บทที่ 374: ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์!
ฉินหลินอ่านรายละเอียดของหินแสงจันทร์แล้วก็รู้ว่าไอ้นี่คือของดีที่แท้ทรู
มันดีตรงที่ต้องเลือกสถานที่ที่จะใช้งาน ซึ่งเมื่อเลือกแล้วจะใช้ที่อื่นไม่ได้ และแม้ว่าจะเลือกสถานที่แล้วก็ตามมันก็ยังไร้ผลหากปราศจากน้ำพุเทพธิดา
แน่นอนว่าตอนนี้ฉินหลินอยากจะเอาหินแสงจันทร์นี้มาตั้งไว้ในคฤหาสน์
ขนาดของหินแสงจันทร์นี้ค่อนข้างใหญ่ ในภาพการ์ตูนอนิเมชันของเกมจะเห็นว่ามันสูงถึงเอวของตัวละครเลยทีเดียว
หากเป็นหินในโลกจริงขนาดเอวของเขาล่ะก็เรื่องความหนักอย่างน้อยก็น่าจะซัก 300 กว่าจิน
นอกจากนี้เนื่องจากเงื่อนไขที่ว่าจำเป็นต้องมีน้ำพุเทพธิดาเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นเขาจึงต้องขุดสระน้ำขึ้นมาก่อนแล้วค่อยวางหินแสงจันทร์ไว้กลางสระ จากนั้นก็ค่อยเอาน้ำพุเทพธิดาเติมลงไป
คิดแผนเสร็จก็ออกจากเกม จากนั้นก็หยิบมือถือมาโทรหาซุนหมิงจากโหยวเฉิงอี้เจี้ยน
“หวัดดีค้าบเถ้าแก่ฉิน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ ไม่ทราบว่ามีงานอะไรจะสั่งเหรอค้าบ” น้ำเสียงกระตือรือร้นของซุนหมิงดังจากปลายสาย
สำหรับเขาแล้วถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ฉินหลินโทรหา
ใครบ้างไม่รู้ว่าเถ้าแก่ฉินคนนี้เป็นคนที่ทุกคนในอำเภอโหยวเฉิงจะต้องให้ความเคารพไปแล้ว
ฉินหลินบอกจุดประสงค์ของตนออกไป “คุณซุน พอดีผมอยากปรับปรุงคฤหาสน์ซักหน่อยน่ะ ช่วยส่งคนมาดูให้หน่อยได้มั้ยครับ”
เมื่อซุนหมิงได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปากสัญญาทันที “ได้เลยครับเถ้าแก่ฉิน เดี๋ยวผมจะพาคนไปหาเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่ต้องรอนานซุนหมิงก็นำทีมมาถึงคฤหาสน์ด้วยตัวเอง เมื่อพบฉินหลินก็รีบถามทันทีเลยว่า “ไม่ทราบเถ้าแก่ฉินอยากให้เราจัดการอะไรยังไงให้ครับ วันนี้ผมจะเป็นคนฟังคำขอของคุณด้วยตัวเองเลย”
ซุนหมิงตอนนี้ดูไม่เหมือนเถ้าแก่ของโหยวเฉิงอี้เจี้ยน แต่ดูเหมือนเด็กเดินงานซะมากกว่า
บางทีอาจเพราะคิดว่ากำลังทำงานให้กับเถ้าแก่ฉินซึ่งคนอื่น ๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ทำ แค่คิดถึงเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ก็ไม่ต้องพูดกันมากแล้ว หมายถึงเรื่องผงอาบน้ำร้อนชิงหลินน่ะ
ขายของให้คนหัวล้าน 50 ล้านคน ยอดขายเหนาะ ๆ ก็ 3 แสนล้าน
คนที่มีปัญหาเส้นผมอื่น ๆ อีก 460 ล้าน ต่อให้แต่ละคนซื้อเดือนละ 10 ซอง (แพ็ก 50 หยวน) ก็ได้ยอดถึง 2.3 แสนล้านแล้ว
หลังจากคนเหล่านี้ใช้แล้วเห็นผลย่อมจะซื้ออีกเพื่อเผื่อไว่ก่อนอยู่แล้ว
นอกจากนี้คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเส้นผมก็อาจจะซื้อเพื่อกันไว้ก่อนอีก ยังไม่นับรวมซอสมะเขือเทศกับเครื่องดื่มชิงหลินอื่น ๆ ของดีกว่าแก้อีก เป็นการป้องกันไว้ก่อนอย่างแน่นอน รวมถึงเครื่องดื่ม ซอสมะเขือเทศบ้านไร่ชิงหลินและห้องทดลองชิงหลินของบริษัทชิงหลินฟู้ด
เชื่อกันว่าความมั่งคั่งของเถ้าแก่ฉินจะพัฒนาจนกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเร็ว ๆ นี้
แล้วมันเป็นเรื่องน่าอายเหรอที่ได้ทำงานให้กับคนที่รวยที่สุด
ไม่เลย กลับน่าภาคภูมิใจเสียอีก นี่ยังสามารถเอาไปขิงใส่คนอื่นได้อีกแหนะ
ฉินหลินพาซุนหมิงไปยังสวนของคฤหาสน์และบอกว่า “คุณซุน ผมกะว่าจะสร้างน้ำพุที่สระนี้แล้วผมก็มีหินหน้าตาแปลก ๆ จะเอามาวางตรงกลางให้มันสวย ๆ ซักหน่อยด้วย...”
ฉินหลินก็อธิบายความต้องการไป ซุนหมิงได้ฟังแล้วก็พอจะรู้คร่าว ๆ แล้วว่าจะต้องทำยังไง จากนั้นก็พาคนไปเริ่มงาน
หลี่หยวนชื่อ ฉู่หยวนชื่อ และหลินหยวนชื่อเดินผ่านมาพอดีและพอเห็นพวกซุนหมิงกำลังทำงานกันอยู่จึงเป็นต้องหยุดดูด้วยความสงสัย
“เถ้าแก่ฉินจะรีโนเวตสวนเหรอครับ” หลี่หยวนชื่อถาม ในสายตาของเขาไม่ว่าจะต้นไม้ใบหญ้าไม้ดอกไม้ประดับที่สวนนี้มันก็สมบูรณ์แบบพออยู่แล้วแท้ ๆ
ฉินหลินยิ้มและตอบว่า “พอดีว่าผมได้หินหน้าตาประหลาดที่เวลาโดนแสงจันทร์มันจะส่องแสงออกมาดูแล้วคล้ายไข่มุกราตรีอะไรเทือกนั้นมาน่ะครับ”
หลี่หยวนชื่อยิ้ม “ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นไข่มุกราตรีเสมอไปล่ะนะ มีหินภูเขาไฟหลาย ๆ แบบที่เรืองแสงตอนกลางคืนได้เหมือนกัน เช่นพวกหินโบโลญญา หินฟลูออไรต์... พวกนี้ล้วนแต่เรืองแสงในเวลากลางคืนได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าความสว่างที่ได้มันต่างกันก็เท่านั้นเอง”
ข้อมูลที่บอกออกมานี้ทำให้ฉินหลินชักรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่ ไม่ได้มีความรู้อะไรกับเขาเล้ย
อุตส่าห์คิดวิธีแก้ปัญหาเรื่องหินแสงจันทร์ที่เรืองแสงได้จากการดูดซับแสงจันทร์จนหัวแทบแตก ไม่นึกว่าบนโลกนี้มันจะมีหินเรืองแสงได้อีกตั้งเยอะแยะ แถมในสายตาของนักวิทยาศาสตร์อย่างหลี่หยวนชื่อแล้วนี่เป็นเรื่องปกติโคตร ๆ อีกต่างหาก
กลายเป็นว่าตัวเองดันคิดมากไปซะงั้น
ซุนหมิงพาคนมาจัดการปรับปรุงสวนอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียวงานทั้งหมดก็เสร็จสิ้น
มีการทำน้ำพุขึ้นมาที่สวน โดยน้ำที่ใช้จะเชื่อมต่อกับระบบน้ำของคฤหาสน์ แต่มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมอะไรไป
ผลงานที่ได้ฉินหลินดูแล้วพึงพอใจมาก หลังจากรับมอบงานจากซุนหมิงเสร็จแล้วเขาก็ขับรถไปที่โกดังเช่า จากนั้นก็เอาหินแสงจันทร์ออกมาวางหลังรถบรรทุก
จากนั้นก็ขับรถขนเอาหินแสงจันทร์กลับไปที่คฤหาสน์
แค่หินแสงจันทร์หนัก 300 กว่าจิน ด้วยตัวเขาที่กินผลของต้นไม้แห่งพลังไป 2 ผลเต็ม ๆ สามารถเคลื่อนย้านเองได้สบายบรื๋อ แต่ว่ามันไม่ใช่อะไรที่จู่ ๆ จะเอาออกมาโชว์ได้ ดังนั้นเขาเลยให้อวี้สุ่ยหาคนมาช่วยขนไปวางที่น้ำพุสร้างใหม่
และทันทีที่หินแสงจันทร์ถูกวางลงในน้ำพุก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นในเกมอย่างน่าพิศวง
เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจจริงเชียว
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เจอสถานการณ์แบบนี้ แต่เขาก็เลือก [ใช่] เพื่อยืนยันว่าจะให้หินแสงจันทร์แสดงผลในสถานที่นี้
หลังจากที่ฉินหลินตัดสินใจเลือกแล้วระบบก็เด้งแจ้งเตือนอีกรอบ
เขาไม่เสียเวลา ให้ตัวละครเอาถังเปล่าไปหาตักน้ำพุเทพธิดากลับมาไว้ที่ฟาร์ม
ให้ตัวละครไป ๆ กลับ ๆ ตักน้ำอยู่หลายรอบจนตอนนี้มีถังน้ำที่ใส่น้ำพุเทพธิดาเต็มถังวางเรียงกันเป็นโหลอยู่ในพื้นที่ว่างของฟาร์ม
คราวนี้ก็ถึงตาตัวฉินหลินเองบ้าง เขาเข้าไปในพื้นที่ด้านในของคฤหาสน์ จากนั้นเข้าสู่โลกในเกม นำน้ำพุเทพธิดาออกมา จากนั้นก็เอาไปเทใส่น้ำพุเทียมที่สร้างขึ้นใหม่
เมื่อฉินหลินเทน้ำจากน้ำพุเทพธิดาลงในน้ำพุเทียมแล้วระบบก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นมาอีกครั้ง
หรือก็คือสามารถสั่งให้หินแสงจันทร์แสดงผลในยามค่ำคืนได้แล้วนั่นเอง
ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องรอให้แสงจันทร์ยามค่ำคืนออกมาเท่านั้น จากนั้นถึงค่อยจะสามารถทดสอบผลลัพธ์จากการอาบแสงจากหินแสงจันทร์ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหนูทดลองตัวใหญ่สุดที่เขาหมายตาไว้ก็คือพี่หลี่นั่นเอง
เมื่อถึงเวลานั้นก็ไปเชิญพี่หลี่มา จากนั้นก็พูดจาล่อลวงให้คิดถึงเรื่องการทดลองยีนที่อุณหภูมิต่ำ บางทีพี่หลี่อาจจะได้อะไรบางอย่างก็เป็นได้
ถ้าเป็นไปได้จริง ๆ ล่ะก็ ในอนาคตเวลาที่บรรดาหยวนชื่อที่รับผิดชอบด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญ ๆ มาพักฟื้นที่คฤหาสน์ชิงหลินแห่งนี้ เมื่อมานั่งที่นี่ตอนกลางคืนก็อาจจะได้รู้แจ้งถึงอะไรบางอย่างใช่มั้ย
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรฉินหลินก็ยิ่งตั้งตารอคอยมันมากขึ้นเท่านั้น
ทว่าเมื่อตอนใกล้ค่ำเขากลับต้องรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เพราะว่าบนฟ้ามีเมฆดำมืดบดบัง แสงจันทร์ซักนิดก็ไม่มีให้เห็น
แบบนี้ไม่กลายเป็นหวังลม ๆ แล้ง ๆ เสียเวลาทั้งวันไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ
ถ้ามีเมฆมืดตึ๊บแบบนี้ทุกวันล่ะก็ทั้งปีก็ไม่ต้องดูแสงจันทร์กันพอดีสิ
ทว่าในคืนนี้เขากลับต้องพบกับเรื่องประหลาดอีกอย่าง เพราะในสวนของคฤหาสน์เขาสามารถมองเห็นแสงสีขาวนวลคล้ายแม่คะนิ้งกระจายปกคลุมบริเวณโดยรอบ ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหลายดูเหมือนมีชั้นน้ำค้างแข็งปกคลุมอยู่ทั่วไปหมด
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาก
กลายเป็นว่าหินแสงจันทร์มันใช้งานได้จริงแม้ว่าพระจันทร์จะไม่ออกมาให้เห็นก็ตาม
ฉินหลินคิดว่ามันช่างน่าอัศจรรย์ใจซะจริง ดังนั้นเพื่อความชัวร์ไม่ใชว์โง่เขาเลยตรวจสอบข้อมูลจากทางออนไลน์ก่อนเลย แล้วก็เจอ ความรู้ใหม่ที่คิดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้ นั่นคือจริง ๆ แล้วพระจันทร์มันก็ขึ้นของมันทุกวันนั่นแหละ ตราบใดที่ตะวันไม่ดับจันทราไม่มีวันอับแสง หรือก็คือแสงจันทร์มีอยู่ทุกวันนั่นเอง
หลายครั้งที่พระจันทร์ถูกเมฆหรืออะไรพวกนั้นบดบัง ทว่ามันแค่บดบังการมองเห็นของคนบนโลกเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจบดบังแสงจันทร์ทั้งหมดได้จริง
ในอินเทอร์เน็ตถึงขนาดมีบอกเลยว่าในช่วงกลางวันยังมีแสงจันทร์ซะด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าช่วงเวลานั้นมีแสงแดดเจิดจ้าเกินไปจนตาคนไม่อาจมองเห็นหรือแยกแยะออกว่าอันไหนแสงจันทร์อันไหนแสงแดดได้เลยก็เท่านั้น
แต่แสงจันทร์นี้มีอยู่จริง
และความรู้ก็เพิ่มขึ้นจริงด้วย
หรือก็คือไม่ว่าตอนนี้เขาจะมองเห็นแสงจันทร์หรือไม่ก็ตาม แต่แสงจันทร์ก็ยังคงมีอยู่ของมันแบบนั้น ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อหินแสงจันทร์ ยิ่งกว่านั้นยังเห็นได้ชัดว่าหินแสงจันทร์ไม่จำเป็นต้องอาศัยแสงจันทร์อันเจิดจ้าอะไรก็สามารถเรืองแสงได้เป็นปกติ
ฉินหลินรีบเดินไปที่น้ำพุเทียม แสงอันนุ่มนวลที่ปลดปล่อยออกมาจากหินแสงจันทร์ได้ห่อหุ้มเขาไว้ทันที
ภายใต้แสงแบบนั้นมันทำให้รู้สึกสบายใจจริง ๆ
ทว่าฉินหลินที่ยืนอาบแสงจากหินแสงจันทร์อยู่นานแท้ ๆ กลับไม่มีการกระตุ้นความรู้แจ้งอะไรใด ๆ เลย เขาจงใจคิดถึงทักษะการทำอาหารรวมถึงสูตรต่าง ๆ อยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็ไม่หือไม่อือแม้แต่นิดเดียว
ทักษะที่เขามีควรจะเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุดใรสาขาวิชาแล้วแท้ ๆ แต่กลับกระตุ้นอะไรไม่ได้เลย เดาว่าคงมาจากการที่ทักษะเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ระบบสร้างขึ้นล่ะมั้ง
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินออกจากสวนแล้วโทรหาพี่หลี่เพื่อจะล่อให้พี่หลี่มาลองดู
แสงที่ปล่อยออกมาจากหินหินแสงจันทร์ทำให้คนอื่น ๆ ในคฤหาสน์สังเกตเห็นได้ในทันที
คนแรกคือพนักงานเสิร์ฟ คนเหล่านี้ต่างก็ประหลาดใจกับแสงที่หินแสงจันทร์ปล่อยออกมา
ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาที่มีความรู้จำกัด
หลี่หยวนชื่อ ฉู่หยวนชื่อ และหลินหยวนชื่อ ทั้งสามต่างอดเดินเข้ามาดูในสวนไม่ได้หลังจากสังเกตเห็น
ก็รู้อยู่หรอกว่าเถ้าแก่ฉินมีหินเรืองแสง แต่ไม่นึกเลยว่าหินเรืองแสงนี้มันจะเกินความคาดหมายไปไกลลิบ ระยะที่แสงส่องถึงนั้นกว้างมากทีเดียว
ถึงขนาดปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสวนเลยด้วย
ฉากเหมือนแม่คะนิ้งเต็มไปหมดแบบนี้มันช่างสวยงามเนียนตาดีจริง ๆ
ท่านผู้เฒ่าอู๋ไข่เองก็ได้เห็นฉากการแสดงของหินแสงจันทร์ ซึ่งฉากที่แสงปกคลุมจนเหมือนแม่คะนิ้งนี้ได้ทำให้เจ้าตัวถึงกับตาลุกวาว
เขาเป็นจิตรกร ดังนั้นสิ่งที่เขาเห็นจึงย่อมเป็นศิลปะที่แตกต่างจากที่คนธรรมดาเห็นอยู่แล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาได้วาดภาพขึ้นมามากมายที่คฤหาสน์ชิงหลิน และยังได้พบแรงบันดาลใจอีกมากมายด้วย
ในเวลานี้การได้เห็นฉากแสงส่องหล้าที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้เล่นเอาอยากจะวาดออกมาซะจริงเชียว
ดังนั้นเขาจึงหยิบกระดานวาดภาพตรงไปยังทิศทางของสวนอย่างไม่ลังเล เขาไปที่น้ำพุเทียมแล้วจัดวางของให้พร้อม
เมื่อเขากำลังจะเริ่มลงมือวาดภาพนั้นจู่ ๆ แรงบันดาลใจอันเหลือเชื่อจากไหนไม่รู้ก็ปะทุขึ้นมาในใจ ดูเหมือนว่าจะรู้แจ้งถึงอะไรบางอย่างในทักษะการวาดภาพของตน
ทักษะการวาดภาพและปัญหาทางศิลปะที่กวนใจอยู่ดูเหมือนจะกระจ่างชัดขึ้นมาในทันที
ช่างเป็นอะไรที่เหลือจะเชื่อแท้ ๆ
ทักษะการวาดภาพของเขาไม่มีวี่แววการพัฒนาใด ๆ มานานแล้ว แต่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าทันทีที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้เพราะความอยากจะวาดภาพตรงหน้านี่กลับกระตุ้นให้ตนเองเกิดแรงบันดาลใจจนถึงขั้นรู้แจ้งและมีวี่แววของการพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้า
เขาหยิบกระดานวาดภาพขึ้นมาแล้วมองทิวทัศโดยรอบ มือก็วาดภาพไปด้วยอาการมึนงงหลงไหล