ตอนที่แล้วบทที่ 72 หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 74 ปลาคาร์ฟ

บทที่ 73 มีแม้กระทั่งกลิ่น


ตกกลางคืน ณ คฤหาสน์ของตระกูลหลี่อันเงียบสงบ มีเสียงสุนัขเห่าและนกป่าภูเขามาจากระยะไกลเป็นครั้งคราว

บางห้องพักยังคงปล่อยให้เทียนไขส่องสว่างอยู่เนื่องจากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ประหลาด ผู้อยู่อาศัยจํานวนมากในคฤหาสน์กลัวการนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิท

ขณะนี้ทหารยามหลายกลุ่มกําลังลาดตระเวนภายในคฤหาสน์ มีผู้บ่มเพาะรับจ้างถูกจ้างมาเพื่อดูแลคฤหาสน์ แต่พวกเขามีไม่มาก ดังนั้นคฤหาสน์จึงยังคงพึ่งพาผู้ชายธรรมดาเป็นกําลังลาดตระเวนหลัก

สายลมกลางคืนพัดพาผ่านจนพวกเขาหนาวสั่น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจ

"ลุงสี่ ลุงสี่" ยามคนหนึ่งตะโกนเบาๆ จากด้านหลังของลุงสี่ซึ่งเป็นยามอีกคนหนึ่ง "ข้าอยากจะไปฉี่ โปรดมากับข้าหน่อยสิขอรับ"

"อะไรนะ ก็ไปสิ" ลุงสี่ตอบ

"ข้าไม่กล้าไปคนเดียว ไปกับข้านะลุงสี่" ยามที่อยู่ข้างหลังลุงสี่ขอร้อง

"เออ ก็ได้ๆ "

สุดท้ายลุงสี่ก็ยอม เขาให้ยามคนอื่นเฝ้าตรงนี้แทน จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปกับยามที่กำลังกลัว

ชายทั้ง 2 คน ได้เดินออกไปบริเวณชายป่า

จากนั้นยามที่หวาดกลัวก็เข้ากำบังในป่า เขาปลดเข็มขัดและเล็งเป้าไปในป่าที่มืดสนิท

เขากล่าวอย่างไม่รู้จบว่า "ใครจะรู้ว่าเมื่อใดเราจะได้เห็นวันที่ดีเช่นเดิม.. เราได้รับการว่าจ้างให้เป็นยามเฝ้าคฤหาสน์ ดังนั้นเราจึงมาที่นี่เพื่อปกป้องคฤหาสน์จากพวกโจรและดูแลเหตุวิวาท แต่เหตุใดเราจึงต้องมาคอยดูสัตว์ประหลาดด้วยเล่า ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาได้เชิญผู้บ่มเพาะที่มีชื่อมาจัดการด้วยนี่ แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด.. พวกเขาจะจัดการกับสัตว์ประหลาดนี้ได้จริงหรือ ท่านว่าอย่างไรลุงสี่..”

“..ลุงสี่..”

“ลุงสี่!”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเขาก็รู้สึกผิดสังเกตและมองย้อนกลับไป ปรากฏว่าลุงสี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาได้หายไปแล้ว

เขาตกใจและหันไปเผชิญหน้ากับข้างหน้า พลางคิดในใจว่าควรรีบกลับไปที่กลุ่มของเขา

แต่เมื่อเขามองไปข้างหน้าเขาก็พบใบหน้าขนาดใหญ่ของผีที่ดูดุร้ายอยู่ตรงหน้าเขา

"อ๊ากกกกกกกก"

ทั้งยามและผีกรีดร้อง ไม่ชัดเจนว่าเสียงใครดังกว่ากัน

หลังจากกรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้งในที่ยามผู้หวาดกลัวก็ดึงกางเกงของเขาและผีชั่วร้ายก็ยกกรงเล็บขึ้น!

แล้วยามรีบหันกลับและพยายามหนีไปจากตรงนั้น พร้อมผีที่ตามเขามา

"ผี! ช่วยด้วยยย!" ยามตะโกนในขณะที่พยายามวิ่งอย่างสุดแรง

สิ้นเสียงตะโกน มีเสียงตําหนิดังขึ้นกลางอากาศว่า “ที่นี่มีศิษย์แห่งฉูซานอยู่ ภูติผีตัวใดมันกล้ามาก่อกวนกัน”

หลังจากนั้น แสงกระบี่ที่สดใสและขาวราวหิมะก็ส่องแสงเหมือนดาวตกในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด

ผีร้ายเห็นแสงกระบี่พุ่งเข้าหาตนอย่างรวดเร็วก็รีบยกอุ้งมือขึ้นทันที และเสียง "แคร๊ง" ปิดกั้นการโจมตี แต่แรงกระแทกนี้ทําให้ผีร้ายกระเด็นไปไกล

ผีร้ายตัวนี้ไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้ มันพลิกตัวและวิ่งทันที!

ระหว่างนั้นมีชาย 2 คน วิ่งตามหลังผีกระโจนไล่ตามไป

“มันจะหนี!”

"คิดว่าหนีรอดงั้นหรือ" ชูเหลียงตะโกน

ทันใดนั้นมีสิ่งของชิ้นหนึ่งโผล่ออกมาจากแขนเสื้อของเขา มีแสงสีแดงเหมือนสายฟ้าพุ่งออกมาโดยคาดการณ์เส้นทางของผีร้าย เขายิงมันออกไปก่อนเวลาเล็กน้อย แสงสีแดงพุ่งตัดหน้าผีร้ายและมัดมันไว้ได้ทันที!

เชือกผูกปีศาจ!

ตุ้บ!

ผีร้ายล้มลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้

ในทันใดนั้นมันก็วิงวอน "สงสารข้าเถิด ท่านวีรบุรุษหนุ่ม โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด"

การอ้อนวอนของผีไม่จำเป็น ชูเหลียงและหลินเป่ยได้ตระหนักถึงความผิดปกติมานานแล้ว แม้ว่ามันจะดูเหมือนผี แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงชี่แห่งความตายในการเคลื่อนไหวของผีตัวนี้แม้แต่น้อย ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่ผี

หลังจากหลินเป่ยลงจอด เขาได้เห็นผีตัวนั้นถูกเชือกกระดองเต่ามัดแน่นบนร่างกายจึงเอ่ยถาม “รู้สึกดีไหม”

ชูเหลียงกับผีร้ายมองหลินเป่ยด้วยความสงสัย "ห้ะ"

"ห้ะ เอ่อ.. ข้าเห็นเขากระแทกกับพื้นก็เลยถามว่าเขายังดีอยู่หรือไม่น่ะ.. เอ่อ.. เราถามเขาดีกว่าอย่าสนใจข้าเลย"

ชูเหลียงเบือนหน้าจากหลินเป่ยและถามผีตรงหน้า “เจ้าเป็นคนหรือผี”

"ข้าเป็นคน! ข้าเป็นคน!" ผีร้ายตะโกนพลางพยายามดิ้นรนดึงมือออกมา อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปลดพันธนาการได้ และได้แต่กลิ้งตัวไปมาอย่างหมดหนทางเท่านั้น

ชูเหลียงเข้าใจเจตนาของผี เขาจึงเดินเข้าไปถอดหน้ากากผีออก

ตามที่คาดไว้ ใต้หน้ากากเป็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งและดูเหมือนว่าคนนี้เป็นผู้ฝึกตนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของเขาไม่สูงมาก เขาอาจอยู่ในระยะเริ่มต้นของระดับที่สองเท่านั้น

"เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาแกล้งทําเป็นผีในหลี่เจียจวงเช่นนี้" ชูเหลียงถาม

"ข้าแค่คิดว่ามันน่าสนใจ..." ผีปลอมกล่าวเบาๆ

หลินเป่ยหัวเราะอย่างเย็นชา “ฮ่าฮ่า อย่าคิดโกหกเลย ข้าและสหายของข้า อืม.. เราโรคจิตพอสมควร ถ้าเจ้ายังดึงดันที่จะโกหกต่อ ใครจะรู้ว่าเราสามารถทำอย่างไรกับเจ้าได้บ้าง”

การแสดงออกของผีปลอมเริ่มเย็นชา เขามองลงไปที่เชือกสีแดงที่พันธนาการตัวเองอยู่และคิดว่าสิ่งที่หลินเป่ยพูดไม่ใช่แค่การข่มขู่ ถ้าเขายังโกหกต่อไป ผลที่ตามมาอาจจะยากที่จะจินตนาการได้

ดังนั้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัวและกล่าวว่า "เอ่อ ท่านวีรบุรุษหนุ่ม อย่าทำข้าเลย ข้าสำนึกผิดแล้วขอรับ”

"ศาลาจิ้งเยว่ริมแม่น้ำเฉินหนานส่งข้า เขาจ้างให้ข้ามาที่หลี่เจียจวงแห่งนี้และแกล้งเป็นผี พวกเขาให้ข้าแกล้งคนที่นี่และให้ข้าทําร้ายคนสักสองสามคนและพยายามสร้างความปั่นป่วนให้มากที่สุด"

"ศาลาจิ้งเยว่งั้นหรือ" ชูเหลียงกล่าว

เมื่อเขาได้ยินชื่อเขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ ตอนที่ผู้ดูแลซุยบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่คฤหาสน์ เขาก็คิดถึงความเป็นไปได้แล้ว โดยธรรมชาติแล้ว ในเวลานี้ที่มีวิญญาณชั่วร้ายออกอาละวาดในกูลหลี่ ศาลาจิ้งเยว่จะเป็นผู้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด

"ข้าเพียงแค่ปฏิบัติตามคําสั่ง ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าสัญญาว่าจะตัดความสัมพันธ์กับศาลาจิ้งเยว่" ผีปลอมขอร้อง

"ปล่อยเจ้าหรือ ฝันไปเถอะ" หลินเป้ยจ้องตาเขา จากนั้นก็ถามชูเหลียง “เราจะทำยังไงกับเขาดี”

"มัดเขาไว้ค้างคืน" ชูเหลียงตอบ "พรุ่งนี้ส่งตัวเขาให้ผู้ดูแลชุยจัดการ การปรากฏตัวของผีร้ายในคฤหาสน์ของตระกูลลีมีผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อพวกเขา เขาต้องการผู้กระทําผิดเพื่อให้เขาสามารถกระจายข่าวออกไปและให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นเรื่องเท็จ”

"ไม่! ท่านวีรบุรุษหนุ่ม โปรดปล่อยข้าไป นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่นะขอรับ ขอโอกาสให้ข้านะขอรับ" ผีปลอมอ้อนวอนเสียงดัง

หลินเป่ยพูดเหยียดหยาม “เห้อ นี่เป็นครั้งแรกหรือ ทุกคนที่ถูกจับต่างชอบพูดกับแบบนี้เสียจริง เพียงแค่สารภาพตามความเป็นจริงทุกอย่างก็จะจบ เจ้าทำแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ใครในศาลาจิ้งเวย่ที่สั่งเจ้า ค่าจ้าง รายละเอียด ลงมือกี่ครั้ง ลงมืออย่างไร วิธีการที่ใช้ บอกมาให้หมด หากข้อมูลของเจ้ามีประโยชน์ เราอาจจะไม่บอกครอบครัวและเพื่อนของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้” หลินเป่ยกล่าว

ผีปลอมที่ฟังหลินเป่ยมีสีหน้างงงวย จากนั้นเขาก็ตอบอย่างหมดหวัง "ข้ามิได้โกหก ข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ เจ้าของศาลาจิ้งเยว่เชื่อว่าเหตุการณ์สัตว์ประหลาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่เลวร้ายมากพอ ดังนั้นเขาจึงขอให้ข้ามาสร้างเรื่องวุ่นวายเพิ่ม"

"อืม.. ข้าว่าแปลกๆ " ชูเหลียงพึมพํากับตัวเอง "ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลชุยบอกว่าสัตว์ประหลาดไล่ตามแต่ผู้หญิง ไม่ไล่ตามผู้ชาย แต่เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้ไล่ยามผู้ชาย.. นอกจากนี้ ผู้ดูแลซุยบอกว่าสัตว์ประหลาดก่อนหน้านี้เคลื่อนที่เร็วมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นหน้าตาของมันอย่างชัดเจน ฟังอย่างไร ผู้ชายคนนี้ดูมิใช่สัตว์ประหลาดตัว.."

“กรี๊ดดด!!” เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากคฤหาสน์

“อย่างที่คาด ยังมีสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง” ชูเหลียงกล่าว เขาหันไปพูดกับหลินเป่ย “เฝ้าเขาไว้ให้ดี ข้าจะไปทางนั้นเอง”

“ได้เลย”

หลินเป่ยไม่คัดค้านชูเหลียง ท้ายที่สุดแล้ว ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ํากว่าชูเหลียง ซึ่งนี่คือความจริง

หลินเป่ยหันไปดูผีปลอมที่นอนอยู่บนพื้นและถูกมัดอย่างแน่นหนา

หลินเป่ยมีสีหน้าที่หลงใหลและแสดงความปรารถนาที่จะเรียนรู้ “อืมน่ากลัวเหมือนผีจริงๆ มีแม้กระทั่งกลิ่น” ฟุดฟิดๆ หลินเป่ยดมด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ลงทุนเสียจริงนะ ว่าแต่กลิ่นนี้ทำจากสิ่งใดหรือ” เขากล่าวพลางดมและดูไปรอบตัวผีปลอม

"เอ่อ.." ผีปลอมพยายามกล่าวกระอักกระอ่วน "ตอนที่ข้าพยายามหลอกยามคนนั้น เขากำลัง.. ฉี่.. และข้ายืนอยู่ตรงหน้าเขา..."

"..." หลินเป่ยหยุดดมและนิ่งไป “เช่นนั้นเองหรือ..”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด