บทที่ 608 : แร็กนาร็อค (24)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 608 : แร็กนาร็อค (24)
“โลกิ”
มีคนเรียกชื่อของฉัน
ฉันคิดว่ามีชื่ออื่นเช่นกัน
แต่…ฉันลืมมันไปแล้ว
“ผู้ที่เหนือกว่าคนอื่นทั้งหมด…”
ฉันมองไปด้านข้าง
ที่ซอยด้านหลังมีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาช้าๆ
“นายคืออัลฟ่าซีโร่เหรอ?”
“ฉันไม่คิดว่าชื่อนั้นมีความหมายอีกต่อไปแล้ว กรุณาเรียกฉันว่าเลคาดิส”
เขาดูแก่มาก
เมื่อฉันเห็นเขาครั้งแรก เขาดูสูงวัยและวัยกลางคน แต่ตอนนี้เขาดูเหมือนชายชราที่ใกล้เข้าโลง
“ฉันบอกให้ไซเซลพานายหนีไป...แล้วทำไมนายถึงยังอยู่ที่นี้?”
“ร่างกายนี้…มีชีวิตอยู่เพียงพอแล้ว จะมีประโยชน์อะไรใช้ชีวิตในร่างที่น่าเกลียดนี้อีกต่อไป”
แค่กๆ
ชายชราไอจนตัวโยน
มีเลือดไหลออกมาที่มุมปากของเขา
'ตอนนี้เมื่อฉันคิดถึงเรื่องนี้ ฉันคิดว่าฉันพูดแทบไม่เป็นประโยค'
แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอลง แต่ดวงตาของเขาก็ชัดเจนกว่าที่เคย
มีสิ่งที่เรียกว่า "การสะท้อน"
ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้พลังของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะตาย
“มันเป็นความผิดของฉันเอง เทลถึงได้กลายเป็นแบบนั้น”
ชายชรานั่งอยู่บนม้านั่งหักๆ
น้ำเสียงสำนึกผิดหลุดออกมาจากปากของชายชรา
“ในอีดตฉันเป็นผู้นำของเทพเจ้าหลายหมื่นองค์ หลังจากสังเกตจุดสิ้นสุดของจักรวาลแล้ว ฉันก็มอบความรับผิดชอบให้กับเด็กๆ เหล่านั้น พวกเขาเป็นเด็กที่บริสุทธิ์มาก พวกเขารักชีวิตของพวกเขามากกว่าใครๆ”
“....”
“ความฝันที่บิดเบี้ยวของฉัน...คือสิ่งที่สร้างโศกนาฏกรรมในครั้งนี้”
เลคาดิสหลับตาลง
ฉันหัวเราะเบาๆ
“แล้วนายมีแผนจะทำอะไรต่อ? หันหลังกลับเป็นไง?”
“สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่สามารถยกเลิกได้ นั่นเป็นความรอบคอบของจักรวาลไม่ใช่เหรอ?”
ดวงตาที่ย่นสะท้อนมาที่ฉัน
“แต่คุณกำลังพยายามขัดขืน”
ชายชรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
กลุ่มเศษซากกำลังบิดตัวอยู่เหนือเราสองคน
“ยิ่งพยายามต้านมันมากเท่าไร พวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นและกลับมาได้ เป็นเหมือนน้ำตกที่ไม่สามารถไหลย้อนขึ้นไปได้ เทพของเราทุกคนพยายามต่อต้านมันอย่างสุดกำลัง แต่ก็ล้มเหลวอย่างน่าสังเวช พวกมัน….พูดได้เลยว่าจำนวนของพวกมันเป็นอนันต์”
“.....”
“พวกเราโมเบียส โลกที่นายอยู่ และจักรวาลอื่นอีกนับไม่ถ้วนมีกฎร่วมกัน เมื่อก่อนฉันก็เคยเป็นคนโง่แบบนาย ฉันกล้าที่จะพยายามสวนกระแสในโลกนี้”
ชายชราลดสายตาลง
“เมื่อฉันสร้างระบบขึ้นมา ฉันต้องการที่จะก้าวข้ามมันไป ฉันเทความรู้ทั้งหมดของฉันที่เรียกว่าเป็นการจุติ แต่ผลลัพธ์คืออะไร? ก็อย่างที่นายเห็นมันจบลงอย่างน่าสมเพชมาก”
รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏบนหน้าของชายชรา
“ตราบใดที่โมเบียสของเรายังคงอยู่ พวกมันจะโจมตีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“มันเป็นอนันต์”
“ไม่ว่านายจะแข็งแกร่งแค่ไหน….”
“ถ้าพวกมันไม่มีที่สิ้นสุด”
ฉันจับเสื้อคลุมของฉันและจ้องมองไปที่เศษซากแห่งหายนะที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
“ถ้ามันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ... มันก็คงจะเป็นการต่อสู้ที่สนุก”
ฉันอยากจะทดสอบมัน
มือของฉันเริ่มจะขยับทันที
“มีคนบอกฉันว่ามันเป็นภาชนะที่ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วพวกนั้นล่ะ? การเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่มีอาวุธอะไรแทงทะลุได้ ไม่สงสัยเหรอว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร”
“แต่นั้นมันก็หลายปี….”
“ทุกอย่างมีจุดสิ้นสุด”
ฉันยื่นมือขวาออกมา
“แพ้ชนะมีอยู่จริงในโลกนี้”
เกล็ดมังกรที่มือฉันกางออกมาและรูปร่างคล้ายดาบ
“ฉันไม่สู้ในการต่อสู้ที่ฉันไม่สามารถเอาชนะได้”
“....”
"โชคชะตา? เทพ? จำนวนอนันต์? อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันไม่เชื่อในเรื่องแบบนั้น สิ่งที่ฉันเชื่อก็คือ….”
ดาบในมือของฉัน
และ
ความตั้งใจที่แน่วแน่
“ถ้าเป็นคนขี้แพ้ อย่าบ่นและรอความตายต่อไป อย่าพูดมากด้วยเพราะมันจะขัดขวางการต่อสู้”
"……นาย"
“ใครเป็นคนตัดสินใจว่ามันจะไม่มีทางกลับไป”
“....”
“กำลังบอกให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ? ยังไงซะมันก็ไม่เหรอก เพราะตัวเองเอาชนะไม่ได้ เลยบอกให้คนอื่นล้มเลิกงั้นเหรอ?
ดวงตาเหล่านั้นจับจ้องมาที่ฉัน
'พวกมันเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง'
ศัตรูของพวกมันอยู่ที่นี่แล้ว
'คิดทุกอย่างด้วยความรอบคอบ'
ฉันจะแหกกฎอยู่เเล้ว
กฎที่จัดตั้งขึ้นเพื่อบังคับใช้ทั่วทั้งจักรวาลงั้นเหรอ? ฉันเดาว่ามันไม่สำคัญ
ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ
“การต่อสู้ครั้งนี้…อาจส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของจักรวาลอื่น”
"แล้วไงต่อ?"
“จักรวาลที่เกี่ยวข้องกับโมเบียสอาจจะสั่นสะเทือน พวกเขาอาจจะเรียกนายว่า 'ปีศาจ'”
"ก็ดี ฉันเองก็เกลียดการที่มีคนส่งเชียร์เหมือนกัน”
ผู้คนนับหมื่นจากโลกอื่นถูกฆ่าเพื่อปกป้องทาวน์เนีย
แต่ฉันก็ไม่สนใจ
ฉันอาจได้รับความเกลียดชังและจากใครบางคน
นั้นมันไม่สำคัญเช่นกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เลคาดิสระเบิดหัวเราะออกมา
จากนั้นร่างของชายชราก็เริ่มสลายไปและกลายเป็นแสงสว่าง
“ผู้ที่เหนือกว่า….”
“....”
“นายพยายามจะเอาชนะมันจริงๆ เหรอ?”
"มันยังไม่ชัดเจนเหรอ"
ฉันพูดต่อ
“ฉันจะชนะ”
นี่คือสงครามระหว่างพวกมันกับฉัน
ยังไงผลลัพธ์จะออกมาสักวันหนึ่ง
ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้
'แต่คนที่จะได้รับชัยชนะก็คือ…'
ฉัน
ฉันจะชนะแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนแห่งหายนะนับพันล้านหรือชิ้นส่วนคริสตัลนับแสนล้านชิ้น
ฉันจะจัดการทุกสิ่งโดยไม่เหลือกเศษซากใดๆไว้ข้างหลัง
จนไม่อาจสัมผัสมันได้อีกต่อไป
แกร๊ก!
พื้นดินเริ่มแตกร้าว
ตึกสูงๆที่ ถล่มลงมาหายวับไปกับความวุ่นวาย
เมืองนี้ล่มสลายไปแล้ว ไม่เหลือภาพเมืองล้ำสมัยอีกต่อไป
“นายผู้เที่มีพลังหนือกว่าใคร”
เลคาดิสที่ค่อยๆกลายเป็นผลึกแห่งแสง
“ฉันจะคอยดูความพ่ายแพ้ของนาย…”
ในที่สุดแสงนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของฉัน
การตัดสินใจของเลคาดิส
<ก่อนจะจากไป ฉันมีเรื่องจะเล่าให้นายฟัง>
"อะไร?"
<นาย…จะต้องแพ้……พ่ายแพ้… .>
ฉันฟังเสียงของผู้ชายคนนั้นนิ่งๆ
เลคาดิสที่กำลังติดอ่างพูดต่อ
<เซริส…เองก็….>
อัลฟ่าซีโร่หายไปโดยที่ยังพูดไม่จบประโยค
ฉันสับสนมากแต่สุดท้ายฉันก็หัวเราะออกมา
'เซริส?'
มันเป็นชื่อที่ฉันรู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อน แต่ฉันจำไม่ได้
นั้น…มันไม่ได้สำคัญ
ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนในการต่อสู้ครั้งนี้
ไม่มีอะไรให้กิน ไม่มีที่ให้นอน และไม่มีเวลาให้พักผ่อน
ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกแบบมนุษย์
กร๊าก!
เศษชิ้นส่วนแห่งหายนะดิ้นรนและกรีดร้องอย่างหนักก่อนจะตกจากท้องฟ้าตกลงมา
ดูเหมือนพวกมันกำลังมองหาใครสักคนที่จะกลืนกิน
ฉันเสะบัดดาบมังกรสีนิลของฉันออกไปด้านหน้า
ฉันปีนขึ้นไปบนกำแพงของอาคารที่พังทลายลงครึ่งหนึ่ง
คิๆๆๆ!
เศษซากนับแสนชิ้นพุ่งเข้ามาหาฉันทันที
'จนกว่าฉันจะตาย'
จะไม่มีใครสามารถออกไปจากที่นี่ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นแบบตอนที่อิคาร์อยู่ที่นั่นจะไม่เกิดขึ้น
หากไม่นับรวม 'ขอบเขต' ที่ฉันยืน เศษซากต่างๆ จะไม่ปรากฏที่ใดในโมเบียส
ฉันสะบัดเสื้อคลุมของฉันไปด้ายหลัง
คลื่นสีทองแผ่กระจายไปตามชายเสื้อคลุม
'ในสถานที่แห่งนี้….'
ฉันแบมือซ้ายของฉันออกมา
แสงสีทองปกคลุมเมืองด้านล่าง
'ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าภายนอกหลายแสนเท่า'
เวลาจะค่อยๆผ่านไป
เมื่อถึงจุดหนึ่ง มิติข้อมูลจะไม่ตรงกับแกนเวลาเนื่องจากโครงสร้างที่บิดเบี้ยว
จะไม่มีใครสามารถออกและไม่มีใครสามารถเข้ามาได้
สถานที่แห่งนี้จะถูกแยกออกจากโมเบียสและถือเป็นพื้นที่แยกต่างหาก
ขอบเขตตามเส้นมิติที่มีอยู่แต่ไม่มีอยู่จริง
""เข้ามา
ฉันเล็งดาบมังกรไปที่ศัตรู
พระเจ้าหรือบางสิ่งบางอย่างคงกำลังเฝ้าดูฉันจากที่ไหนสักแห่ง
"ด้วยชื่อของฉัน"
นี่คือการประกาศสงคราม
มันเป็นของขวัญจากฉันถึงพวกมัน
'เราควรจะเริ่มเลย'
ปัง!
ฉันเตะที่มุมตึกและกระโดดขึ้นไป
ดาบมังกรสีนิลในมือขวาของฉันยืดยาวออกไปหลายเมตร….