ตอนที่แล้วตอนที่ 19 พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 ไม้ตายพิชิตไม้แข็ง

ตอนที่ 20 การประลองเริ่มต้น


ตอนที่ 20 การประลองเริ่มต้น

วิหารขนนกเบื้องหน้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คนนับพัน ลานกว้างตรงกลางเปิดพื้นที่สำหรับเวทีประลองขนาดใหญ่สูงกว่าสองจั้ง นี่คือสถานที่ตัดสินแพ้ชนะในการประลองความเป็นความตายครั้งนี้

ใต้เวทีฝูงชนต่างส่งเสียงเซ็งแซ่ ถกเถียงกันไม่หยุด แม้คู่ประลองทั้งสองยังไม่ปรากฏตัว แต่ทุกคนต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ต่างคาดเดาว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิต ใครจะต้องจบชีวิตลง

ในหมู่ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าหม่าฮวาหยวนจะเป็นฝ่ายชนะ เนื่องจากขอบเขตยุทธ์ของเขาสูงกว่าหลินมู่ แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ยังเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนว่าหลินมู่ต้องชนะ โดยยกตัวอย่างครั้งก่อนที่หม่าฮวาหยวนเคยพ่ายแพ้ต่อหลินมู่จนล้มลงไปกองกับพื้น

คู่ประลองยังไม่มา แต่เบื้องล่างกลับเต็มไปด้วยเสียงทะเลาะวิวาท จนบางคนถึงขั้นหน้าแดงก่ำ เกือบจะลงไม้ลงมือกันอยู่แล้ว โชคดีที่ศิษย์จากโถงคุมกฎที่กำลังลาดตระเวนอยู่บนดาบเหาะเข้ามาห้ามปรามไว้ได้ทัน แต่พอศิษย์จากโถงคุมกฎจากไป ทั้งสองก็ยังคงจ้องหน้ากันไม่วางตา

กู่เฉินมาถึงก่อนใครเพื่อน เขาสามารถจับจองพื้นที่ด้านหน้าได้ ทำให้มองเห็นทุกสิ่งบนเวทีได้อย่างชัดเจน เขาอยากรู้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุคนนี้จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้หรือไม่

ในที่สุด หม่าฮวาหยวน ผู้เป็นชนวนเหตุแห่งการประลองครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางสายตาเหยียดหยามของผู้คนนับพัน เขาค่อย ๆ ก้าวขึ้นสู่เวที

หม่าฮวาหยวนไม่สนใจสายตาเหล่านั้น เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาชนะการประลองครั้งนี้ ความดูแคลนทั้งหมดจะมลายหายไป

เขามีเหตุผลที่จะมั่นใจ ในช่วงสามเดือนที่ถูกกักบริเวณ เขาใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการรักษาตัวที่ภูเขาหลังวิหาร พร้อมกับฝึกฝนอย่างหนัก จนขอบเขตยุทธ์ที่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลากว่าหนึ่งปี เขาสามารถทะลวงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดได้สำเร็จ แม้แต่กระบวนท่า กระสุนเพลิงสามวิถีที่เคยเป็นไม้ตายก็พัฒนาเป็นสี่วิถีได้แล้ว แถมพลังทำลายของลูกไฟแต่ละลูกก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิมด้วย

ทันทีที่หม่าฮวาหยวนปรากฏตัวบนเวที เสียงพูดคุยเบื้องล่างก็ยิ่งดังขึ้นราวกับจะระเบิด

“เจ้าหม่าฮวาหยวนนี่มันร้ายกาจจริงๆ ฝึกฝนจนถึงขั้นที่แปดแล้ว” นักฝึกตนคนหนึ่งที่อยู่ในขั้นที่เก้าเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมองเห็นขอบเขตยุทธ์ของหม่าฮวาหยวน

"ใช่แล้ว คราวนี้เขาชนะแน่ ๆ เจ้าหลินมู่นั่นมีรากวิญญาณห้าธาตุ แค่สามเดือนขอบเขตยุทธ์ไม่มีทางพัฒนาขึ้นได้ คราวนี้ตายแน่ ๆ”

คำพูดนี้ทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

“หม่าฮวาหยวนมันร้ายกาจเกินไปแล้ว”

“เขาคือตัวเสื่อมเสียของสำนักเรา!”

เสียงด่าทอดังระงมไปทั่ว

แต่ก็มีบางคนที่เห็นใจหลินมู่ถอนหายใจออกมา “ไปหาเรื่องใครไม่หา ดันไปหาเรื่องกับไอ้สารเลวนี่”

เพื่อนของเขาพูดปลอบ “เจ้าถอนหายใจไปทำไม ก็แค่เรื่องสนุก ๆ ใครจะตายจะรอด มันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา?”

แต่ก็มีบางคนที่เงียบเฉย มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา

หม่าฮวาหยวนยืนอยู่บนเวที มองลงไปยังฝูงชนเบื้องล่างด้วยความภาคภูมิใจ ตลอดสิบกว่าปีที่อยู่ในสำนัก เขาไม่เคยเป็นที่สนใจ แต่วันนี้เขากลายเป็นจุดเด่น

ผ่านไปหนึ่งเค่อ[1] หลินมู่ คู่ประลองอีกฝ่ายก็ยังคงไม่ปรากฏตัว

หม่าฮวาหยวนที่รออยู่บนเวทีจนทนไม่ไหวตะโกนด่า “เจ้าหลินมู่ ไม่กล้ามาแล้วหรือไร? ขี้ขลาดจริง ๆ!”

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มไม่พอใจ พวกเรารออยู่ที่นี่ตั้งสองชั่วยาม[2]แล้ว เจ้าจะมาหรือไม่มาก็ไม่เห็นจะสนใจพวกเราเลย พวกเราจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่

จริงๆ แล้ว หลินมู่สามารถเลือกที่จะไม่มาได้ แต่เขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก การประลอง ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หากจะกลับลำกลางคัน ต้องถูกกักบริเวณตลอดชีวิต ไม่มีอิสระอีกต่อไป

เมื่อขึ้นไปบนเวทีแล้ว ก็ต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง!

มีคนตะโกนด่าตาม “ไอ้หมอนี่มันไม่รักษาสัจจะ ถ้าไม่กล้ามาก็ไม่น่าทำเก่ง เซ็นสัญญาชีวิตเอาไว้ตั้งแต่แรก น่า...”

คำว่า “น่าเบื่อ” ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก ก็มีคนข้าง ๆ ดึงเขาไว้ “เงียบปากก่อนเถอะ หลินมู่มาแล้ว”

“ไหนๆ อยู่ไหน” ชายคนนั้นถามอย่างร้อนรน

คนที่ดึงเขาไว้ชี้ไปที่หลินมู่ซึ่งกำลังเดินขึ้นเวที “นั่นไงเล่า!”

ผู้คนหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ หลินมู่มีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงความเศร้าหรือดีใจ เดินผ่านฝูงชนขึ้นไปบนเวทีทีละก้าว

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างกัน บางคนกังวล บางคนตื่นเต้น บางคนสะใจ และบางคนก็สงบนิ่ง ไม่อาจคาดเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ทันทีที่หลินมู่ก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นเป็นระลอก

การก้าวขึ้นสู่เวทีหมายความว่าต้องมีคนตายอย่างแน่นอน หรืออาจจะทั้งสองคนเลยก็ได้

เสียงเชียร์ด้านล่างเป็นเพราะการประลองที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กำลังจะเริ่มขึ้น นี่จะเป็นสีสันที่ดีในชีวิตการฝึกฝนอันน่าเบื่อของพวกเขา

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มาดูเพื่อความสนุก

อย่างน้อย จางลั่วสวีก็ไม่ใช่

เมื่อจางลั่วสวีได้ยินข่าวว่าหลินมู่จะประลอง กับหม่าฮวาหยวน เขารู้สึกว่าหลินมู่บุ่มบ่ามเกินไป การประลองครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระทบหิน ไม่มีทางชนะ เขาประทับใจหลินมู่ ผู้ที่ทำงานอย่างตั้งใจ ถ่อมตน และสุภาพ การที่คนแบบนี้ต้องมาตายอย่างไร้ค่า มันน่าเสียดายจริง ๆ

แต่เมื่อเขาเห็นหลินมู่ยืนอยู่บนเวที เขาก็ตกใจสุดขีด!

ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด!

ขอบเขตยุทธ์ของหลินมู่พัฒนาไปถึงขั้นที่เจ็ดแล้ว!

ในฐานะผู้มีรากวิญญาณสี่ธาตุ เขาเข้าใจดีว่าการยกระดับขอบเขตยุทธ์นั้นยากลำบากเพียงใด สำหรับผู้มีรากวิญญาณห้าธาตุอย่างหลินมู่ การฝึกฝนจะยิ่งช้ากว่า เขาเบิกตากว้าง มองย้ำถึงสามครั้ง และพบว่าหลินมู่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เจ็ดแล้วจริงๆ

เขาทำได้อย่างไร? ตอนนี้ในใจของจางลั่วสวีมีเพียงคำถามนี้

หลินมู่ยืนอยู่บนเวทีอย่างใจเย็น เสียงเชียร์และเสียงพูดคุยเบื้องล่างราวกับถูกลืมเลือนไปทั้งหมด

แม้กระทั่งเมื่อได้ยินว่าหม่าฮวาหยวนได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่แปดแล้ว เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะในเวลานี้ ความตื่นตระหนกไม่ช่วยอะไร ตอนนี้เขาทำได้เพียงต่อสู้จนสุดชีวิต!

เขาไม่สนใจสายตาอาฆาตและความสะใจของหม่าฮวาหยวน หลินมู่สงบนิ่งและค่อยๆ ปรับพลังวิญญาณภายในร่างกาย

ร่างหนึ่งลอยขึ้นมาจากด้านล่างอย่างช้า ๆ แล้วยืนอยู่บนเวทีระหว่างหลินมู่และหม่าฮวาหยวน

บุคคลผู้นี้คือศิษย์เอกแห่งโถงคุมกฎ หลัวเฉิน

หลัวเฉินถือสัญญาชีวิตที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วอ่านออกเสียงให้ทุกคนได้ยิน “ศิษย์นอกสำนักดาบพันปักษา หม่าฮวาหยวน และหลินมู่ มีความแค้นที่ฝังลึกเกินกว่าจะไกล่เกลี่ยได้ จึงตัดสินใจเข้าสู่การประลองชี้เป็นชี้ตาย ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร ขอเพียงตัดสินแพ้ชนะ”

หลังจากอ่านจบ หลัวเฉินก็เก็บสัญญาชีวิต แล้วประกาศเสียงดัง “ข้าขอประกาศ การประลองชี้เป็นชี้ตาย เริ่มต้นขึ้นแล้ว”

หลัวเฉินเหาะไปยังขอบเวที แล้วปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา ทำให้ม่านพลังป้องกันบนเวทีทำงาน เกราะแสงขนาดใหญ่โปร่งใสครอบคลุมทั่วทั้งเวที กักขังคนทั้งสองไว้ภายใน เว้นแต่การประลองจะจบลงและมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ทั้งสองจะไม่สามารถออกจากม่านพลังนี้ได้

เบื้องล่างเวทีเงียบสงัด ทุกคนกลั้นหายใจ จ้องมองการเคลื่อนไหวของคนทั้งสองบนเวทีอย่างตั้งใจ เกรงว่าจะพลาดช่วงเวลาสำคัญ

หม่าฮวาหยวนมองออกว่าหลินมู่อยู่ในขอบเขตยุทธ์ขั้นใด แต่เขาไม่ใส่ใจ ขอบเขตยุทธ์ขั้นที่แปดของเขานั้นเหนือกว่าขั้นที่เจ็ดของหลินมู่อย่างเห็นได้ชัด เขาเชื่อมั่นว่ากระสุนเพลิงสี่วิถีของเขาจะทำให้หลินมู่ไม่อาจต้านทานได้

หม่าฮวาหยวนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขากล่าวผ่านไรฟัน “ครั้งก่อนเจ้าลอบกัด ข้าบาดเจ็บสาหัส วันนี้ข้าจะเอาคืนให้สาสม!”

หลินมู่ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ตอบกลับอย่างใจเย็น “ข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเจ้า แต่เจ้ากลับคุกคามข้าไม่หยุด ข้าก็ต้องตอบโต้เป็นธรรมดา”

หม่าฮวาหยวนหัวเราะเยาะ “ตอนนี้เจ้าเย่อหยิ่งไปก่อน เดี๋ยวจะให้เจ้ากระอักเลือดตายคาที่”

หลินมู่มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูดอะไรอีก

ทั้งสองร่ายคาถาพร้อมกัน คนหนึ่งร่ายกระสุนเพลิง อีกคนร่ายเคล็ดอัคคีสีชาด ในพริบตา ลูกไฟสองลูกก็พุ่งเข้าใส่กันและกันด้วยความเร็วสูง

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเห็นได้ชัดว่าลูกไฟของหลินมู่เล็กกว่าลูกไฟของหม่าฮวาหยวน

ลูกไฟทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ แล้วสลายไปพร้อมกัน

นี่เป็นเพียงการโจมตีเพื่อหยั่งเชิงของทั้งสองฝ่าย และดูเหมือนว่าหลินมู่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

กู่เฉินที่อยู่ด้านล่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงหลินมู่ นี่คือนักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะ เขาอาจจะยังหวังพึ่งพาหลินมู่ให้ช่วยเขาทำเงินในอนาคต เขาไม่อยากให้หลินมู่ต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้

หลินมู่เองก็รู้ดีว่าสถานการณ์ของเขาไม่สู้ดีนัก

หลินมู่ร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว ก้อนเมฆขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นต่อหน้าเขาและลอยอยู่เบื้องหน้า มือของหลินมู่ร่ายคาถาไม่หยุด เคล็ดหยกวารีลูกแล้วลูกเล่าถูกปลดปล่อยออกมา บริเวณรอบตัวเขาพลันกลายเป็นหมอกขาวหนาทึบปกคลุม

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ผู้คนด้านล่างต่างพากันชื่นชม

“ใช้จุดแข็งของตนเอง โจมตีจุดอ่อนของศัตรู ศิษย์พี่หลินมู่ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ” ฉีเฟิงเหยียบอยู่บนกระบี่บินลอยอยู่รอบนอกเวทีพยักหน้ากล่าวชม

เคล็ดวิชาสายน้ำโดยธรรมชาติสามารถทำลายเคล็ดวิชาสายไฟได้ ทำให้หม่าฮวาหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ท่ามกลางหมอกหนา หม่าฮวาหยวนพบว่าเขาไม่สามารถล็อกเป้าหมายไปที่หลินมู่ได้ แม้ว่าเขาจะร่ายกระสุนเพลิงออกมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหาตัวหลินมู่เจอ

ในตอนนั้น หลินมู่เคลื่อนที่ไปมาอย่างต่อเนื่องในม่านหมอก มือของเขายังคงร่ายเคล็ดหยกวารีไม่หยุด แต่เคล็ดหยกวารีเหล่านี้ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดของเขา เพียงแต่เน้นที่ปริมาณที่มาก หลังจากผ่านการเล่นแร่แปรธาตุมาครึ่งเดือน พลังวิญญาณของหลินมู่ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ใช้เคล็ดหยกวารี พลังวิญญาณในร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่นานนัก เวทีทั้งเวทีก็เต็มไปด้วยหมอกขาวโพลน

ผู้คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้ และเนื่องจากม่านพลังป้องกัน พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกกระวนกระวาย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในนั้น

ทั้งสองบนเวทีไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

ทันทีที่หมอกขาวปกคลุมทั่วทั้งเวที หม่าฮวาหยวนก็ร่ายกระสุนเพลิง แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น ลูกไฟพุ่งออกมาจากม่านหมอกอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากร่ายเคล็ดหยกวารีเสร็จ หลินมู่ก็รีบเคลื่อนที่เข้าใกล้หม่าฮวาหยวน เตรียมใช้เคล็ดธาตุทองโจมตีแบบสายฟ้าแลบ หวังจะสังหารหม่าฮวาหยวนในคราเดียว

หม่าฮวาหยวนจะไม่ยอมทำผิดพลาดซ้ำสอง

เขาดีดนิ้วรัวเร็ว กระสุนเพลิงสี่วิถีถูกปลดปล่อยออกมาไม่ยั้ง ลูกไฟพุ่งออกมาจากม่านหมอกอย่างต่อเนื่อง

หมอกขาวค่อยๆ จางหายไปภายใต้ความร้อนของเปลวเพลิง

สถานการณ์บนเวทีค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเบิกตากว้าง ต่างลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

เมื่อหมอกจางหายไป ทุกคนเห็นหม่าฮวาหยวนใช้มือซ้ายกุมแขนขวา เลือดไหลออกมาไม่หยุด บาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด

หลินมู่เองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เสื้อผ้าขาดวิ่นดูน่าเวทนา แต่โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ถือว่าได้เปรียบเล็กน้อย

เมื่อหมอกจางหายไป หม่าฮวาหยวนพูดเยาะเย้ย “เลิกดิ้นรนเสีย หมอกของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก ข้าใช้กระสุนเพลิงสี่วิถี สามครั้งติดกันก็สามารถเผามันจนแห้งได้แล้ว”

หลินมู่เพียงยกยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ตอบโต้

หม่าฮวาหยวนได้ตกหลุมพรางของเขาแล้ว แม้ว่าหม่าฮวาหยวนจะใช้กระสุนเพลิงเผาหมอกจนแห้งได้ แต่พลังวิญญาณที่ใช้ไปอย่างน้อยก็เป็นสองเท่าของหลินมู่

สร้างสรรค์นั้นง่าย ทำลายนั้นยาก!

หลินมู่รู้ดีว่าจุดอ่อนของเขาคือพลังวิญญาณที่ไม่เพียงพอ เขาจึงวางแผนล่อให้หม่าฮวาหยวนติดกับ

หม่าฮวาหยวนไม่รู้ถึงแผนการนี้ เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยหอบ แต่ก็ยังหัวเราะเยาะเย้ย "เจ้ายังมีกลเม็ดอะไรอีก รีบใช้มันออกมาซะ ไม่งั้นจะไม่มีโอกาสแล้ว"

หลินมู่ไม่ตอบโต้ แต่ยังคงร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง ปล่อยเคล็ดหยกวารีออกมาอีกครั้ง สร้างม่านหมอกขึ้นมาอีกหน

เขาต้องการยื้อเวลา!

เมื่อพลังวิญญาณของหม่าฮวาหยวนหมดลง เขาจึงจะมีโอกาส ตอนนี้ถ้าสู้แบบตรงไปตรงมา มีแต่เขาที่จะเสียเปรียบ

หม่าฮวาหยวนก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อเห็นหลินมู่ร่ายเคล็ดหยกวารีอีกครั้ง เขาก็เดาแผนการของหลินมู่ออก และเขาไม่บุ่มบ่ามอีกต่อไป เพราะกระสุนเพลิงสี่วิถีก็ใช้พลังวิญญาณของเขาไม่น้อย เขาเริ่มร่ายลูกไฟทีละลูก ลูกไฟพุ่งเข้าใส่หลินมู่ แต่ก็ถูกเคล็ดหยกวารีป้องกันไว้ได้ทั้งหมด

จากที่หม่าฮวาหยวนเป็นฝ่ายใช้พลังวิญญาณอยู่ฝ่ายเดียว กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างใช้พลังวิญญาณในการต่อสู้ ทำให้หลินมู่เสียเปรียบ เพราะพลังวิญญาณของเขานั้นเทียบไม่ได้กับหม่าฮวาหยวน

ในขณะที่ยังคงร่ายเคล็ดหยกวารีอย่างต่อเนื่อง หลินมู่ก็คิดหาหนทางรับมืออย่างรวดเร็ว

ก่อนที่หลินมู่จะคิดหาแผนการรับมือได้ หม่าฮวาหยวนก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง ตอนนี้ หม่าฮวาหยวนเป็นฝ่ายรุก หลินมู่เป็นฝ่ายรับ หม่าฮวาหยวนได้เปรียบไปหนึ่งก้าว

ในสายตาของหม่าฮวาหยวน หลินมู่คงหมดหนทางแล้ว เขาจึงตัดสินใจใช้ท่าไม้ตาย หวังจะสังหารหลินมู่ในคราวเดียว

เมื่อหม่าฮวาหยวนร่ายกระสุนเพลิงใส่หลินมู่ หลินมู่รีบใช้เคล็ดหยกวารีรับไว้

ทันทีที่เคล็ดหยกวารีสกัดลูกไฟลูกนั้นได้ ลูกไฟอีกสี่ลูกก็ปรากฏขึ้น พุ่งเข้าใส่หลินมู่ด้วยความเร็วสูง หลินมู่ใจหายวาบ!

เสียงร้องตกใจดังขึ้นจากด้านล่าง ทุกคนรู้ว่าหลินมู่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

บางคนถึงกับหลับตาลงด้วยความสงสาร แต่ก็ยังลอบเปิดอีกครั้งเพื่อดูผลลัพธ์

กระสุนเพลิงสี่วิถี!

กระสุนเพลิงสี่วิถี!

ไร้ที่ติ ทั้งจังหวะ จำนวน และความแข็งแกร่ง

ทันทีที่หลินมู่สกัดลูกไฟลูกแรกได้ กระสุนเพลิงสี่วิถีก็ตามมาติดๆ จู่โจมหลินมู่อย่างไม่ทันตั้งตัว

หลินมู่มองลูกไฟทั้งสี่ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าไม่อาจหลบได้ แต่ก็ไม่ยอมแพ้

มือของเขายังคงร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว เร่งพลังวิญญาณในร่างกายอย่างสุดกำลัง ใช้เคล็ดอัคคีสีชาดสกัดลูกไฟหนึ่งลูก จากนั้นใช้พลังทั้งหมดที่มีร่ายเคล็ดหยกวารี ก้อนเมฆสีขาวขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปปะทะลูกไฟที่เหลืออีกสามลูก

ทันทีที่ก้อนเมฆปะทะกับลูกไฟ มันก็สลายไปอย่างรวดเร็ว สามารถต้านทานลูกไฟได้เพียงสองลูก แต่ลูกสุดท้ายไม่อาจต้านทานได้!

คาถาในมือของหลินมู่เพิ่งร่ายได้เพียงครึ่งเดียว ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจต้านทานได้

เมื่อไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีนี้เพราะบาดเจ็บสาหัส ก็จะต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของหม่าฮวาหยวนแล้ว

ลูกไฟลูกสุดท้ายพุ่งเข้าหาหน้าอกของหลินมู่ด้วยความเร็วสูง

ไม่อาจหลบได้ทัน!

เสียงกรีดร้องตื่นตระหนกดังขึ้นจากด้านล่าง ทุกคนคิดว่าหลินมู่คงถึงวาระแล้ว!

___________________

[1] เค่อ เป็นหน่วยวัดเวลาของจีน มีค่าเท่ากับ 15 นาที

[2] ชั่วยาม เป็นหน่วยวัดเวลาของจีน มีค่าเท่ากับ 2 ชั่วโมง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด