย์พี่มู่ชิงเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสำนักดาบพันปักษา
ศิษย์ชายหลายคนต่างอยากมาชื่นชม หรือแม้กระทั่งฝันว่าจะได้รับความสนใจจากศิษย์พี่มู่ชิง หวังว่านางจะตกหลุมรักพวกเขา และได้ครองคู่กับหญิงงาม
นางไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ ไร้เหตุผลสิ้นดี
เมื่อมาถึงหน้าเรือนของอวิ๋นเมิ่ง หานเสวี่ยก็เคาะประตูเบา ๆ “ศิษย์น้องอวิ๋นเมิ่ง มีคนมาหาเจ้า”
อวิ๋นเมิ่งเปิดประตู เห็นเป็นหานเสวี่ยก็ยิ้มและถามว่า “ศิษย์พี่หญิง ผู้ใดมาหาข้าหรือ?”
หานเสวี่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ศิษย์ชายชื่อหลินมู่ ไม่รู้ว่าว่างมากหรืออย่างไร ไม่รู้ว่ามาที่นี่ทำไม… คงจะมาหาศิษย์พี่มู่ชิงอีกตามเคย”
เมื่ออวิ๋นเมิ่งได้ยินดังนั้น นางรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก และคิดในใจว่าศิษย์พี่หลินมู่มาหาข้าจริง ๆ ด้วย! เวลานี้นางรีบบอกหานเสวี่ยว่า “เขาอยู่ที่ใดหรือ? พาข้าไปหาเขาเร็วเข้าเถิด”
หานเสวี่ยตกตะลึง ทั้งลอบคิดในใจว่า ‘ดูเหมือนจะเข้าใจเขาผิดไปเสียแล้ว’
ทั้งสองวิ่งไปที่ประตูอย่างเร่งร้อน