ตอนที่ 373 เรื่องร้ายแรง จิตใจที่หนักอึ้ง (ฟรี)
ตอนที่ 373 เรื่องร้ายแรง จิตใจที่หนักอึ้ง
อสูรอมตะเป็นทรัพยากรเดินได้สำหรับซูหยาง เป็นทรัพยากรที่เข้าถึงได้ และมีค่ามากที่สุด
สำหรับผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ แม้ว่าบางคนจะคิดเหมือนกันกับซูหยาง
แต่การมุ่งเป้าไปที่อสูรอมตะนั้นอันตรายเกินไป บ่อยครั้งจะต้องจ่ายราคาด้วยชีวิต หากไม่ระวัง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้ฝึกฝนจะไม่มุ่งเป้าไปที่อสูรอมตะ
เว้นแต่จะมั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
แต่สถานการณ์ของซูหยางแตกต่างออกไป นี่เป็นเพียงร่างโคลน จึงไม่ต้องกลัวตาย
เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ควรปวดหัวคือ อสูรอมตะ
ซูหยางมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ
สภาพแวดล้อมที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แสงสีเงินปกคลุมทั่วทั้งโลก และโลกทั้งใบก็ดูเหมือนหลุม
สภาพแวดล้อมของสมรภูมิไม่ได้ถูกสร้างโดยใครบางตน
มันขึ้นอยู่กับกฎ และพลังงานที่มีชัยเหนือกว่าเมื่อมันถูกสร้างขึ้น
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ
หลังจากเข้ามาที่นี่ ซูหยางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขาถูกระงับอีกครั้ง
มิติที่นี่แข็งแกร่ง และทรงพลังยิ่งกว่า
แม้แต่จ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงก็ยากที่สร้างการโจมตีแบบทำลายล้างได้
โชคดีที่การปราบปรามนี้มีผลกับทุกคน
ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีใครได้รับสิทธิพิเศษ
แทนที่จะบอกว่าเป็นการปราบปราม เป็นการดีกว่าที่จะบอกว่ามิติที่นี่มีความแข็งแกร่งสูงมาก
มีแข็งแกร่งมากจนไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้
นี่คือ สถานการณ์ที่ซูหยางกำลังประสบอยู่
หลังมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ซูหยางก็ใช้ตาข่ายสวรรค์ มันยังครอบคลุมได้มากถึงหลายสิบล้านลี้อยู่ แต่ก็ลดลงไม่น้อย
นี่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้นแล้ว ไม่งั้นระยะก็อาจลดลงอีก
หากเขาอยู่ในสมรภูมิเอกะเนตร ระยะครอบคลุมของตาข่ายสวรรค์ก็คงมากกว่านี้หลายเท่า
แต่ยิ่งสมรภูมิระดับสูงเท่าไร การปราบปรามก็จะยิ่งหนักหนาขึ้น
ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทรัพยากรที่เป็นรางวัลก็มีค่ามากขึ้นเช่นกัน
ชั่วขณะหนึ่ง ซูหยางตัดสินใจได้แล้วว่าจะมุ่งหน้าไปที่ใด
สมรภูมิลั่วเยว่มีพื้นที่หลัก 70 แห่ง
เขาจะไปสังหารอสูรอมตะในพื้นที่หลักระดับสองก่อน
ส่วนพื้นที่หลักระดับสาม ไว้ค่อยตัดสินใจในภายหลัง
อสูรอมตะที่มารวมตัวกันในพื้นที่หลักระดับสองย่อมจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ผู้ที่รวมตัวกันในพื้นที่หลักระดับนั้น มักจะเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง
หลังผ่านมาสองเดือน เขาควบแน่นรากฎได้มากถึง 40,000 เส้นแล้ว
แม้ว่าร่างโคลนจะมีความแข็งแกร่งเพียงครึ่งเดียวของร่างหลัก แต่นั้นก็หมายถึงรากกฎ 20,000 เส้น
ความแข็งแกร่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางส่วนใหญ่
เว้นแต่อีกฝ่ายจะไม่ใช่ผู้ฝึกฝนกฎข้อเดียว ผลการต่อสู้จึงยากที่จะตัดสิน
สิ่งเหล่านี้จะได้รู้หลังได้ลองสู้กันดูแล้วเท่านั้น
ตอนนี้ ซูหยางเริ่มออกเดินทางไปตามแผนการที่วางเอาไว้ ร่างของเขาเริ่มสั่นไหว ขณะตัดมิติเพื่อย่นระยะทาง
แม้ว่าสมรภูมินี้จะปราบปรามความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก แต่ยังไม่มากพอที่จะป้องกันไม่ให้เขาใช้พลังแห่งกฎมิติ
หลังตัดมิติอย่างต่อเนื่อง เขาก็มาถึงพื้นที่หลักแห่งแรก
จำนวนผู้ฝึกฝนที่มารวมตัวกันอยุ่ที่นี่บวกกับอสูรอมตะมีประมาณ 30 คน
จำนวนครึ่งต่อครึ่ง มีอสูรอมตะประมาณ 15 ตน
นี่คือ จำนวนปกติที่ผู้ฝึกฝน และอสูรอมตะจะมารวมตัวกันในพื้นที่หลักระดับสองแห่งหนึ่ง
การมาถึงของซูหยางดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ที่นี่
เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปร
การแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรนั้นอันตราย พวกเขาไม่กล้าประมาท
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้หารืออะไรกัน ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงเขตแดนที่ทรงพลังแผ่ออกมาเป็นวงกว้าง
ครอบคลุมจุดที่อสูรอมตะยืนอยู่ในทันที
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ครอบคลุมอสูรอมตะทุกตนที่อยู่ที่นี่โดยตรง
ชายคนนี้กำลังจะทำอะไร?
ผู้ฝึกฝนที่มารวมตัวกันที่นี่ตกตะลึง และรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
ปัจจุบัน พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ซูหยางก็เริ่มลงมือแล้ว
ในสายตาของพวกเขา ซูหยางเริ่มเคลื่อนไหว และพุ่งตรงเข้าสู่เขตแดนแห่งกฎที่เขาสร้างขึ้น
ต่อมา ดาบยาวที่มีควบแน่นจากพลังแห่งกฎต่างๆ ปรากฎขึ้นในนั้น
ในพริบตาเดียว อสูรอมตะระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางทั้งหมดก็ถูกสังหาร!
นี่.!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้การแสดงออกของผู้ฝึกฝนที่เหลือเปลี่ยนไป
หากชายคนนี้สามารถฆ่าอสูรอมตะได้อย่างง่ายดาย ก็ย่อมสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงวิกฤตแห่งความตาย
ทั่วร่างตึงเครียดจนสุดขีดเพราะกลัวว่าซูหยางก็จะลงมือต่อ
โชคดีที่ความกังวลของพวกเขาไม่เป็นจริง
หลังจากที่ซูหยางสังหารอสูรอมตะไปจนหมดแล้ว และเมื่อรวบรวมสินสงครามจนครบ เขาก็เดินทางจากไป
เมื่อผู้มาเยือนจากไป ในที่สุดพวกเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าคนที่มานั้นเป็นผู้ฝึกฝนเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังคงกังวลเป็นอย่างมาก
พวกเขายังคงหวาดกลัวต่อผู้แข็งแกร่งที่ไม่คุ้นเคย และไม่รู้จัก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในฝ่ายเดียวกันก็ตาม
เมื่อซูหยางจากไป ความคิดของพวกเขาก็กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
เริ่มค้นหาข้อมูล
ในไม่ช้า ข้อมูลของซูหยางก็ถูกเปิดเผย
“เขาเป็นสมาชิกใหม่ของวิหารโกลาหล ชื่อของเขาคือ ซูหยาง ฐานการบ่มเพาะของเขาคือ จ้าวแห่งเต๋าขั้นต้น”
“ข้อมูลนี้มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?”
“เขาจะเป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นได้ยังไง เราทุกคนก็ได้เห็นกับตาว่าเขาสามารถฆ่าอสูรอมตะเหล่านั้นที่เป็นจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางได้เหมือนกับฆ่าไก่”
เมื่อข้อมูลของซูหยางถูกเปิดเผย แม้ข้อเท็จจริงจะถูกวางตรงหน้า พวกเขาก็ยากจะเชื่อ
ข้อเท็จจริงนี้ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นเลย
"นี่เป็นเรื่องจริง นี่คือ ข้อมูลของเขาในสมรภูมิเอกะเนตร เมื่อสองเดือนก่อน พวกเจ้าสามารถตรวจสอบดูได้"
เมื่อมีคนเอาข้อมูลมาเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
ความวุ่นวายก็หายไป และเกิดความเงียบงันอยู่ช่วงหนึ่ง
ในที่สุด ก็มีคนพูดขึ้นว่า "แต่เขามาทำอะไรที่นี่? มาฆ่าอสูรอมตะ? เขาไม่กลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของพวกมันหรอกเหรอ"
“เขาไม่จำเป็นต้องกลัว จากข้อมูลที่ข้ามี นั้นคงเป็นเพียงร่างโคลนเท่านั้น”
“ร่างโคลนของเขาโดดเด่นมาก มันสามารถฟื้นคืนชีพได้เรื่อยๆ แม้จะถูกทำลาย และดูเหมือนจะไม่ต้องจ่ายสิ่งใดเลย”
“หรือ…มีราคาที่ต้องจ่าย แค่เรายังไม่รู้”
“ช่างเถอะ จะคิดมากไปทำไม เมื่ออสูรอมตะถูกสังหารไปจนหมด มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเรา”
“ใช่ ทรัพยากรในพื้นที่หลักแห่งนี้จะถูกแบ่งปันในหมู่พวกเรา”
หลังจากหมดธุระในพื้นที่หลักแห่งนั้นแล้ว ซูหยางก็จากไปโดยตรง
อสูรอมตะระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง 15 ตนได้มอบผลึกอมตะระดับกลาง 21 ก้อนแก่เขา
มันช่วยปรับปรุงรากฐานของเขาได้เป็นอย่างดี
สิ่งนี้ทำให้ซูหยางรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้นอีกเล็กน้อย
เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้ การปล้นนั้นทำให้พัฒนาได้เร็วที่สุดจริงๆ
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะสามารถทำเงินได้มากมายจากการกลั่นโอสถ แต่ก็เทียบได้กับผลึกอมตะระดับกลาง 50 ก้อนต่อปี
ในสมรภูมิ แค่ไม่กี่วัน เขาคงสามารถรวบรวมทรัพยากรได้ถึงจำนวนนั้น และยังทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
ความคิดของซูหยางโลดแล่น และในที่สุดก็กลายเป็นแรงจูงใจ ทำให้เขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
…
โลกชั้นใน ฐานที่มั่นของอสูรอมตะ
เมื่ออสูรอมตะระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางถึง 15 ตนตกตายในเวลาเดียวกัน มันดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย
ผู้พิทักษ์ขมวดคิ้ว และมองไปที่ตะเกียงวิญญาณทั้งสิบห้าดวงที่ดับลง
ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาเกิดขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดจึงมีสมาชิกเผ่าเสียชีวิตลงเป็นจำนวนมาก และพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย”
"ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
ผู้พิทักษ์ขมวดคิ้ว และตัดสินใจ
เขาจะต้องสอบสวนว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
อย่างน้อยก็ต้องรู้สาเหตุ
ตายไปแล้วก็ตายไป แต่เขาก็ต้องรู้ว่าตายไปเพราะอะไร
ถ้าไม่รู้สาเหตุการตาย นั่นก็ไม่ใช่เรื่องดี
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีการออกคำสั่งหลายอย่างออกไป
อสูรอมตะบางตนที่อยู่ในสมรภูมิลั่วเยว่ได้ออกไปสืบข่าวหลังจากได้รับคำสั่ง
แต่ในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะได้ข่าวอะไรกลับมา
สิ่งที่ทำให้ผู้พิทักษ์เบิกตากว้างก็เกิดขึ้น
ในพื้นที่หลักระดับสองอีกแห่ง อสูรอมตะทั้งหมดถูกสังหาร!
มีสมาชิกเผ่าถึง 16 ตนเสียชีวิตพร้อมๆ กัน
ไม่มีข้อมูลใดๆ ที่เป็นประโยชน์ถูกส่งกลับมา
มีเพียงตะเกียงวิญญาณที่ดับลงเท่านั้นที่ทำให้เกิดเสียงระเบิด ซึ่งแสดงถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง