ตอนที่แล้วตอนที่ 18 สร้างยาอายุวัฒนะสำเร็จ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 การประลองเริ่มต้น

ตอนที่ 19 พัฒนาอย่างก้าวกระโดด


ตอนที่ 19 พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

หลินมู่กลับมาที่คฤหาสน์และรีบตรงไปยังห้องเงียบ

เขาปิดประตูหน้าต่าง ก่อนจะก้าวเข้าสู่มิติวังวนจันทรา

เขาจัดวางฟูกไว้ภายในกระท่อมแล้วนั่งลงบนนั้น

หลินมู่หยิบขวดยาผนึกวิญญาณออกมาเทหนึ่งเม็ดและกลืนลงท้อง จากนั้นเขาหลับตาและจดจ่อกับการขัดเกลาพลังของยา

หลินมู่ใช้จิตสำนึกเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในร่างกายของเขา

ทันทีที่ยาผนึกวิญญาณเข้าสู่ท้อง หลินมู่ก็รู้สึกถึงกระแสความร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากท้องน้อยของเขา เขารีบหมุนเวียนวิชาจิตเก้าทิศ ปล่อยให้กระแสความร้อนนั้นหมุนเวียนไปพร้อมกับพลังวิญญาณในร่างกายของเขา ในแต่ละรอบที่หมุนเวียน กระแสความร้อนจะอ่อนลงเล็กน้อยและเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณในร่างกายของเขา

หลังจากผ่านไปสองรอบ ความรู้สึกอบอุ่นนั้นก็หายไป พลังวิญญาณก็กลับมาที่ตันเถียน

หลินมู่พบว่าพลังวิญญาณในตันเถียนของเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่ใช่ออร่าบาง ๆ ที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน อร่าที่บางเบา และดูเหมือนไม่มีอยู่จริงนั้นค่อย ๆ กลายเป็นก้อนหนาขึ้น

หลังจากฝึกฝนแร่แปรธาตุเป็นเวลาครึ่งเดือน พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่องและฟื้นฟูอยู่เสมอ ผ่านการฝึกฝน พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นมาก และเขาอยู่ใกล้กับขอบเขตการกลั่นลมปราณขั้นหกขึ้นทุกที

หลินมู่หยิบยาผนึกวิญญาณอีกหนึ่งเม็ดกลืนลงท้องและเริ่มขัดเกลาต่อไป

พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ มันกลายเป็นก้อนหนาขึ้นเรื่อย ๆ

ในหนึ่งวันหลินมู่กินยาผนึกวิญญาณทั้งขวด พลังวิญญาณในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ

ในอดีต นี่คือความฟุ่มเฟือยที่เขาสามารถเพลิดเพลินได้เพียงเดือนละครั้ง

เวลานี้หลินมู่มียาเพียงพอแล้ว เขาจึงไม่สนใจเรื่องอื่น และมุ่งมั่นที่จะขัดเกลามันอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากผ่านไปห้าวัน หลินมู่ก็พบว่าพลังวิญญาณในร่างกายของเขาได้ถึงจุดสูงสุดของขอบเขตการกลั่นลมปราณขั้นห้า หากเพียงเขาสามารถทะลวงผ่าน เขาก็จะสามารถเข้าสู่ขอบเขตการกลั่นลมปราณขั้นหก!

อย่างไรก็ตาม หลินมู่ลองทะลวงผ่านสามครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

หลินมู่หยุดพยายามที่จะทะลวงผ่าน ก่อนจะกินยาผนึกวิญญาณต่อไปเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณในร่างกาย แต่เพราะขอบเขตยุทธ์ของเขามาถึงจุดสูงสุด พลังวิญญาณจึงเพิ่มขึ้นช้ามากจนขัดใจ หากเป็นในอดีตหลินมู่คงจะพยายามที่จะฝึกฝน และค้นหาวิธีทะลวงผ่านอย่างช้า ๆ

แต่ครั้งนี้หลินมู่มุ่งมั่นที่จะขัดเกลายาผนึกวิญญาณ แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้า แต่พลังวิญญาณในร่างกายของเขายิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

อีกห้าวันต่อมา พลังวิญญาณในร่างกายของหลินมู่สะสมจนถึงระดับหนึ่ง การกินยาผนึกวิญญาณแทบจะไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป คราวนี้หลินมู่พยายามฝ่าด่านสู่ขอบเขตการกลั่นลมปราณขั้นหกอีกครั้ง

และสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็คือมันราบรื่นผิดปกติ

ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้าพังทลายลงโดยที่เขาไม่ต้องพยายามแม้แต่น้อย และเขาสามารถเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหกได้ในคราวเดียว

เขามีความสุขมากเมื่อเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหก ความมั่นใจที่ต้องเผชิญหน้ากับหม่าฮวาหยวนเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนเขาจะมีโอกาสตอบโต้อีกฝ่ายได้บ้างแล้ว

หลินมู่ไม่คิดหย่อนยานและประมาทเกินไป เขาหยิบเอายาผนึกวิญญาณออกมาอีกครั้งและเริ่มขัดเกลามันต่อ ในใจหวังว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดได้โดยเร็ว

หลังจากผ่านพ้นสภาวะตีบตันมาได้ ยาผนึกวิญญาณกลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง และพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย

แต่หลังจากผ่านไปสองวัน หลินมู่จงใจหยุดใช้ยาผนึกวิญญาณ

เขาพบว่าเกิดปัญหาแล้ว

พลังวิญญาณ ของหลินมู่เริ่มอ่อนไหวและควบคุมได้ยาก พูดให้ชัดเจนคือหลินมู่ไม่สามารถควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองได้

ขอบเขตยุทธ์ที่ก้าวหน้าทำให้หลินมู่ไม่คุ้นเคยกับพลังวิญญาณของเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ของพลังวิญญาณภายในตัวเขา

บางครั้งเขาต้องการให้พลังวิญญาณทำงานช้าลง แต่กลับกลายเป็นว่าพลังวิญญาณกลับทำงานเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน

หลังจากไตร่ตรองอย่างหนัก หลินมู่ก็เข้าใจว่านี่เป็นผลมาจากความโลภ และความประมาทของเขาเอง

การจะกลับมาควบคุมพลังวิญญาณได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิม เขาต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับพลังวิญญาณภายในตัวเขา

หลินมู่หยุดการฝึกฝนและออกจากมิติวังวนจันทรามาที่ลานบ้าน ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว พระจันทร์เสี้ยวลอยเด่นบนท้องฟ้า เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ

หลินมู่นั่งริมสระปลา ตัดสินใจฝึกฝนศาสตร์ห้าธาตุ เพื่อเรียนรู้พลังวิญญาณภายในตัวเขา

หลินมู่เรียนรู้เคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุไปแล้วสามชนิด ได้แก่ เคล็ดธาตุทอง เคล็ดหยกวารี และเคล็ดอัคคีสีชาด เขาเหลือเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ อีกสองชนิดที่ยังไม่ได้เรียนรู้ ได้แก่ เคล็ดหญ้าพฤกษา และเคล็ดก่อปฐพี

หลินมู่ตัดสินใจเลือกเคล็ดก่อปฐพีเป็นเคล็ดวิชาถัดไปที่เขาจะเรียนรู้โดยไม่ต้องลังเลมากนัก

เหตุผลก็คือหม่าฮวาหยวนฝึกฝนศาสตร์ห้าธาตุในธาตุไฟ โดยใช้กระสุนเพลิงซึ่งเป็นเคล็ดวิชาธาตุไฟ เคล็ดหญ้าพฤกษาเป็นเคล็ดวิชาธาตุไม้ โดยทั่วไป เคล็ดวิชาธาตุไม้ ไม่มีพลังโจมตีมากนัก ประกอบกับไม้สนับสนุนไฟ ดังนั้นการเรียนรู้เคล็ดหญ้าพฤกษานั้นไม่ต่างกับการเอาตัวเข้าไปเผชิญไฟย่อมเข้าทางตัน

หลินมู่ ย่อมไม่โง่ขนาดนั้น เคล็ดก่อปฐพีเป็นเคล็ดวิชาธาตุดิน แม้จะไม่มีพลังโจมตีมากนัก แต่จุดเด่นคือการป้องกันที่ดี

หลินมู่ตัดสินใจเลือกเคล็ดก่อปฐพีเพื่อเสริมพลังป้องกัน และรับมือกับกระสุนเพลิงของหม่าฮวาหยวน

เขาตั้งใจฝึกฝนเคล็ดก่อปฐพีเพื่อเรียนรู้และควบคุมพลังวิญญาณภายในตัวให้คล่องแคล่ว

หลินมู่อ่านเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุอย่างละเอียดและเริ่มฝึกฝนเคล็ดก่อปฐพี

เคล็ดก่อปฐพีขั้นที่ 1 ฝึกฝนไม่ยาก หลินมู่ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถเรียนรู้ได้ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของเขาในศาสตร์ห้าธาตุที่น่าทึ่ง

ก่อนหน้านี้หลินมู่ฝึกฝนเคล็ดวิชาโดยไม่ต้องใช้พลังทั้งหมด ตัวอย่างเช่น เคล็ดหยกวารีขั้นปลาย เขาสามารถร่ายเวทได้เจ็ดถึงแปดครั้ง แต่หากดึงเอาพลังทั้งหมดออกมา เขาจะร่ายเวทได้เพียง 2 ครั้ง ตอนนี้ขอบเขตยุทธ์ของเขาพัฒนาถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหก เขาสามารถร่ายเวทได้ถึง 3 ครั้งแล้วยังเหลือพลังอีกเล็กน้อย

แต่สำหรับเคล็ดก่อปฐพีขั้นต้น หลินมู่สามารถร่ายทั้งคืน เนื่องจากพลังวิญญาณที่ใช้ถือว่าน้อยนิด และพลังวิญญาณภายในตัวเขาสามารถฟื้นฟูได้เอง

นี่คือความแตกต่างของขอบเขตยุทธ์ที่มากขึ้น

หลินมู่ฝึกฝนเคล็ดก่อปฐพีในสวนตอนกลางคืน และฝึกฝนในมิติวังวนจันทราตอนกลางวัน

เขาหยุดการใช้ยาผนึกวิญญาณแล้วกลับมาฝึกฝนตามปกติ แม้ว่าขอบเขตยุทธ์ ของเขาจะพัฒนาช้าลงเมื่อเทียบกับตอนใช้ยาผนึกวิญญาณแต่พลังวิญญาณที่เขามีอยู่ตอนนี้ เขาสามารถควบคุมได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว

หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เคล็ดก่อปฐพีของหลินมู่พัฒนาถึงขั้นกลาง ตอนนี้เขาสามารถควบคุมพลังวิญญาณภายในตัวเขาได้อย่างเชี่ยวชาญ

หลินมู่ตัดสินใจที่จะลองทะลวงผ่านอีกครั้ง

เขาหยุดฝึกฝนเคล็ดก่อปฐพี แล้วเข้าสู่มิติวังวนจันทรา จากนั้นหยิบยาผนึกวิญญาณออกมาดูดซับเต็มกำลัง

ในทุก ๆ สิบวันหลินมู่จะต้องใช้เม็ดยาพลังชีวิตเพื่อทดแทนความอยากอาหาร และทำให้ร่างกายยังมีเรี่ยวแรงอยู่เสมอ

หลินมู่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน เขากินยาผนึกวิญญาณทั้งกลางวันและกลางคืน เช่นนี้ทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมากโข ทั้งขอบเขตยุทธ์ยังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดด้วย

ผ่านไปหนึ่งเดือน หลินมู่ออกจากมิติวังวนจันทรา

หลังจากปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง บุคลิกและออร่าในกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

เดิมทีเขาดูอ่อนแอ และง่ายต่อการถูกรังแก แต่ตอนนี้ออร่าในกายของเขาแข็งแกร่งราวคมดาบเปล่งประกาย ไม่ว่าใครพบเจอก็ไม่อยากเข้าใกล้ อีกทั้งหลินมู่ยังสามารถเก็บพลังในกายของตัวเองไว้ได้ เมื่อซุกซ่อนไว้เขาก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาคนหนึ่ง

ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ขอบเขตยุทธ์ของหลินมู่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นในการพัฒนาขอบเขตยุทธ์ให้ก้าวหน้าอีกหนึ่งขั้น

ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด!

เพียงครึ่งปี หลินมู่สามารถพัฒนาจากขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่ เข้าสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด เหตุการณ์นี้ยังไม่มีผู้ใดในสำนักดาบพันปักษาทำได้

ต่อให้เป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมก็ต้องใช้เวลากว่าหนึ่งปีเต็มในการพัฒนารุดหน้าเช่นนี้

แต่ด้วยพลังของจี้วังวนจันทรา หลินมู่มั่นใจว่าเขาสามารถติดตามคนเหล่านั้นได้ทันแน่นอน

บรรดาศิษย์นอกที่เข้าสำนักมาพร้อมกับหลินมู่ล้วนแต่อ่อนด้อยกว่าเขาทั้งสิ้น ถือว่าเขาคือผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว

เขาถือเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด และสามารถรับหน้าที่ศิษย์แรงงานภายในสำนักได้แล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาอีกต่อไป นับตั้งแต่วันนี้เขาจะฟื้นคืนศักดิ์ศรีของตนกลับคืน!

คนแรกที่เขาต้องการลบชื่อคือหม่าฮวาหยวน ผู้ที่ผลักไสให้เขาเข้าสู่ทางตัน

หากไม่ใช่เพราะมีความช่วยเหลือของจี้วังวนจันทรา หลินมู่คงตายตกไปนานแล้ว

แต่ก่อนหน้าที่จะทำอย่างนั้น เขาจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับพลังวิญญาณในร่างกายให้ดีเสียก่อน

เพราะหลังจากฝึกฝนด้วยการดูดซับพลังจากยาผนึกวิญญาณ หลินมู่ก็กลับมาไม่คุ้นเคยกับพลังในกายอีกครั้ง

แต่หลินมู่ก็ไม่ได้เริ่มฝึกเคล็ดก่อปฐพีในทันที เพราะหญ้าวิญญาณในมิติวังวนจันทราเติบโตเต็มที่อีกครั้งแล้ว

การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ได้ผลผลิตมากกว่าสองครั้งก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก

หลังจากเก็บหญ้าวิญญาณทั้งหมดแล้ว หลินมู่สามารถเตรียมส่วนผสมสำหรับปรุงยาผนึกวิญญาณได้ถึงสามร้อยชุด ซึ่งทำให้เขาดีใจมาก

หลินมู่ใช้จอบวิญญาณปฐพีไถพรวนดินวิญญาณทั้งหกหมู่ แล้วหว่านเมล็ดหญ้าวิญญาณทั้งหมดลงไปเหมือนครั้งที่แล้ว

เมื่อเสร็จงานทั้งหมดแล้วจึงออกจากมิติวังวนจันทรา

หลินมู่ฝึกเคล็ดก่อปฐพีในลานบ้านทุกวัน เพื่อทำความคุ้นเคยกับพลังวิญญาณในร่างกายของตน

ครั้งนี้เขาฝึกได้คล่องแคล่วมากขึ้น ประกอบกับเคล็ดก่อปฐพีใกล้จะก้าวสู่ขั้นที่สามแล้ว หลินมู่จึงคุ้นเคยกับพลังวิญญาณในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากฝึกฝนมาสิบกว่าวัน เคล็ดก่อปฐพีของหลินมู่ก็ก้าวหน้าขึ้นอีกครั้ง จนถึงขั้นที่สาม

สิ่งที่ทำให้เขาดีใจคือ ตอนนี้เขาสามารถควบคุมพลังวิญญาณในร่างกายได้อย่างอิสระแล้ว

ยังมีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันก่อนถึงวันประลองชี้เป็นชี้ตาย หลินมู่ไม่ได้ออกจากบ้านในช่วงนี้ แต่ฝึกเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุในลานบ้าน และพยายามผสานวิชาต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อหาวิธีรับมือกับศัตรู

และเขากำลังรอคอยการมาถึงของวันประลองอย่างใจเย็น!

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด