บทที่ 84 ขยี้กระดูกกระจายเถ้าถ่าน
“เจ้ามันสมควรตาย!”
หลินอวี้เหลียงโกรธแค้นจนตัวสั่น ขณะที่หน้าผากเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน เขาตะคอกเสียงแข็งกร้าว แล้วชักกระบี่พร้อมปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ทันที
นั่นคือวิญญาณยุทธ์วิหคห้าดาว!
“เมฆาม่วงจรัสแสง!”
สิ้นเสียงตะโกนทุ้มต่ำ หลินอวี้เหลียงก็ไหวกายพุ่งเข้าหาหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประกายแสงกระบี่วาวเย็นยะเยือก ประหนึ่งแสงอัสนีแทงเข้าใส่หน้าอกของหลัวเฉิงอย่างกะทันหัน
รูม่านตาของหลัวเฉิงหดแคบลง เขาโคจรปราณแท้ไปทั่วร่าง แล้วพุ่งหมัดเข้าที่ด้านข้างของกระบี่เล่มนั้นทันที
เสียงปะทะดังสนั่นก้องพร้อมกับกระบี่ทั้งเล่มสั่นสะท้าน พานให้หลินอวี้เหลียงแทบกระชับมันไว้ไม่อยู่ ใบหน้าผันเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ เขากัดฟันแน่นแล้วใช้พลังทั้งหมดในร่างฟาดฟันกระบี่ในแนวทแยงอีกครั้ง
“เมฆาม่วงหวนคืน!”
ฉัวะ!
ทันใดนั้น ปราณกระบี่วาวเย็นอันแหลมคม ก็พุ่งทะยานเข้าหาลำคอของหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว
ครั้นได้เห็นเช่นนั้น ดวงตาของหลัวเฉิงก็หรี่ลง พลันระเบิดปราณแท้ทั่วร่างแล้วชกหมัดพุ่งออกไปอีกหน
“สะท้านขุนเขา!”
ทันทีที่ปราณกระบี่สัมผัสกับหมัดอันแข็งแกร่งนี้ กระบี่ในมือของหลินอวี้เหลียงก็กระเด็นออกไปอย่างฉับพลัน
“นี่มันอะไร!”
หลินอวี้เหลียงอุทานด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เพราะความแข็งแกร่งของหลัวเฉิงนั้นสูงเกินจินตนาการของเขามากทีเดียว ขณะนี้เขารู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสที่มือขวาด้วยกระดูกที่แตกร้าว!
ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเสียท่า หลัวเฉิงก็ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาใช้โอกาสนี้ชกหมัดซ้ายเข้าใส่ที่หน้าอกของหลินอวี้เหลียงอย่างแรงทันที
ปัง!
หลินอวี้เหลียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากปากสายหนึ่ง
นี่มัน!
ผู้คนโดยรอบที่เห็นฉากนี้ ก็ต่างยืนนิ่งตกตะลึงลานจนตัวแข็ง
หลัวเฉิงใช้เพียงสองหมัดเท่านั้น แต่กลับสามารถทำให้หลินอวี้เหลียงบาดเจ็บสาหัสได้มากถึงขนาดนี้!
หลินอวี้เหลียงเป็นผู้ฝึกยุทธในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง ทั้งยังเป็นศิษย์ของสำนักจื่ออวิ๋น
ดังที่ทุกคนล้วนทราบกันดี ว่าการเป็นศิษย์ของสำนักย่อมต้องมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนภายนอกเป็นธรรมดา เนื่องจากวิชาของสำนักนั้นสูงกว่าของกองกำลังตระกูลทั่วไปมาก!
ถึงอย่างนั้นแล้ว หลินอวี้เหลียงก็ยังพ่ายแพ้! เขาพ่ายแพ้จนสิ้นท่าและไม่เหลือพลังมากพอจะสู้อีกครั้ง!
ชั่วแวบหนึ่ง ในหัวของผู้คนโดยรอบ พวกเขาต่างมองหลัวเฉิงราวกับว่ากำลังเห็นสัตว์ประหลาดที่น่าพรั่นพรึง
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร……”
หลินอวี้เหลียงเองก็ตกตะลึงมิต่างจากผู้อื่นเช่นเดียวกัน เขาไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าตนเองนั้นพ่ายแพ้แล้ว
หลัวเฉิงก้มศีรษะลงมองยังแขนของตน ก่อนพบว่ามีรอยกระบี่ตื้นๆ บนนั้น
แม้ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์จะไม่จำเป็นต้องกลัวกระบี่ทั่วไป แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง เนื่องจากคู่ต่อสู้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน
หลัวเฉิงเอื้อมมือลงคว้ากระบี่ยาวที่วางอยู่ตรงพื้น จากนั้นสืบเท้าเข้าหาหลินอวี้เหลียงทีละก้าว กลิ่นอายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่าพรั่นพรึง
เมื่อเห็นท่าทางหลัวเฉิงเช่นนั้น ใบหน้าของหลินอวี้เหลียงเข้มขึ้น “เจ้าจะทำอะไร?”
หลัวเฉิงเหลือบมองหลินอวี้เหลียงแล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “แน่นอนอยู่แล้ว ก็ฆ่าเจ้าอย่างไรเล่า”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้ ร่างของหลินอวี้เหลียงก็สะบั้นสั่น จากนั้นยกมุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยันขณะที่ในแววตานั้นกลับหวาดกลัว
“เจ้ากล้าดียังไง! ถ้าเจ้าฆ่าข้า เจ้าจะไม่มีวันได้ออกจากเมืองหนานเฉิงฟางอีก อาจารย์ของข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่!”
เขาเป็นถึงอัจฉริยะผู้โดดเด่นของตระกูลหลิน ทั้งยังเป็นศิษย์ของสำนักจื่ออวิ๋น เขาไม่เชื่อว่าหลัวเฉิงจะกล้าสังหารเขาต่อหน้าธารกำนัล!
หลัวเฉิงเผยรอยยิ้มเยือกเย็น “ตระกูลหลินของเจ้าส่งคนมาลอบสังหารข้า เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดใช่หรือไม่?”
หลังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเยือกเย็นของหลัวเฉิง พร้อมกับในแววตาหาได้ล้อเล่นในวาจานั้นไม่ ทันใดนั้น หลินอวี้เหลียงก็ตื่นตระหนกแล้วร่ำร้องออกมาอย่างหวาดกลัว "ข้า ข้ายอมแพ้แล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าข้า!"
หลัวเฉิงเพิกเฉยต่อการร้องขอชีวิตแล้วยกกระบี่ยาวในมือขึ้นสูง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ขณะนั้นเอง เสียงตะโกนดังที่ราวกับฟ้าร้องก็ก้องกังวานมาจากอีกด้านหนึ่งของปลายถนน
คนของตระกูลหลินกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนถนนในเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นควันฟุ้งตลบ
ชายวัยกลางคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า ครั้นเห็นท่าว่าหลัวเฉิงกำลังจะสังหารหลินอวี้เหลียง เขาก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ไอ้เด็กสารเลว หากเจ้าฆ่าเขา ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่!”
เมื่อหลินอวี้เหลียงเห็นชายวัยกลางคน สีหน้าเขาก็ประดุจดั่งว่าได้รับการเว้นโทษจากสวรรค์ แววตานั้นพลันเปลี่ยนเป็นอำมหิตแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านรีบช่วยข้าสังหารเจ้าเด็กเหลือขอนี่เร็วๆ เถิด…”
ชายวัยกลางคนเป็นรองผู้นำของตระกูลหลิน เขามีนามว่าหลินเฉียนเฟิง ซึ่งเป็นบิดาของหลินอวี้เหลียง!
แม้นได้ฟังวาจาปรามของหลินเฉียนเฟิง แต่เจตนาของหลัวเฉิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพลันเหวี่ยงกระบี่ในมือฟันเข้าที่ลำคอของหลินอวี้เหลียงทันที
ฉัวะ!
ทันทีที่แสงกระบี่วาวเย็นอันคมกริบตัดผ่านลำคอ เสียงของหลินอวี้เหลียงก็ชะงักขาดในทันที ศีรษะของเขาร่วงออกจากบ่าแล้วกลิ้งไปด้านข้าง ขณะที่ในดวงตาเบิกกว้างไม่รับรู้สิ่งใดอีก
ตุบ!
ทันใดนั้น ดวงตาของหลินเฉียนเฟิงก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น เขาจ้องยังหลัวเฉิงแล้วระเบิดเสียงคำรามลั่น
“ไอ้เด็กเวร ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆ ชิ้น ข้าจะขยี้กระดูกและกระจายเถ้าถ่านเจ้า!”
บูม!
สิ้นเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด หลินเฉียนเฟิงก็ทะยานเข้าหาหลัวเฉิงทันที ขณะที่นิ้วทั้งห้าเขามีกรงเล็บสีครามงอกยาวออกมา แล้วฟาดเข้าใส่ศีรษะหลัวเฉิงอย่างรุนแรง