บทที่ 9 ค้นหาสถานที่ที่จะไป
บทที่ 9 ค้นหาสถานที่ที่จะไป
เอ้อร์หยาเบิกตาโตมองด้วยความกลัวแม่โกรธน่ากลัวจัง
“เป็นท่านย่าไม่เป็นป้าใหญ่......”
“คนในบ้านเก่าพวกนั้นใช้ประโยชน์จากที่แม่ไม่อยู่แอบมาขโมยไก่กับเป็ดที่แบ่งให้เราแล้วตีพี่สาวจนบาดเจ็บใช่ไหม”เซี่ยชิงหยาเห็นลูกพูดไม่ชัดเลยช่วยแก้ไข
เอ้อร์หยาพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าวตัวเล็กๆค่อยๆ เลื่อนไปใกล้ต้าหยา
เซี่ยชิงหยาหน้าเครียดดวงตาน้ำตาคลอ
“เป็นความผิดของพวกเราเองที่ดูแลของไม่ดีแต่ของถูกขโมยไปแล้ว จะตีก็ตีข้าเถอะข้าไม่มีประโยชน์”ต้าหยากล้าหาญเดินออกมาตัวเล็กๆปกป้องน้องสาว
“อย่าตีพี่ตีหนู พี่เลือดออกเยอะ ฮือฮือ”เอ้อร์หยาร้องไห้โฮ
เซี่ยชิงหยาเหลือบมองไปที่เอ้อร์หยานางก็หยุดร้อง
ซึมๆสะอื้นเบาๆเหมือนไก่ติดคอ
เซี่ยชิงหยารู้สึกอึดอัดไม่ได้จะดุพวกนาง เด็กสองคนเหมือนมีเกราะป้องกันแค่นางทำท่าหรือแสดงสีหน้าพวกนางก็กลัว
เป็นกรรมของคนก่อนหรือเปล่า!
“แม่จะทายาให้”เซี่ยชิงหยาลากต้าหยาไป
นางได้เก็บสมุนไพรไว้ที่หน้าบ้านเรียกว่า"เหี่ยวยาน"ใช้ห้ามเลือดและลดบวมได้ดีในชาติก่อนพ่อแม่เลี้ยงไม่เคยสนใจแม้นางจะเจ็บ สมุนไพรพวกนี้นางรู้จักหมด
เซี่ยชิงหยาเอาสมุนไพรมาเคี้ยวให้ละเอียด
“อันนี้ไม่อร่อยเอ้อร์หยาเคยลองแล้ว......”เอ้อร์หยาเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ใช่ของกินเอาไว้ห้ามเลือดให้พี่สาว”เซี่ยชิงหยานำสมุนไพรที่เคี้ยวแล้วทาให้ต้าหยาบนหน้าผาก
นางจิบน้ำลายอีกหลายครั้งก่อนที่จะคายรสขมในปากของนางออกมา
สมุนไพรห้ามเลือดได้ดีไม่นานแผลบนหน้าผากของต้าหยาก็เลือดหยุด เซี่ยชิงหยาดูอย่างละเอียดแผลของต้าหยาดูน่ากลัวแต่ไม่ลึก
ตอนนี้ทาสมุนไพรเคี้ยวแล้วแดงเขียวปนกันหน้าของต้าหยาดูน่ากลัวมากขึ้น
“ไป!ตอนนี้ไปเอาของที่ถูกขโมยคืนมาด้วยกัน”
เซี่ยชิงหยาพูดเหมือนตะโกนสโลแกน
ดวงตาสีดำขลับของต้าหยาแฝงไปด้วยความงงงวยแต่เมื่อเห็นแม่ในวันนี้ที่ไม่ได้ตีหรือดุด่าพวกนางเรื่องดูแลบ้านไม่ดีกลับยังใจดีทายาให้
หรือว่าผู้หญิงคนนี้ถูกยมบาลเตือนเรื่องไม่มีลูกชายจึงเริ่มปฏิบัติต่อพวกนางดีขึ้น
แต่ก็อาจจะเป็นการแกล้งทำ
ต้าหยาจับมือเอ้อร์หยาที่อวบอ้วนกระซิบเบาๆว่า“เดี๋ยวถ้าไปที่บ้านเก่าแล้วเกิดทะเลาะกัน เจ้าก็รีบวิ่งวิ่งให้ไกลที่สุด”
เอ้อร์หยาพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว
ของที่ถูกเอาไปจากบ้านเก่าจะเอากลับมาง่ายๆ ได้ยังไง
แต่มีของอร่อยเยอะแยะเลย
น้ำลายของเอ้อร์หยาไหลย้อยลงมาไม่หยุด
ในเวลานี้นางหวังว่าแม่จะต้องเอาของกลับมาให้ได้
ความโกรธของเซี่ยชิงหยาลุกโชนจนถึงขมับนางใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงหน้าบ้านเก่าลูกสาวทั้งสองก็ก้าวเดินตามอย่างสุดความสามารถด้วยขาสั้นๆ
“ปัง ปัง ปัง!!!”
ประตูบ้านเก่าเปิดอยู่เซี่ยชิงหยาไม่ได้เข้าไป
นางยกมือขึ้นทุบประตูแรงขึ้นเรื่อยๆมือเจ็บก็ใช้เท้าแทน
“ออกมานี่เพิ่งจะแบ่งสมบัติให้ข้าทำไมถึงแย่งกลับไปแล้วตีต้าหยาจนหัวแตก นี่พวกแกไม่ใช่คนรึไง จะบีบบังคับให้เราแม่ลูกตายกันหรือไง คนตระกูลจี้ พวกนี้มันเลวทรามต่ำช้า!”
เสียงของเซี่ยชิงหยาดังขึ้นสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
โทสะและคำด่าที่เรียนรู้มาจากแม่บุญธรรมในชาติก่อนผสมผสานเข้าด้วยกันทำให้เซี่ยชิงหยามั่นใจ คนอื่นจะเอาเปรียบวันนี้นางจะทำให้พวกเขาเห็นว่านางไม่ใช่คนง่ายๆ
ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดพาเสียงของเซี่ยชิงหยาไปทั่วหมู่บ้าน
“หัวแตก เลวทรามต่ำช้า ไม่มีมนุษยธรรม บีบบังคับให้เราตาย”คำพูดเหล่านี้แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านรู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ต่างวางงานวิ่งออกมาดู
บางคนถือกระทะบางคนถือผักที่กำลังล้างบางคนถือชามข้าวข้าวเหนียวกับผักใบเขียวที่ไม่มีน้ำมัน
“เกิดอะไรขึ้นบ้านจี้เพิ่งจะแยกบ้านกันทำไมถึงมีเรื่องราวอีก”
“ไม่รู้ ได้ยินว่าต้าหยาเกือบจะถูกตีตาย ชิงหยาก็เลยเป็นบ้า”
“แย่งของที่เพิ่งแยกกันไปน่าจะเอาไปให้ลูกชายคนอื่น ยายจี้ทำไม่ถูก แบ่งบ้านกันแต่ไม่มีอะไรเหลือจะแบ่งไปทำไมกัน”
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
เซี่ยชิงหยาอยากจะปรบมือให้กับชาวบ้าน
นางพูดไปนิดเดียวพวกเขาก็สามารถคิดต่อได้และยังเติมแต่งเรื่องราวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
เจ๋ง!
พอแม่เฒ่าจี้ออกมาได้ยินเสียงชาวบ้านหน้าถึงกับเบี้ยว“ทำไมลูกสะใภ้คนรองที่แยกบ้านไปแล้วจะมาวุ่นวายอะไรอีก”
เซี่ยชิงหยาหัวเราะอย่างขัดใจ
แต่เด็กๆก็ไม่ได้เล่าเรื่องชัดเจนว่าแม่เฒ่าจี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการแย่งของหรือเปล่า นางก็เลยอดกลั้นอารมณ์ไว้แล้วดึงต้าหยาที่เลือดบนใบหน้าเริ่มแข็งตัวมา
“ท่านแม่ ต้าหยาก็เป็นหลานสาวของท่านเช่นกัน เด็กปกป้องสมบัติที่แยกบ้านได้แต่ถูกตีแบบนี้ข้าจะเอาเชือกไปแขวนคอตัวเองที่หน้าบ้านของท่าน......”
ต้าหยาก็ยิ้มแห้งๆพูดว่า“ท่านย่าข้าเจ็บหัว ป้ากับน้าแย่งของที่บ้านข้า ข้าบอกว่าอย่าเอาหมดเดี๋ยวเราจะหิว น้าก็ด่าข้าว่าไร้ประโยชน์ แล้วก็ตีหัวข้าแตก ฮือฮือ”
เซี่ยชิงหยาไม่ได้คาดหวังว่าต้าหยาจะพูดแบบนี้
ทันใดนั้นเสียงด่าจากชาวบ้านดังขึ้น
“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารพวกตระกูลจี้ทำแบบนี้มันใจร้ายเกินไป”
“ไหนใครเขาจะแบ่งสมบัติให้แล้วมาเอาคืนกัน ไม่มีน้ำใจจะให้ก็แบ่งให้น้อยหน่อยสิ ทำเป็นใจป้ำแล้วก็มาแอบเอาคืน ทุเรศจริงๆ”
“เมียในบ้านก็ไม่รู้จักคิด ตาแก่จี้ก็ไม่รู้จักสั่งสอน”
ชาวบ้านบางคนที่สนิทกับครอบครัวจี้รีบเข้าไปหาตาแก่จี้แล้ว เซี่ยชิงหยาไม่คิดว่าชาวบ้านจะเข้าใจเหตุผล แถมยังพูดจาดีขนาดนี้
พูดเก่งนัก ก็พูดให้มากๆ หน่อยสิ!
ไม่นาน ตาแก่จี้ก็ออกมา โดยไม่ได้ถือกล้องยาเส้น หน้าดำๆ ของเขาดูอับอาย เพราะตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเห็นคนมามุงหน้าบ้านเยอะขนาดนี้มาก่อน
“สะใภ้ใหญ่ สะใภ้สาม ออกมาอธิบายหน่อย ทำไมต้องก่อเรื่องวุ่นวายขนาดนี้”
ตาแก่จี้สั่ง แล้วผู้กระทำผิดทั้งสองก็ค่อยๆ ออกมาอย่างอิดออด
หวังจื่อยังอุ้มลูกอยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาใคร “ท่านพ่อ หวั่นฟู๋หิวแล้ว ขอข้าไปให้นมหวั่นฟู๋ก่อน แล้วค่อยออกมา พี่สะใภ้ช่วยอธิบายก่อนนะเจ้าคะ”
พูดจบ หวังจื่อก็ทำท่าจะเผ่น
ตาแก่จี้ด่าว่า “เด็กอดข้าวสักมื้อไม่ตายหรอก พวกเจ้าสองคนอธิบายมาดีๆ ว่าวันนี้ไปเอาของที่บ้านลูกชายคนรองทำไม แถมยังตีหัวต้าหยาแตกอีก นี่มันไม่ใช่วิถีของตระกูลเรา”
สีหน้าตาแก่จี้ดูไม่ดีเลยจริงๆ
ตระกูลจี้ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้านริมทะเล ตอนนี้ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะมากมาย ราวกับเอาเขาไปย่างไฟ! ทรมานจริงๆ!
“ท่านพ่อ พวกเราแค่ไปขอยืมของจากน้องสะใภ้เองเจ้าค่ะ นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”