บทที่ 83 มองท้องฟ้าจากก้นบ่อ
“หลัวเฉิงแห่งตระกูลหลัว เจ้ากล้ามาที่นี่ได้เยี่ยงไร”
“เจ้ามันช่างรนหาที่ตายนัก ฆ่ามันซะ”
“ไปตายซะ!”
ทันทีที่หลัวเฉิงเข้าสู่เมืองหนานเฉิงฟาง เขาก็มิต่างอันใดกับลูกแกะที่เข้าไปในถ้ำเสือ เมื่อคนของตระกูลหลินพบเห็น ก็กรูกันเข้ามาหมายสังหารทันที
อย่างไรก็ตาม ครั้นคนของตระกูลหลินปรี่เข้ามาจวนบรรลุถึง หลัวเฉิงก็ไม่คิดปรานีพวกเขาแม้แต่น้อย เหล่าตระกูลหลินถูกสังหารด้วยหมัดเดียวจนหมดสิ้น เพียงไม่กี่ลมหายใจ
ขณะนี้ บรรดาคนของตระกูลหลินถูกสังหารไปมากกว่าสิบคน ด้วยหมัดของหลัวเฉิงเพียงคนเดียว!
ในตอนนี้ แววตาของหลัวเฉิงเต็มไปด้วยความโกรธ
แม้นตระกูลหลินไม่คิดจะสละเมือง แต่เขาแค่ต้องการให้ลั่วเหยาช่วยบังคับให้ตระกูลหลินล่าถอยออกจากเมืองเพียงเท่านั้น
แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ตระกูลหลินจะชั่วช้าถึงเพียงนี้ กระทั่งส่งคนมาลอบสังหารเขาอีกต่างหาก
ถ้าครั้งนี้เขาไม่โชคดีทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ไปแล้ว เกรงว่าคงไม่บาดเจ็บสาหัสก็ต้องตายเป็นแน่
ความมีเมตตาย่อมต้องตอบแทนด้วยความการุณ แต่หากแทนคุณด้วยความแค้นย่อมต้องถูกล้างด้วยเลือด!
เนื่องจากครั้งนี้ตระกูลหลินต้องการสังหารเขา หลัวเฉิงจึงต้องไร้ซึ่งความเมตตา
ปัง!
คนของตระกูลหลินอีกหนึ่ง ถูกหลัวเฉิงชกเข้าที่อกจนกระอักเลือด แม้ในใจของเขาคิดจะหลบหนีแต่ก็ต้องวายชนม์เสียก่อน
หลัวเฉิงหันร่างกลับมาหมายจะสังหารอีกคนหนึ่ง ทว่า ชายคนนั้นกลับวิ่งเข้าไปยังโรงเตี๊ยมราวกับว่าเขาได้คว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้
“คุณชายอวี้เหลียง ช่วยข้าด้วย!” น้ำเสียงชายผู้นั้นกระเสือกกระสนลนลานด้วยหวาดกลัว
“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไร ว่าให้เจ้าหนีไปได้”
หลัวเฉิงโคจรปราณไปรวมยังฝ่าเท้า แล้วกระแทกพื้นพุ่งร่างด้วยความเร็วสูงสุด พลันพุ่งหมัดโชคชายคนนั้นจากด้านหลังทันที
ปัง!
คนของตระกูลหลินครั้นถูกชกเข้าอย่างแรงก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างเขาลอยลิ่วไปกระแทกเข้ายังผนังของโรงเตี๊ยมอย่างรุนแรง กระดูกสันหลังหักเป็นสองท่อนแล้วสิ้นใจในทันที
ในเวลาเดียวกัน ก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งย่างเท้าออกมาจากโรงเตี๊ยมนั้น
ชายหนุ่มผู้นี้อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เขาสวมอาภรณ์สีดำ อากัปกิริยาเคร่งขรึม ดวงตาเรียวยาว ที่เอวมีกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ซึ่งเขาผู้นี้มีกลิ่นอายแข็งแกร่งยิ่งนัก
“นั่นคือหลินอวี้เหลียง อัจฉริยะของตระกูลหลิน!”
หนึ่งในผู้คนโดยรอบนั้นจำชายคนนี้ได้จึงอุทานออกมาอย่างรวดเร็ว
“หลินอวี้เหลียง ไม่ใช่ว่าเขาเข้าสำนักจื่ออวิ๋นเพื่อฝึกฝนงั้นหรือ ไฉนจึงอยู่ที่นี่ได้”
“ตระกูลหลินเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ ตั้งแต่แข่งขันแพ้ในงานชุมนุมล่าสัตว์จนต้องเสียเมืองหนานเฉิงฟาง เขาจะทนนิ่งดูดายได้อย่างไร”
“แบบนี้ก็ไม่เท่ากับว่าหลัวเฉิงตกอยู่ในอันตรายงั้นหรือ หลินอวี้เหลียงอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง ทั้งยังได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาจากสำนักจื่ออวิ๋น ไม่รู้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้ามากขนาดไหนแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินอวี้เหลียงปรากฏตัว ทุกคนก็รู้ว่าการสังหารหมู่ของหลัวเฉิงได้จบลงแล้ว
หลินอวี้เหลียงย่างเท้าออกจากโรงเตี๊ยมอย่างแช่มช้า ขณะแววตาเหลือบมองศพจำนวนมากที่นอนเกลื่อนพื้น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วช้อนขึ้นมองหลัวเฉิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เจ้าน่ะหรือ หลัวเฉิงแห่งตระกูลหลัว” หลินอวี้เหลียงเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา
หลัวเฉิงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มิผิด”
ดวงตาของหลินอวี้เหลียงทอประกายแสงเยือกเย็น “เจ้ามันช่างเป็นคนเย่อหยิ่งนักที่กล้าสังหารผู้คนต่อหน้าข้า แต่มันช่างน่าเสียดายที่คนนิสัยเช่นเจ้านั้นล้วนอายุสั้น ตอนนี้ ข้าจะกุดหัวของเจ้าออกแล้วเสียบประจานไว้ที่ข้างกำแพงเมือง เพื่อเป็นการย้ำเตือน ว่าหากกล้าอวดดีต่อหน้าข้าผลมันจะเป็นอย่างไร”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “จริงหรือ? ต้องดูก่อนว่าเจ้าจะมีความสามารถนั้นหรือไม่”
สิ้นวาจานั้น ความเกรี้ยวกราดก็พลันปรากฏในแววตาของหลินอวี้เหลียง จากนั้นเขาเหยียดยิ้มอย่างอำมหิตกล่าวว่า
“เพียงแค่ชนะในงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งเดียว เจ้าถึงกับกล้ายิงผยองถึงปานนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่มากแค่ไหน ความแข็งแกร่งเช่นเจ้าไม่มีค่าอันใดด้วยซ้ำ!”
“เจ้ามันก็แค่กบที่มองท้องฟ้าจากก้นบ่อ ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยฝ่ามือเดียว!”
สิ้นน้ำเสียง ร่างหลินอวี้เหลียงพลันไหวขยับพุ่งเข้าหาหลัวเฉิงด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า พร้อมกับมือซ้ายที่กางออกเผยให้เห็นปราณฝ่ามืออันแข็งแกร่ง แล้วซัดเข้าใส่หลัวเฉิงอย่างรุนแรง
ผู้คนโดยรอบที่จับจ้องมองสถานการณ์ เมื่อเห็นปราณฝ่ามือนั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่คิดว่าหากหลัวเฉิงโดนฝ่ามือนี้เข้าไป จำต้องตายเป็นแน่
หลัวเฉิงยังยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมโดยไม่ถอยแม้เพียงก้าว เขาไม่รอช้าพุ่งชกหมัดสวนออกไปในทันใด
ปัง!
หมัดและฝ่ามือปะทะกันอย่างรุนแรง จนคลื่นอากาศโดยรอบสั่นสะท้าน
แครก!
พร้อมกับเสียงปะทะนั้นก็มีเสียงกระดูกแตกลั่นเช่นกัน หลินอวี้เหลียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ขณะที่ร่างลอยลิ่วถอยหลังอย่างรวดเร็ว
นิ้วทั้งห้าบนมือซ้ายของเขาหัก มันบิดเบี้ยวผิดรูปไปอย่างน่าประหลาดและมีเลือดไหลหยดลงอย่างต่อเนื่อง
ผู้คนโดยรอบเปลี่ยนสีหน้าเป็นตกตะลึงยิ่ง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า หลินอวี้เหลียงจะถูกหมัดของหลัวเฉิงชกกระเด็นออกไปเช่นนี้!
หลินอวี้เหลียงกุมมือซ้ายด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเหงื่อเย็นที่ไหลอาบใบหน้า ในแววตาจ้องหลัวเฉิงด้วยความประหลาดใจ “เจ้า... เจ้าแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!”
เขาจำได้ว่า หลัวเฉิงนั้นอยู่ในขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอด ทว่าตัวเขาเองอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองและมีผิวทองแดงกระดูกเหล็ก
แต่ไฉนพลังหมัดของหลัวเฉิงจึงบดขยี้เขาจนสิ้นท่าเช่นนี้!
นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!
หลัวเฉิงเหลือบมองหลินอวี้เหลียงด้วยแววตาไม่แยแส “ทำไม เจ้าแปลกใจงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคนที่เป็นกบในก้นบ่อน้ำ ท่าจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า”