บทที่ 3: ถูกรังแก
บทที่ 3: ถูกรังแก
สายตาเย็นชาของแม่เฒ่าจี้จับจ้องไปที่ข้าวที่ถูกตักออกจากหม้อ
แม้จะไม่มาก แต่ในบ้านตระกูลจี้มีคนอยู่มากมาย ถ้าไม่มีกฎระเบียบ บ้านก็จะวุ่นวาย
“บ้านตระกูลจี้ของเรามีธรรมเนียมคือผู้ชายกินข้าวขาวส่วนผู้หญิงและเด็กกินมันเทศและข้าวกล้องลูกสะใภ้รองจดจำไว้ให้ดี ผู้ชายคือหัวหน้าครอบครัวคือเสาหลักของบ้าน ถ้าผู้ชายไม่ทำงานหาเลี้ยง ไม่ปลูกข้าวพวกเราผู้หญิงและเด็กก็ต้องอดอยากต้องให้ผู้ชายกินก่อน”
คำพูดของแม่เฒ่าจี้ ทำให้เซี่ยชิงหยาขนลุก
ในสมัยโบราณการผลิตยังไม่เจริญการที่ครอบครัวให้ความสำคัญกับแรงงานจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้
แต่เข้าใจไม่ได้หมายความว่าจะต้องเห็นด้วย
เมื่อแม่เฒ่าจี้พูดจบเซี่ยชิงหยาก็เงยหน้าขึ้นดวงตากลมโตพูดอย่างชัดเจน “เมื่อวานท่านแม่แอบเหลือข้าวไว้ให้ลูกชายของพี่ใหญ่ วันก่อนก็ให้ไข่ไก่กับน้องสะใภ้สามและเมื่อสองวันก่อนก็ให้น้ำตาลแดงกับน้องสาวพวกเขาก็เป็นผู้ชายที่ทำงานหาเลี้ยงเหมือนกันหรือเปล่า”
เซี่ยชิงหยานึกถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ติดอยู่ในความทรงจำของร่างเดิมและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ร่างเดิมน่าสมเพชแต่ก็โชคร้าย
นางถูกกระทำแต่ไม่กล้าพูดเลยเอาไประบายกับลูกสาวของตัวเอง อีกด้านก็แอบหาสมุนไพรมาทานเพื่อหวังว่าจะมีลูกชายเพื่อจะได้อยู่กับสะใภ้คนอื่นได้อย่างเท่าเทียม
สุดท้ายก็ถูกยาพิษฆ่าน่าเศร้าจริงๆ !
ใบหน้าของแม่เฒ่าจี้ร้อนผ่าวจริงๆ แล้วเป็นนางเองที่ทำลายกฎแต่นางก็เป็นผู้ใหญ่
แม้จะแอบรักใครบางคนลูกๆและสะใภ้ก็ไม่กล้าพูดแต่เซี่ยชิงหยากลับพูดตรงๆแบบนี้เท่ากับตบหน้านาง
“แกเป็นแม่ย่าหรือข้าเป็นแม่ย่ากันแน่จะมาสอนข้าหรือ”
หวังจื่อ ยืนอยู่ข้างๆขมวดคิ้วอย่างตื่นเต้นในใจก็ตะโกน “ตบนาง ตบนาง ลงโทษนางซะ”
“คืนนี้ห้ามกินข้าว!”แม่เฒ่าจี้ มองเวลาไม่อยากพูดมาก
“ข้าวก็เข้าท้องไปแล้ว จะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ลงโทษไม่ให้พวกเรากินข้าว ข้าไม่ยอมพวกเราแม่ลูกสามไม่ได้กินข้าวบ้านตระกูลจี้ฟรี สามีของข้าออกไปทำงานทุกวันไม่กลับมาทานข้าว ข้ากับลูกๆ ก็มีสิทธิ์กินแทนส่วนของเขา”เซี่ยชิงหยา พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
แม่เฒ่าจี้คิดในใจ ถูกยังนางว่าลูกชายคนรองไม่ได้กลับมาทานข้าว
“เอาของเหลือๆ ไปกินละกัน” หวังจื่อ เห็นว่าแม่เฒ่าจี้อ่อนลงก็เลยเข้ามาจุดไฟ
เซี่ยชิงหยากำลังโมโหหาทางระบายนางกระชากไหล่หวังจื่อ แล้วตบหน้านาง“ข้ากำลังคุยกับท่านแม่ เจ้ามายุ่งอะไรข้าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้านะ”
หวังจื่อ ตาเล็กอยู่แล้วตอนนี้เบิกกว้างขึ้น
เสียงตบดังทำให้นางแทบช็อก
“ข้ามีลูกชาย เจ้ามีแต่ลูกสาว เจ้า…เจ้ากล้าตบข้า”
“เพราะปากของเจ้าไม่ดี”
เซี่ยชิงหยาดูถูกหวังจื่อ
นางมองว่าหวังจื่อ เหมือนคนที่เคยโดนฝนแต่ยังไปฉีกร่มคนอื่น
หวังจื่อ คลอดลูกสาวสองคนก่อนจะมีลูกชายในบ้านนี้นางจึงถูกมองว่าเป็นคนต่ำต้อย
แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งขึ้นเพราะมีลูกชาย
“เจ้าต่างหากที่ไม่ดี ข้าจะฉีกเจ้า”
หวังจื่อ รู้สึกว่าหลังจากคลอดลูกชาย พี่สะใภ้ไม่ได้ให้เกียรติหรือเอาใจนาง ทำให้ความอดทนในใจนางขาดสะบั้น
ขณะที่หวังจื่อ กำลังวุ่นวาย เซี่ยชิงหยา ก็พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น“ทุกคนเอาเปรียบพวกเราสามแม่ลูกเพราะรู้ว่าสามีข้าไม่อยู่บ้าน ไหนๆ ก็จะไล่พวกเราออกจากบ้านเก่าแล้ว ก็แยกบ้านกันไปเลย ต่างคนต่างอยู่ต่างทำกับข้าวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
แม่เฒ่าจี้อึ้งไป
นางกำลังดุลูกสะใภ้ แต่เพียงชั่วพริบตาสองลูกสะใภ้ก็ทะเลาะกัน แล้วก็เพียงชั่วพริบตาอีกครั้งลูกสะใภ้คนรองก็ขอแยกบ้านเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!
“หยุดเดี๋ยวนี้”
คำพูดของแม่เฒ่าจี้เหมือนลมผ่านหู หวังจื่อไม่ฟังนางสาบานว่าจะตบกลับ
ด้านนอกพ่อเฒ่าจี้ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอดทนไม่ไหวจึงโยนเครื่องมือลง“ทะเลาะๆๆ ทะเลาะกันอยู่ได้รีบเก็บของแล้วกินข้าวเถอะ”
พ่อเฒ่าจี้สั่งหวังจื่อจึงหยุดมือ
แม่เฒ่าจี้เบ้ปากคิดว่าเรื่องที่ลูกสาวของลูกชายคนรองแอบกินข้าวคงต้องปล่อยผ่าน แต่ในขณะนั้นนางก็เห็นเซี่ยชิงหยาถือถุงข้าวแล้วเรียกลูกสาวทั้งสองเดินออกไป
“เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ สะใภ้รอง”
พ่อเฒ่าจี้ยืนอยู่ในสนามด้านนอกห้องครัวกำลังเคาะท่อบุหรี่มองเซี่ยชิงหยาด้วยสายตาเย็นชา
“ท่านพ่อพวกเราสามแม่ลูกอดทนกับการถูกกลั่นแกล้งไม่ได้อีกแล้วแยกบ้านกันไปไหนๆ ก็ไล่พวกเราออกจากบ้านเก่าแล้วต่างคนต่างอยู่ต่างทำกับข้าวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้าหยา เอ้อหยาไป”
ลูกสาวทั้งสองงงๆแต่ก็เดินตามเซี่ยชิงหยาออกไป
“สะใภ้รอง สะใภ้รองกลับมา กลับมาเดี๋ยวนี้”
แม่เฒ่าจี้ตบขาเรียกแต่เซี่ยชิงหยาไม่สนใจเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ
“นางบ้า สะใภ้บ้า ทุกคนบ้า!” พ่อเฒ่าจี้หายใจออกมายาวๆ ด้วยความอดกลั้น และมองตาเดียวไปยังแม่เฒ่าจี้ "ก็เพราะเจ้ามีความคิดแย่ๆ ถึงทำให้บ้านรองต้องการแยกตัวออกไป"
แม่เฒ่าไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ยุบหัวของตัวเองลงเหมือนไก่ในคอก กำลังโอบปีกของมัน
ลูกหลานคนโตพร้อมจะแต่งงานกันแล้ว พูดว่าจะมีบ้านของตัวเอง นางจะทำอย่างไรได้ ลูกหลานคนเล็กของตระกูลยังไม่ถึงหนึ่งขวบ ต้องการความช่วยเหลือจากนาง ก็ต้องไปสั่งนางทำงานอยู่แล้วให้ทำไงได้!
......
จากบ้านเก่าเดินมายังบ้านกระท่อมหินที่พวกนางอาศัยอยู่ ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรเลย
เมื่อเข้าไปในบ้าน ลูกสาวทั้งสองก็ยืนอยู่ห่างจาก เซี่ยชิงหยา
นางกล้าไม่เชื่อฟังแม้กระทั่งปู่ย่า ผู้หญิงคนนี้ดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
"มาช่วยแม่หน่อย"
เซี่ยชิงหยา วางถุงข้าวลงหลังจากนวดข้อมือที่เมื่อยล้า และหยิบของออกมาจากถุงอย่างดี เหมือนเป็นการแสดงมายากล มีถังใส่น้ำมันของแม่เฒ่าจี้ที่ใช้ประจำ, ถังใส่เกลือ, และไข่ไก่ห้าฟอง ซ่อนอยู่ในถุงข้าว
แม้กระทั่งหินไฟ, ชามดินเผา และตะเกียบหลายอัน นางก็จัดการมาด้วย!
เด็กสองคนไม่คาดคิดว่านางจะขโมยของได้มากขนาดนี้
ราวกับว่า...ราวกับว่าทุกอย่างนี้อยู่ในการคาดการณ์ของนางแล้ว
"ก็เพราะเราจะแยกกันแล้ว ของเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรเลย ดูสิ เจ้าสามารถกินทุกอย่างได้มากขึ้น แต่เจ้าไม่สามารถทนทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้ได้!"
เด็กสองคนมองนางอย่างขึ้นใจ
โดยเฉพาะคนโต หน้าซูบผอมแสนเหี่ยวแห้ง แต่ในดวงตาสีดำเงางามกลับมีประกายแปลกใหม่
เซี่ยชิงหยา เห็นว่าค่ำคืนกำลังมาถึง จึงหยิบหม้อดินเผาชิ้นเดียวที่มีในบ้านขึ้นมา และวางบนเตาที่ทำจากก้อนหินง่ายๆ เอาไว้ต้มข้าวต้ม
ในบ้านไม่มีอาหารอะไรเลย จะทำยังไงได้?
มีคำเสนอแนะไว้ว่า "พึ่งภูเขากินภูเขา พึ่งทะเลกินทะเล"
เซี่ยชิงหยา รู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ ขาเคลื่อนไหวเร็วกว่าปาก และนางก็เดินออกไปข้างนอก
"แม่จะไปเก็บอาหารทะเลมาเพิ่ม"
ชายฝั่งทะเล
แสงแดดสีทองตอนเย็นดูยิ่งใหญ่อลังการ ตกลับสู่ขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
บริเวณชายหาด มีเพียงคนไม่กี่คนที่ถือถังไม้กลับบ้าน
ทว่ากลับมีเพียงชาวบ้านคนหนึ่งที่คลุมผ้าโพกศีรษะสีดำหยุดเดินเพื่อคุยกับเซี่ยชิงหยา "น้องสาวเอ๋ย ดึกขนาดนี้แล้วอย่าออกไปจะดีกว่า เดี๋ยวนํ้าขึ้นแล้ว"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้ารู้อยู่แล้ว" เซี่ยชิงหยายิ้มน่ารักตอบรับ
โชคดีที่ผู้หญิงคนนั้นรีบกลับไปทำอาหารที่บ้าน จึงไม่ได้คุยต่อ
เซี่ยชิงหยาไปถึงชายหาดได้อย่างราบรื่น
"หอยหวาน หอยแครง กุ้ง หอยแมลงภู่ หอยตลับ... พวกมันอยู่ที่ไหน?" นางก้มหน้าลงค้นหาสิ่งต่างๆ ในขณะที่บ่นพึมพำอยู่
ท้องฟ้ายิ่งมืดเข้าไปอีก
ไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนของอร่อยริมทะเลทั้งหมดถูกผู้หญิงคนก่อนที่ถือถังไม้ไปหมดแล้ว
เซี่ยชิงหยารู้สึกหมดหวัง ร่างกายที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารก็ยิ่งเหนื่อยอ่อนมากขึ้น
แล้วนางก็ย่างเท้าไปเหยียบสิ่งหนึ่ง
เซี่ยชิงหยาใช้นิ้วขุดหาสิ่งที่ทำให้เท้าของนางเจ็บ ไปเจออยู่ในทรายก็พบว่ามีหอยเล็กๆ อยู่ชิ้นหนึ่ง เปลือกบางเหมือนใบไม้ แต่เปลือกก็ถูกนางเหยียบยับไปแล้วครึ่งหนึ่ง เนื้อก็กลายเป็นของเหลว
"ข้าแย่จริงๆ!" เซี่ยชิงหยามองหอยเล็กๆ ในฝ่ามือด้วยความหมดหวัง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งมัน
นี่คือของที่นางหามาได้เพียงชิ้นเดียว
แปลกที่ในฝ่ามือของนางมีรอยดำเหมือนรอยประทับอะไรสักอย่าง นางเลยใช้มือถูไปมา แต่กลับไม่หายไป
ทันใดนั้นก็มีคลื่นซัดเข้ามาถึงที่เท้าของนาง
นํ้าขึ้นแล้ว
นางจึงนั่งคุกเข่าลงเพื่อให้นํ้าซัดมาล้างมือ
ทันใดนั้น รอยดำนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่เจิดจ้าไปด้วยแสงสีต่างๆ
ดวงตาของเซี่ยชิงหยาแทบจะพราหลังจากนั้น
นี่คือนิ้วทองจริงๆ! นิ้วทองจริงๆ!
นิ้วทองในที่สุดก็มาถึง ฟ้าก็คงไม่ได้ให้นางต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว!
(*นิ้วทอง หมายถึง มีความสามารถวิเศษ/วิชาไร้เทียมทาน)